ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 543 บ้านร้าง
บทที่ 543 บ้านร้าง
บทที่ 543 บ้านร้าง
พวกลู่หยวนมองตัวอักขระบิดเบี้ยวสีแดงเข้มโดยไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
ลู่หยวนเป็นคนเดินนำเข้าสู่ทางขึ้นเขา!
วิ้ง!
หลังจากลู่หยวนก้าวเข้าไป คลื่นอากาศที่มองไม่เห็นก็กระจายออกจากลู่หยวน
จากนั้น การบ่มเพาะทั้งหมดของร่างกายลู่หยวนจางหายไปในทันที!
คนที่เหลือเข้าสู่ทางขึ้นเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นซวี่รั่วหลิงหรือกู้ชิงหรัน พวกนางต่างสัมผัสได้ว่าระดับการบ่มเพาะลดลงจนถึงศูนย์ในทันที
กระบี่หักที่อยู่ข้างกายกู้ชิงหรันไร้การสนับสนุนก่อนจะตกลงพื้นในทันที
กระบี่ยาวของซวี่รั่วหลิงที่กำลังลากร่างของเฉินจงก็ตกลงสู่พื้นเช่นกัน
ร่างของเฉินจงกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง!
ตอนนี้ลู่หยวนจำคำพูดที่เพิ่งเห็นใต้เขาได้ “ไม่มีการฝึกฝนที่นี่ ไม่มีการฝึกฝนในโลกใบนี้ ไม่มีการฝึกฝนในอาณาจักรนี้”
ลู่หยวนเข้าใจความหมายของประโยคนี้แล้ว
การเข้าสู่เทือกเขานี้จะส่งผลให้เกิดการสะกดการบ่มเพาะทั้งหมด
“ช่างน่าสนใจเสียจริง!”
ลู่หยวนยิ้มหยันขณะดวงตาทอประกายด้วยเจตจำนงการต่อสู้
แผ่นดินหยวนหงคือแผ่นดินที่พึ่งพาปราณวิญญาณในการค้ำจุน สรรพสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับการบ่มเพาะและพละกำลัง
ในแผ่นดินแห่งนี้ที่ปราณวิญญาณนับว่าเป็นกฎเกณฑ์ แต่ถึงกับมีพรมแดนที่สามารถตัดขาดการบ่มเพาะของทุกคนได้!
ซึ่งพรมแดนที่นี่คือซากปรักหักพังโบราณ!
ลู่หยวนอยากทราบว่าซากปรักหักพังแห่งนี้เป็นสถานที่แบบใด!
ท่ามกลางซากปรักหักพังเหล่านี้ถึงขั้นมีอุบายเกี่ยวกับแดนเซียน
เหอะ… เรื่องราวชักจะน่าสนใจแล้ว!
ลู่หยวนเดินขึ้นไป กู้ชิงหรันหยิบกระบี่หักขณะตามอีกฝ่ายไปจนสุดทาง
ซวี่รั่วหลิงรู้สึกเศร้าหมอง เนื่องจากตอนนี้นางขาดการบ่มเพาะ จึงทำได้เพียงลากเฉินจงตามไปเท่านั้น
โชคยังดีที่แม้รากฐานการบ่มเพาะของซวี่รั่วหลิงล้วนหายไป แต่กำลังกายยังคงอยู่ การลากเฉินจงจึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
โฮก!
ยิ่งพวกลู่หยวนเดินขึ้นเขาไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ยินเสียงสัตว์ร้ายจากทั้งสองฝั่งมากเท่านั้น
แม้กระทั่งเสียงกรอบแกรบก็ดังขึ้นเป็นครั้งคราว เนื่องจากสัตว์ร้ายเหล่านี้คล้ายกับสัมผัสได้ว่าพวกลู่หยวนกำลังใกล้เข้ามา พวกมันจึงพุ่งไปข้างหน้าทีละตัว
แต่ไม่ว่าจะเข้าใกล้มากแค่ไหน พวกมันก็ไม่ได้เข้าใกล้ทางขึ้นเขาสีเขียวนี้แต่อย่างใด
สายตาที่พวกมันมองพวกลู่หยวนเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่เมื่อเผชิญกับถนนหินสีเขียวก็คล้ายกับเกิดความระแวดระวัง!
หลังจากลู่หยวนทราบว่าสัตว์ร้ายเหล่านี้ไม่เข้าใกล้อีกต่อไป เขาก็เดินไปตามทางพลางนึกถึงแผนที่ในใจ
จากแผนที่ดังกล่าว ลู่หยวนควรมองหาถ้ำบนไหล่เขา
ถ้ำแห่งนั้นคือสถานที่ที่ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมตั้งอยู่
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการนำทางจะมีการผิดพลาด ถ้ำบนไหล่เขาน่าจะเป็นสถานที่ซ่อนตัวของสัตว์ร้ายทรงพลังยิ่ง!
สิ่งที่อยู่บนยอดเขาก็ไม่ได้มีการระบุเอาไว้บนแผนที่
แต่เพราะได้รับการนำทางโดยเฝยเฝย พวกเขาจึงมาถึงยอดเขาก่อน!
พวกลู่หยวนเดินไปจนสุดทาง เพียงสองถ้วยชาก็ไปถึงจุดสูงสุด
เมื่อไปถึงจุดสูงสุด พวกเขาพบว่าถนนหินสีเขียวกำลังจะสิ้นสุดเช่นกัน
ลู่หยวนยืนอยู่บนหินสีเขียวแผ่นสุดท้ายแล้วมองย้อนกลับไป สถานที่นี้คล้ายกับไม่ได้รับผลจากหมอกแม้แต่น้อย เมื่อสายตากวาดมองลงไป ภาพของเทือกเขาก็ปรากฏเด่นชัด!
“ช่างเป็นยันต์กระบี่ที่ยาวยิ่งนัก!”
ตี้อู่เหอซั่นพลันถอนหายใจอยู่ภายในจิตเทวะของลู่หยวน แล้วก็กวาดสายตามองเทือกเขาจากด้านข้างไปจนถึงพื้นดิน
เมื่อก้มมองจากที่นี่ ถึงได้รู้ว่าหินสีเขียวที่ไม่ราบเรียบเหล่านั้นเป็นยันต์กระบี่ที่ยาวมาก!
ยันต์กระบี่ทอดยาวออกไปจนปกคลุมทั่วเทือกเขา!
ยันต์กระบี่คล้ายกับเป็นที่พักพิงเรียบง่ายเพื่อปกป้องพวกลู่หยวนไปตลอดทาง
แต่เมื่อมาถึงที่นี่ ยันต์กระบี่ก็มาถึงจุดสิ้นสุดและอาจปกป้องพวกลู่หยวนไม่ได้อีกต่อไป!
โฮก! โฮก! โฮก!
เสียงคำรามของสัตว์ร้ายยังคงดังขึ้นปกคลุมทั่วทั้งเทือกเขา
สัตว์ร้ายเหล่านี้ติดตามพวกลู่หยวนตั้งแต่ขึ้นมา จนกระทั่งมาถึงหินสีเขียวแผ่นสุดท้าย พวกมันก็หยุดนิ่งตัวแล้วตัวเล่า
สัตว์ร้ายเหล่านั้นรายล้อมพวกเขาเอาไว้ทั้งนอกในถึงสามชั้น
ทันทีที่ลู่หยวนก้าวออกจากที่นี่ก็จะถูกฉีกทึ้งในทันที!
ลู่หยวนไม่ให้ความสนใจสัตว์ร้ายเหล่านี้ขณะยังคงมองซ้ายขวา ทันใดนั้น สายตาของเขาก็หยุดนิ่งขณะจับจ้องไปที่หน้าบ้านร้างหลังหนึ่ง
แม้บ้านร้างจะมีสภาพทรุดโทรม แต่มันยังคงตั้งตระหง่านแม้จะอยู่ท่ามกลางสายฝนบนขุนเขา
ซึ่งสัตว์ร้ายเหล่านี้ต่างก็หลีกทางให้บ้านหลังนั้นเช่นกัน
บริเวณนอกบ้านร้างยังแขวนขวดน้ำเต้าแกว่งไกวไปตามสายลม
ตอนนี้เองที่เฝยเฝยปรากฏขึ้นขณะดึงคอเสื้อของลู่หยวนแล้วชี้ไปยังสถานที่หนึ่ง โดยที่มันส่งเสียงร้องแหลมไม่หยุด
ไม่นานหลังจากส่งเสียงร้อง เฝยเฝยก็รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกอีกครั้ง ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องคิดก็ทราบแล้วว่าไอเย็นดังกล่าวมาจากใคร มันจึงมุดกลับเข้าอ้อมแขนของลู่หยวนอีกครั้ง!
“ที่นั่นงั้นรึ?”
ลู่หยวนยิ้มหยัน จากนั้นก็ก้าวออกจากถนนหินสีเขียวเพื่อสังหารสัตว์ร้ายที่ขวางทางตรงหน้า!
ในตอนนี้ เสียงคำรามหนึ่งดังไล่หลัง!
“มนุษย์ เจ้ามีเป้าหมายอะไรถึงได้บุกเข้ามาในเขาอู๋สิงของข้า?”
สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนเสือแต่มีเขามังกรและแปดหางก็เดินออกมาไม่ไกล
หลังจากได้ยินเสียงนี้ สัตว์ร้ายที่เหลือต่างหลีกทางให้ พวกมันทั้งหมดต่างก้มศีรษะด้วยความเคารพ
สัตว์ร้ายที่มีรูปร่างเหมือนเสือแต่มีเขามังกรและแปดหางปรากฏตรงหน้าลู่หยวน เขาหลุบสายตาต่ำลง ทันทีที่พ่นลมหายใจออกมา สายลมแรงกล้าก็กระจายไปทั่วทั้งเทือกเขา!
“มนุษย์ เขาอู๋สิงไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะบุกเข้ามาได้ ข้าขอแนะนำให้เจ้ากลับไปโดยไว!”
“กลับไปรึ? ได้อยู่แล้ว”
ลู่หยวนยิ้ม
สัตว์ร้ายตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ แน่นอนว่ามีมนุษย์จำนวนมากที่เดินผ่านมาถนนสายนี้จนมันต้องคอยเตือนอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่มีคนไหนที่คุยง่ายเหมือนกับคนผู้นี้มาก่อน
สัตว์ร้ายพยักหน้า “ช่างประเสริฐนัก จงไปเสีย”
ลู่หยวนหัวเราะคิกคัก “แต่ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว จะให้กลับไปมือเปล่าก็คงไม่ได้ เพราะงั้นช่วยมอบของดีที่สุดในภูเขาลูกนี้มาก่อนแล้วข้าถึงจะยอมไป”
“โอหัง!”
สัตว์ร้ายคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าคิดว่าสถานที่นี้คืออะไรถึงกล้ามาทำตัวเย่อหยิ่งถึงเพียงนี้?!”
มันฟาดฝ่ามือออกไป สายลมไร้ที่สิ้นสุดตรงเข้าบดขยี้ลู่หยวน
ลู่หยวนไม่กลัวเกรงแต่อย่างใด เขาหันข้างก่อนมือขวาจะกำหมัด
เขาเพิ่งเรียนรู้พลังสามสั่นสะเทือนมา ดังนั้นวันนี้ตนเองจึงอยากลองพลังของมันเสียหน่อย!
เมื่อกำลังจะซัดหมัดออกไปเพื่อหมายจะเข้าปะทะกับสัตว์ร้าย เขาก็ได้ยินเสียงของชายชรา
“โก่วจื่อ ให้เขาเข้ามา”
สัตว์ร้ายพลันหยุดการโจมตีและหุบกรงเล็บ จากนั้นจึงก้มศีรษะไปทางบ้านร้างด้วยความเคารพ
“ข้าน้อยน้อมรับ”
สิ้นคำ มันก็เดินจากไป แล้วสัตว์ร้ายทั้งหลายก็ตามติดเช่นกัน
จากนั้นเส้นทางสายหนึ่งที่นำไปสู่บ้านร้างก็เปิดออก
ลู่หยวนคิ้วขมวด สัตว์ร้ายตัวใหญ่ขนาดนั้นแต่กลับตั้งชื่อว่าโก่วจื่อ (ไอ้ลูกหมา) รสนิยมเลวร้ายเช่นนี้ช่างละม้ายคล้ายกับเขานัก
“ลู่หยวน เจ้ายังไม่เข้ามาอีกรึ? ซ่งชิงผู้นี้ดื่มชากับข้าไปหลายถ้วยแล้ว”
ซ่งชิงก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ?
ลู่หยวนยิ่งบังเกิดความสนใจ ดังนั้นเขาจึงก้าวออกไปแล้วเดินไปยังบ้านร้างทันที
———————————