ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 553 ลู่ปู้ฝาน
บทที่ 553 ลู่ปู้ฝาน
บทที่ 553 ลู่ปู้ฝาน
แผ่นดินหยวนหง
เดิมทีมันเป็นวันที่มีลมแรงและแดดจัด ซึ่งทุกคนกำลังทำกิจธุระตามสถานที่ทั้งหลายบนแผ่นดินหลัก
แต่ทันใดนั้น ฟ้าดินสั่นสะเทือนราวกับมีหลุมดำปรากฏในท้องนภา!
กลิ่นอายนับไม่ถ้วนหมุนวนอยู่ภายใน โดยหมู่เมฆสีทองบดบังทั่วผืนฟ้า ทอดยาวไปเกือบทั่วทั้งแผ่นดิน!
ทุกคนบนแผ่นดินหลักเงยหน้ามองขณะคาดเดาในใจ
บ้างก็บอกว่าเป็นรูปลักษณ์ของสมบัติลับ บ้างก็บอกว่าเป็นการทำลายล้างของโลก
ทุกคนต่างพากันแสดงความคิดเห็น
มีเพียงผู้อยู่จุดสูงสุดของแผ่นดินเท่านั้นที่ทราบความหมายของเมฆสีทองที่กำลังแผ่กระจายในครั้งนี้!
“หลังจากผ่านมาหลายแสนปี ในที่สุดเส้นทางสู่แดนเซียนก็กำลังจะเปิดออกแล้วหรือ?”
ท่ามกลางตระกูลลู่แห่งแดนเหนือ บรรพชนผู้ไม่เคยปรากฏตัวมานับหมื่นปีก็ถอนหายใจออกมา
เมื่อทุกคนในตระกูลลู่ได้ยินประโยคนี้ พวกเขาต่างหันไปสักการะด้วยความเคารพยำเกรง
“ประมุขอยู่ที่ไหน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของลู่เทียนเหอก็ปรากฏบนเกาะภูเขางดงามในท้องนภา!
ด้านนอกเกาะดังกล่าวมีหมอกปกคลุมในอากาศธาตุ ซึ่งแต่ละกลิ่นอายเต็มเปี่ยมไปด้วยปราณวิญญาณ!
“ท่านบรรพชน!”
ลู่เทียนเหอคำนับพลางตะโกน
ชายผู้หนึ่งก้าวออกจากเกาะภูเขาก่อนจะมาอยู่ตรงหน้า
คนผู้นี้แต่งกายด้วยผ้าเนื้อหยาบ แม้เส้นผมจะเป็นสีขาวครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีรูปลักษณ์ประหนึ่งเด็กหนุ่ม สิ่งที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือ เขามีรูปลักษณ์เหมือนลู่หยวน!
ชายผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบรรพชนแห่งตระกูลลู่… ลู่ปู้ฝาน!
“อีกไม่ช้า แดนเซียนนี้จะเปิดออกอีกครั้ง ถึงตอนนั้น มันจะเป็นโอกาสของพวกเราตระกูลลู่! แจ้งให้สัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลลู่ที่กระจายอยู่โดยรอบให้ทราบ บอกให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อมรบทุกสถานการณ์ พวกเราต้องแน่ใจว่าจะต้องมีคนในตระกูลสามารถเข้าสู่ที่นั่นได้!”
“ขอรับ!”
แม้ลู่เทียนเหอจะตอบตกลง แต่ก็ไม่ได้ถอยกลับไปในทันที
ลู่ปู้ฝานคาดเดาได้เช่นกันว่าลู่เทียนเหอมีบางอย่างอยากจะพูด
“เจ้ากังวลอะไรหรือ?”
ลู่ปู้ฝานยิ้มเล็กน้อย เขาทราบดีว่าลู่เทียนเหอกำลังกังวลอะไร
คงไม่พ้นเรื่องลูกชายของเขา ลู่หยวน
ดังคาด ลู่เทียนเหอลังเลสักพักก่อนจะเอ่ย “ท่านบรรพชน ลู่หยวนเขา…”
ก่อนจะทันพูดจบ เขาก็ได้ยินลู่ปู้ฝานเอ่ย “ลู่เทียนเหอ เจ้าคิดให้ดีเสียก่อน เขาเป็นลูกชายของเจ้าจริงหรือ?”
“ข้าให้ทางเลือกกับเจ้ามานานแล้ว หากยืนกรานที่จะอยู่กับอู่หมิงเสวี่ยก็ทำไป แต่สิ่งที่ต้องจ่ายก็คือต้องกลายเป็นประมุขแบกรับความรับผิดชอบนี้เอาไว้บนบ่า!”
สายตาของลู่ปู้ฝานจับจ้องลู่เทียนเหอขณะเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “ดูเถอะ ข้าให้เจ้าเลือกแล้ว ซึ่งเจ้าก็เลือกทางนั้น แต่มาตอนนี้กลับเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปงั้นหรือ?”
ลู่เทียนเหอเอ่ยทันที “ท่านบรรพชน ข้า…”
“ลู่เทียนเหอ”
ลู่ปู้ฝานขัดลู่เทียนเหออีกครั้ง “ต้องใช้คนจากตระกูลลู่สามสิบคนถึงจะค้นพบความลับนี้ ซึ่งมันบังเอิญอยู่ในตระกูลของพวกเรา นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
“ไม่ว่าจะแดนเซียนหรือแผ่นดินหยวนหง สุดท้ายตระกูลลู่จะต้องได้ครอบครอง!”
“เดิมทีการเกิดของลู่หยวนเป็นแผนที่พวกเราวางเอาไว้ ทั้งรูปลักษณ์และรากเหง้าความแข็งแกร่งล้วนได้รับการขัดเกลาโดยพวกเรา! นับตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมา เขาก็มีชะตาที่จะต้องทำภารกิจเพื่อตระกูลให้สำเร็จ! บัดนี้ภารกิจของเขากำลังจะลุล่วงแล้ว เจ้าคิดจะทำลายความพยายามอย่างหนักมาหลายปีของเขาอย่างนั้นหรือ?”
รอยยิ้มของลู่ปู้ฝานไม่แปรเปลี่ยน เขาทราบดีที่สุดว่าจุดอ่อนของลู่เทียนเหออยู่ตรงไหน
ลู่เทียนเหอผู้นี้รักลู่หยวนผู้เป็นลูกชายเพียงคนเดียวจริง แม้จะทราบดีว่าอีกฝ่ายเกิดมาจากแผนที่ตระกูลวางเอาไว้ ไม่ว่าจะให้การเลี้ยงดูหรือไม่ก็ไม่มีความแตกต่างแต่อย่างใด
แต่สุดท้ายก็ต้องดำเนินต่อไปโดยใช้ความตายของเขาเพื่อสร้างโอกาสให้สมาชิกตระกูลเข้าสู่แดนเซียน!
ถึงกระนั้นลู่เทียนเหอก็รักอู่หมิงเสวี่ยมาก ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือลู่หยวน เขาต่างก็มีความรักให้ทั้งสิ้น
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะควบคุมลู่เทียนเหอ
“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ยังเป็นเจ้า ข้าก็ใช่ว่าจะผูกมัดไว้ที่นี่เสียหน่อย เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเลย”
ลู่ปู้ฝานหันร่างพร้อมกับเอามือไพล่หลัง แล้วเดินไปทางเกาะที่มีม่านหมอกทีละก้าว
“แต่ถ้าอู่หมิงเสวี่ยทราบว่าลูกชายสุดที่รักที่ตนเองเฝ้าดูแลทะนุถนอมเป็นอย่างดีกลับถูกสามีวางแผนจะให้ตายตั้งแต่ถือกำเนิด เกรงว่านางคงเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมากจนอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายก็เป็นได้!”
“เฮ้อ ความตายของลูกชายตัวเอง การทรยศของผู้เป็นสามี นี่มันโศกนาฏกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย…”
ร่างและเสียงของลู่ปู้ฝานหายไป
ลู่เทียนเหอยังคงโค้งคำนับไม่แปรเปลี่ยน สีหน้าของเขาน่าเกลียดถึงขีดสุด ไม่ช้าบริเวณหน้าผากก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
ลู่เทียนเหอหลับตาอยู่สองเค่อเต็ม ทันทีที่ยืดตัวตรง เขาก็รู้สึกเหมือนกับกลิ่นอายทั้งหลายถูกดูดออกไปก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น
“ภาพรวม… เหอะ… ฟ้าดินนี้ ภาพรวมนี้ ตระกูลนี้ โลกใบนี้…”
…
ใต้เขาบูรพา
ลู่หยวนกับกู้ชิงหรันต่างสวมชุดสีขาว ดูหรูหรายิ่งนัก
คนหนึ่งมีคิ้วคมกับดวงตาทอประกาย เปี่ยมด้วยอำนาจแก่กล้า ส่วนอีกคนสวมมงกุฎหยกกับปิ่นปักผมสีทอง รูปร่างหน้าตาสละสลวย
ไม่ว่าใครที่เห็นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “สองคนนี้ช่างเหมาะสมเหลือเกิน!”
ทว่าหลังจากชายชราผู้อยู่ข้างกายถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ เขาก็ยังคงสาปแช่งต่อไป
เขาถูกกู้ชิงหรันจับมัดเพื่อบังคับให้อยู่ที่นี่!
เมื่อมองดูท้องนภาก็คล้ายกับมีพลังมหาศาลบางอย่างกำลังปกคลุมลงมา!
เป้าหมายหลักของมันคือกู้ชิงหรันกับลู่หยวน
แต่ดูจากท่าทางของทั้งสอง พวกเขาน่าจะเตรียมตัวพร้อมแล้วเช่นกัน
แต่ว่า…
เขายังไม่ได้เตรียมพร้อม!
สหายเซียนเทพทั้งสองกำลังจะต่อสู้กับสวรรค์ด้วยกัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า!
ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!
เขาอยากวิ่งหนีสุดชีวิต!
แต่เพราะถูกมัดไว้ที่นี่ ดังนั้นเขาอาจจะไม่ปลอดภัยจากลูกหลงดังกล่าว!
ถึงตอนนั้น เขาก็จะถูกสังหารทันที แล้วมันความผิดใคร?!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่…”
ชายชราเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ท่านปล่อยข้าไปได้หรือไม่ ท่านต้องการอะไร พวกเราค่อยมาคุยกันก็ได้”
ตอนนั้นเองที่ลู่หยวนเพิ่งนึกได้ว่ามีบุคคลผู้นี้อยู่ข้างกายด้วย
“อ้าว ยังไม่ตายอีกหรือ”
ลู่หยวนเอ่ยทันทีที่เปิดปาก
ชายชราพูดไม่ออกชั่วขณะ แต่เขาก็ยังพยายามเอ่ยต่อไป “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ จะต้องมีกลิ่นอายพิเศษเคลื่อนลงมาที่นี่อย่างแน่นอน ข้าเป็นเพียงซากศพ ย่อมไม่สามารถต้านทานได้ ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่ปฏิบัติกับข้าเช่นนี้”
“มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก”
ลู่หยวนแย้มยิ้มพลางส่ายหน้า “เจ้ามีประโยชน์มาก”
จากนั้นลู่หยวนหันมาหากู้ชิงหรันแล้วเอ่ย “เดี๋ยวก่อน ถึงพวกเราโจมตีไปก็ไม่รู้อยู่ดีว่าพลังนั้นคืออะไร เช่นนั้นก็มาลองกับตาเฒ่าด้วยการโยนขึ้นไป แล้วมาดูกันว่าเขาจะทนได้กี่อึดใจ”
กู้ชิงหรันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “จริง”
สิ้นคำ กู้ชิงหรันก็จ้องเขม็งไปทางชายชราแล้วเอ่ยกับลู่หยวนต่อ “ตอนที่โยนขึ้นไป เจ้าต้องโยนให้สูงด้วยล่ะ”
“ได้”
ลู่หยวนพยักหน้าขณะเหยียดกายไปมา จากนั้นก็มายืนอยู่ข้างชายชราราวกับพร้อมที่จะโยนออกไปทุกเมื่อ
ชายชรารู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกขณะดวงตาหมองหม่น เขารู้สึกเสียใจสุดก้นบึ้งอยู่ภายใน
เหตุใดถึงไม่วิ่งหนีหลังจากลู่หยวนกับซ่งชิงจากไป!
และข้ายังแบ่งพลังบางส่วนไปให้กับเฉินจงแล้ว ข้ายังต้องเดิมพันกับเขา!
หากสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็อยากฟาดตัวเองที่ปากสว่างเช่นนั้น!