ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 544 ชายชรา
บทที่ 544 ชายชรา
บทที่ 544 ชายชรา
กู้ชิงหรันอยากก้าวไปข้างหน้าเพื่อตามไปด้วย แต่สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ก็ก้าวเข้ามาเพื่อขวางทางนางเอาไว้
“ชายชราบอกแค่ว่าให้เขาผ่านไปคนเดียว”
กู้ชิงหรันคิ้วขมวดขณะกุมกระบี่หักในมือไว้มั่น แม้กระทั่งที่นี่ก็ไม่สามารถระดมปราณวิญญาณได้ ถึงกระนั้นก็ยังพอมีพลังมหาศาลบางอย่างปะทุอยู่ในร่างของนาง
พลังอันหนักหน่วงเคลื่อนลงมาราวกับฟ้าดินหลอมรวมเข้าด้วยกัน ถึงกับกดดันให้สัตว์ร้ายถอยไปครึ่งก้าว ใบหน้าของมันเผยความอึดอัดใจออกมา
“เจ้า…”
สัตว์ร้ายกำลังจะตะโกน แต่เสียงของชายชราก็ดังขึ้น “สาวน้อย เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้? ข้าเพียงอยากพบลู่หยวนเท่านั้น ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตเสียหน่อย เจ้ารออยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว!”
สิ้นคำ นางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความยำเกรงและหยิ่งทะนงเคลื่อนลงมาจากท้องนภา ทำให้สัตว์ร้ายทั้งหลายซึ่งอยู่ทั่วขุนเขาลำเนาไพรต่างคุกเข่าลงกับพื้น
จากนั้นซวี่รั่วหลิงผู้ลากเฉินจงก็ถูกกดดันจนต้องคุกเข่ากับพื้นเช่นกัน!
แต่ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันยังคงยืนตัวตรง
ทว่ากระบี่หักในมือของกู้ชิงหรันยังคงส่งเสียงร้องแผ่วเบา ขณะพลังโชคชะตามหาศาลปะทุออกจากร่างของนางอย่างต่อเนื่อง
เจตจำนงกระบี่สั่นสะท้านพลางกวาดไปทั่วทุกทิศทางราวกับเสียการควบคุมบางส่วน
กลิ่นอายหายไปในพริบตา พลังที่ปกคลุมท้องนภาเมื่อครู่ก็คล้ายกับไม่เคยมีตัวตน
ลู่หยวนเหลือบมองด้านข้างก่อนจะเห็นว่าสีหน้าของกู้ชิงหรันในตอนนี้ไม่สู้ดีนัก แล้วสายตาของเขาที่มองบ้านร้างก็ยิ่งลึกล้ำ
ลู่หยวนสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังโชคชะตาที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของกู้ชิงหรันเมื่อครู่คล้ายกับมีรากเหง้า
ราวกับเขาได้สัมผัสภูมิหลังของกู้ชิงหรันก็ไม่ปาน
กู้ชิงหรันมองไปทางบ้านร้างอย่างเย็นชา พลางครุ่นคิดบางอย่างในใจ
เสียงหัวเราะของชายชราดังมาจากกลางบ้านร้าง “เจ้าหนูลู่หยวน มานี่สิ”
ลู่หยวนมองกู้ชิงหรันด้วยท่าทีมั่นใจก่อนจะจากไปเพียงลำพัง
เขาอยากรู้ว่าชายชราคนนี้เป็นใคร แล้วเหตุใดซ่งชิงถึงยังมาอยู่ที่นี่
หลังจากลู่หยวนเข้าไปในบ้านร้างแล้ว สัตว์ร้ายทั้งหลายก็เริ่มทยอยจากไป
กู้ชิงหรันครุ่นคิดสักพัก แต่ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชา นางตวัดกระบี่หักออกไปพร้อมกับก้าวเท้าออกจากขอบเขตหินสีเขียว!
วิ้ง!
พลังแปลกประหลาดจากที่ใดไม่ทราบเคลื่อนเข้าหากู้ชิงหรันในพริบตา
พลังโชคชะตาในร่างของกู้ชิงหรันพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก
ลำแสงสายหนึ่งทะยานจากยอดเขาแห่งนี้แล้วมุ่งสู่ท้องนภา!
ทุกย่างก้าวของกู้ชิงหรัน ทำให้การเสริมพลังโชคชะตายิ่งแข็งแกร่ง
เมื่อกู้ชิงหรันเดินเข้าไปในบ้านร้าง พลังโชคชะตาของนางก็เปรียบได้กับเสาหลักแข็งแกร่งที่กำลังขัดขืนระหว่างท้องนภากับขุนเขา!
กู้ชิงหรันหยุดนิ่ง ทันทีที่กระบี่หักสัมผัสกับพื้น นางก็หันหน้าไปทางประตูไม้ของบ้านร้างโดยไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปอีก
ในตอนนี้ ภายในบ้านร้างหลังนั้นมีเพียงโต๊ะไม้ผุพังหนึ่งตัวกับเก้าอี้ไม้เตี้ยฝั่งละตัว ซึ่งซ่งชิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนแล้ว
ส่วนที่นั่งหลักมีชายชราในชุดธรรมดาค่อนข้างเก่านั่งอยู่ เขาถือขวดน้ำเต้าเอาไว้ราวกับพึงพอใจกับมันเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นลู่หยวนเข้ามา ชายชราก็ชี้ไปยังพื้นที่ว่างเปล่าด้วยมือขวา จากนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าหนูลู่หยวน ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้า”
สีหน้าของซ่งชิงผู้อยู่ด้านข้างไม่แปรเปลี่ยนแต่อย่างใดหลังจากเห็นลู่หยวน แต่ดวงตาของเขาหรี่เล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ลู่หยวนมองชายชราตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ยิ้มหยันแล้วเอ่ย
“ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมอยู่กับเจ้างั้นรึ?”
ทั้งชายชราและซ่งชิงต่างตกตะลึง
ฝ่ายหลังยังหัวเราะอยู่ในใจ ลู่หยวนผู้นี้ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ เขารู้หรือไม่ว่าชายชราผู้นี้เป็นใคร?!
วันนี้ซ่งชิงกับลู่หยวนอยู่ที่นี่ เมื่อพวกเขาได้พบกับชายชราก็ย่อมหมายความว่าต้องได้รับการสอนสั่งและชี้แนะบางอย่าง
แต่ลู่หยวนผู้นี้กลับเปิดปากพูดถึงผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม วัตถุภายนอกเช่นนั้นไม่อาจเทียบได้กับการสอนสั่งและชี้แนะของชายชรา!
สายตาของชายชรานิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แย้มยิ้ม “ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมนี้อยู่กับข้าจริง เจ้าต้องการงั้นหรือ?”
มุมปากของลู่หยวนยกยิ้ม ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า แล้วเท้าของเขาก็เหยียบลงบนโต๊ะไม้ผุพัง ทำให้เงาของร่างกายปกคลุมไปทางชายชรา
“ตาเฒ่า ข้าหมายตาผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมอยู่ รีบเอามันออกมาเดี๋ยวนี้!”
“ฮ่า ๆๆ”
ชายชราหัวเราะเสียงดังขณะลูบเคราสีเทาด้วยมือข้างหนึ่ง หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เขาก็หยุดมือก่อนจะมองลู่หยวน
“เจ้าหนู ไม่อยากรู้หรือว่าข้าคือใคร? รู้หรือไม่ว่าคำพูดของข้าคำเดียวมีค่ายิ่งกว่าผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม! เจ้าไม่อยากฟังงั้นหรือ?”
ลู่หยวนคิ้วขมวดพลางหรี่ตาเล็กน้อย “เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่?”
ชายชราจิบสุราแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “การที่พวกเจ้าสองคนมารวมตัวกันที่นี่ล้วนถูกกำหนดโดยสวรรค์”
ซ่งชิงผู้อยู่ด้านข้างรีบฟังอย่างตั้งใจ เขาทราบทั้งตัวตนและอุบายของชายชรา
ไม่มีคำพูดใดของชายชราผู้นี้ที่ไร้เหตุผล!
สิ่งที่ชายชราพูดเกี่ยวกับซ่งชิงและลู่หยวนในวันนี้ จะกลายเป็นจริงในอนาคตเช่นกัน!
หากทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ควรเตรียมตัวเอาไว้!
ชายชราเอ่ยต่อ “นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของฟ้าดิน มนุษย์ห้ำหั่นกับมนุษย์ สัตว์ร้ายห้ำหั่นกับสัตว์ร้าย เจ้าต้องทราบไว้ด้วยว่าวันนี้สวรรค์ก็ห้ำหั่นกับสวรรค์!”
ชายชราเหลือบมองคนทั้งสอง “ข้าไม่ทราบหรอกว่าการห้ำหั่นระหว่างสวรรค์นั้นเป็นเช่นไร แต่การห้ำหั่นระหว่างมนุษย์เกิดขึ้นระหว่างพวกเจ้าทั้งสอง!”
“ข้าขอบอกตามตรง เส้นทางระหว่างแดนเซียนกับแผ่นดินหยวนหงถูกปิดกั้นมานานแล้ว แต่มันกำลังจะเปิดออกในไม่ช้า ซึ่งโอกาสในการเปิดมันนั้นขึ้นอยู่กับพวกเจ้าสองคน!”
ชายชราวางขวดน้ำเต้าสุราในมือบนโต๊ะแล้วเอ่ย “หากหนึ่งในพวกเจ้าตาย เส้นทางสู่แดนเซียนก็จะเปิดออก!”
“นี่คือโชคชะตาของพวกเจ้าและเป็นโชคชะตาของฟ้าดิน ไม่มีใครสามารถซ่อนเร้นหรือหลบหนีได้…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่งชิงเหลือบมองลู่หยวน หัวใจเต้นรัว
นับตั้งแต่ที่ได้พบกับลู่หยวน เขาก็รู้สึกได้ถึงโชคชะตาบางอย่าง!
คาดไม่ถึงว่าจะมีความสัมพันธ์เช่นนั้นระหว่างลู่หยวนกับเขา เมื่อใครคนหนึ่งตายก็จะสามารถเปิดแดนเซียนได้!
เหอะ… มันต้องหมายถึงลู่หยวนตายอย่างแน่นอน!
อย่างไรลู่หยวนก็ต้องถูกฆ่า! มีเพียงการฆ่าลู่หยวนที่จะทำให้โชคชะตากับค่าโชคชะตาของเขาเพิ่มขึ้นมหาศาลอีกครั้ง!
เขามีทักษะหลายอย่างที่กำลังรอการพัฒนาโดยใช้ค่าโชคชะตาจำนวนมาก
ทันทีที่ลู่หยวนตายแล้วเส้นทางเปิดออก ทักษะเทวะจำนวนมากจะได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นเขาจะมีรากฐานในการเข้าสู่แดนเซียน!
แต่สีหน้าของลู่หยวนกลับไม่แปรเปลี่ยนราวกับสิ่งที่ชายชราพูดเป็นเรื่องเหลวไหล
ชายชราจับจ้องไปทางลู่หยวนเช่นกัน “เจ้าหนู อัตราการชนะของเจ้าในรอบนี้ลดลงนิดหน่อยนะ”
ชายชรามองไปทางประตูไม้ “สาวน้อยผู้อยู่ข้างกายเจ้าไม่ธรรมดา นางเป็นห่วงเจ้าจนถึงขั้นยอมเสี่ยงที่พลังแห่งโชคชะตาจะหายไป เพียงเพื่อคุ้มกันเจ้าและคุกคามข้าด้วยปราณกระบี่”
“เหอะ… แต่นางหารู้ไม่ว่าการรั่วไหลของพลังแห่งโชคชะตาจะทำให้เกิดปัญหาอื่นเร็วขึ้น! เจ้าหนู จงถนอมสาวงามผู้นี้เอาไว้ ไม่ช้านางจะเป็นผู้ทำลายโลก!”