ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 561 ข่าวดีของฮ่วนซิงไป๋
บทที่ 561 ข่าวดีของฮ่วนซิงไป๋
บทที่ 561 ข่าวดีของฮ่วนซิงไป๋
เสวียนเทียนชวนรายงานรายละเอียดบางส่วนจบ แล้วลู่หยวนจึงตัดสินใจ
หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างเป็นอันลงตัว!
สีหน้าของเสวียนเทียนชวนยิ่งผิดธรรมชาติหลังจากได้ฟังคำสั่งสุดท้ายของลู่หยวน
คำสั่งของลู่หยวนคือการกวาดล้างกองกำลังบนแผ่นดินหยวนหงเกือบครึ่งหนึ่ง
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด กองกำลังเหล่านี้ที่มีเครื่องหมายอยู่บนแผนที่จะถูกกำราบทั้งหมดภายในเช้าวันพรุ่งนี้!
คำสั่งนี้ถูกส่งต่อไปยังเทียนเม่ยเอ๋อร์กับฉินอี่หานแห่งเขาบูรพา ตระกูลลู่กับสำนักอักขระสวรรค์แห่งแดนเหนือ รวมถึงตระกูลกับราชวงศ์จำนวนมากแห่งแดนมัชฌิม
เสวียนเทียนชวนสามารถจินตนาการได้ว่าหลังจากวันนี้ไป ทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงจะถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายโลหิต
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ สีหน้าของเขาเริ่มหมองหม่นผิดธรรมชาติก่อนจะกลายเป็นสีหน้าคลุ้มคลั่งยิ่ง
วิธีการชี้นำขุนเขาธาราของลู่หยวนคือสิ่งที่เสวียนเทียนชวนปรารถนามาตลอดชั่วชีวิต!
ฟ้าดินกำลังปั่นป่วนระหว่างสนทนาและหัวเราะ! โลกตกอยู่ในความโกลาหล!
ซึ่งในตอนนี้ ลู่หยวนเปรียบเสมือนผู้ปกครองโลกา!
เสวียนเทียนชวนคำนับให้ลู่หยวนอีกครั้ง “นายท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะต้องรวมกับคนที่เหลือให้ได้อย่างแน่นอน หลังจากคืนนี้ไป ข้าจะกำราบพวกที่เหลือให้สิ้นซาก!”
ลู่หยวนพยักหน้าและกำลังจะเอ่ยบางอย่าง
จากนั้นเขาได้ยินเสียงแห่งความยินดีดังก้องมาจากนอกวัง!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ เหตุใดท่านไม่บอกข้าว่ากลับมาแล้ว! ข้าเพิ่งทราบเรื่องนี้จากอีเจี้ยนเอง!”
เสียงดังกล่าวช่างคุ้นเคยนัก เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮ่วนซิงไป๋!
ลู่หยวนโบกมือเพื่อขอให้เสวียนเทียนชวนออกไป
เสวียนเทียนชวนตอบรับแล้วจากไป ทันทีที่ประตูห้องโถงเปิดออก เขาจึงเห็นฮ่วนซิงไป๋เดินเข้ามาด้วยท่าทางมีชีวิตชีวา!
ฮ่วนซิงไป๋ประสานมือเล็กน้อยเพื่อทำการทักทาย
ลู่หยวนมองฮ่วนซิงไป๋ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมุมปากจึงยกยิ้มอย่างมีนัย “จุ๊จุ๊จุ๊ ดูเหมือนจะมีเรื่องดีเกิดขึ้นกับเจ้าในช่วงที่ข้าไม่อยู่สินะ”
ฮ่วนซิงไป๋แย้มยิ้มขณะเกาศีรษะ “ท่านมองออกขนาดนั้นเลยหรือ?”
ลู่หยวนเอื้อมมือออกไปโอบคอของฮ่วนซิงไป๋ จากนั้นดึงเข้าหาตัวพลางคิ้วขมวด “พูดมา เจ้าได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่!”
นับตั้งแต่ฮ่วนซิงไป๋เดินเข้ามากลางห้องโถงใหญ่ ลู่หยวนสังเกตเห็นพลังที่ไม่ได้เป็นของอีกฝ่ายปกคลุมอยู่ทั่วร่างเพื่อทำหน้าที่ปกป้องอย่างสุดความสามารถ
พลังดังกล่าวใกล้เคียงกับเจตจำนงกระบี่แห่งวิถีสวรรค์!
เจตจำนงดังกล่าวเป็นของกู่อี้เจี้ยน!
เจตจำนงกระบี่นี้ไม่ธรรมดา มันคือเจตจำนงดั้งเดิมของกู่อี้เจี้ยน
เจตจำนงกระบี่ดั้งเดิมนับว่ามีค่ามาก!
การที่ฮ่วนซิงไป๋ครอบครองเจตจำนงกระบี่นี้ย่อมไม่ต่างกับมีกู่อี้เจี้ยนอยู่ข้างกาย เขาสามารถฟาดฟันเจตจำนงกระบี่สูงสุดกับตัดผ่านฟ้าดินได้!
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงมีใครเข้าใกล้ฮ่วนซิงไป๋ กู่อี้เจี้ยนจะสามารถสัมผัสได้ทันทีไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม!
การนำเจตจำนงกระบี่ดั้งเดิมออกมาแล้วถ่ายทอดไปให้ผู้อื่นย่อมข้องเกี่ยวกับอายุขัยกับการบ่มเพาะ ซึ่งตามที่ลู่หยวนสัมผัสได้ กู่อี้เจี้ยนถ่ายทอดเข้าไปมากเช่นกัน!
จุ๊จุ๊จุ๊ สองคนนี้ไปญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่?!
ลู่หยวนจำได้ว่าตอนที่แยกจากกัน ทั้งสองไม่ได้มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
หรือว่า… เขาจะพลาดของดีไปเสียแล้ว?
ฮ่วนซิงไป๋หัวเราะคิกคักทันทีที่ได้ยินคำถามของลู่หยวน เขายื่นมือไปคล้องคอของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยอย่างหยอกล้อ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ แม้ข้าจะเทียบเรื่องการบ่มเพาะกับท่านไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องการตกสตรี! จุ๊จุ๊จุ๊ ท่านไม่ได้ดีไปกว่าข้าหรอก!”
“ข้าไม่ได้จะโอ้อวดหรอกนะ แต่ด้วยพรสวรรค์ที่มีมาแต่เกิด ยังมีสาวน้อยคนไหนบ้างที่ไม่รู้สึกใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นข้า?!”
“กู่อี้เจี้ยนตัวติดกับข้ามานานแล้ว! เมื่อเห็นความหลงใหลในตัวนาง ข้าก็เกิดเมตตาจนตอบตกลง จุ๊จุ๊จุ๊ เสน่ห์ของข้าช่างเกินต้านเหลือเกิน!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านคิดว่าข้าควรสวมหมวกไผ่ยามออกไปข้างนอกหลังจากนี้หรือไม่ ไม่อย่างนั้น ยามสตรีทั้งหลายในโลกเห็นหน้าขึ้นมา ถ้าพวกนางไม่อยากแต่งกับข้าก็เป็นข้าที่อยากแต่งกับพวกนาง แต่ข้าไม่สามารถทำแบบนั้นได้ มันยุ่งวุ่นวายเกินไป”
ฮ่วนซิงไป๋เอ่ยคำอย่างจริงจัง เขาหรี่ตาเล็กน้อยราวกับตั้งใจใคร่ครวญเรื่องดังกล่าว!
ลู่หยวนยิ้มหยันขณะผละตัวออกจากฮ่วนซิงไป๋ “แค่เจ้าหรือ? เกิดเมตตางั้นหรือ? ข้ากลับคิดว่าว่ากู่อี้เจี้ยนจ่อกระบี่ที่คอของเจ้าเพื่อบังคับให้เห็นด้วยเสียมากกว่า”
ลู่หยวนมองออกนานแล้วว่ากู่อี้เจี้ยนแอบมีใจให้ฮ่วนซิงไป๋ แต่เป็นเพราะคิดถึงการพัฒนาเจตจำนงกระบี่ นางจึงเก็บงำเรื่องดังกล่าวจากฮ่วนซิงไป๋ไว้ชั่วคราว
ในระหว่างการต่อสู้ที่แดนมัชฌิม กู่อี้เจี้ยนคล้ายกับไม่ใส่ใจผู้อื่น แต่ยามอยู่กับฮ่วนซิงไป๋กลับต่างออกไป
แต่ฮ่วนซิงไป๋ผู้นี้กลับมองไม่เห็น!
ตอนนี้สำหรับกู่อี้เจี้ยน เรื่องวิถีกระบี่เป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่านางอยากจัดการเรื่องฮ่วนซิงไป๋เป็นอย่างต่อไป!
แม้ลู่หยวนเพียงเอ่ยคำอย่างไม่ใส่ใจ แต่ฮ่วนซิงไป๋กลับแสดงสีหน้าตกตะลึงก่อนจะถามด้วยความประหลาดใจ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านรู้ได้อย่างไร? ข้าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับข้าเลยสักคน! แม้แต่ท่านจักรพรรดินีก็ไม่ทราบ!”
ใบหน้าของฮ่วนซิงไป๋ดูย่ำแย่ขณะเอ่ย ”บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านคงไม่รู้หรอก แม้ผู้หญิงคนนั้นจะดูเย็นชาและพูดน้อย แต่หลังจากเมามายขึ้นมากลับมีนิสัยก้าวร้าว! พอข้ารู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในห้องของนางแล้ว! ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนั้นแล้ว ข้าก็มีแต่ต้องไหลไปตามน้ำ!”
“หลังจากนั้น… แค่กแค่กแค่ก… ก็เป็นอย่างที่เห็น”
ใบหน้าของฮ่วนซิงไป๋ซีดเผือด “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านคิดว่าข้าเป็นคนที่จะปฏิเสธยอมรับความผิดงั้นหรือ? อีกอย่างอี้เจี้ยนได้หมั้นหมายกับข้าแล้ว เพราะงั้นจึงปล่อยเลยตามเลยไป! ยิ่งกว่านั้น พอถึงวันรุ่งขึ้น นางกลับไม่โกรธแถมยังมีท่าทีอ่อนโยนด้วย เหอะเหอะ”
เมื่อเอ่ยคำถึงตรงนี้ ใบหน้าของฮ่วนซิงไป๋ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มราวกับตนเองเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบมหาศาลเอาไว้
ลู่หยวนกลอกตา “กู่อี้เจี้ยนมีการบ่มเพาะขั้นไหนถึงได้เมามายหลังจากดื่มสุราเข้าไป?”
ฮ่วนซิงไป๋พลันตกตะลึง ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ก่อนจะยกมือขึ้น “จริงด้วย หากเป็นระดับการบ่มเพาะในตอนนี้ พวกเราจะเมามายได้อย่างไร?”
สิ้นคำ เขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้ก่อนจะเอ่ยคำอย่างมั่นใจ “ไม่ใช่สิ แต่ตอนนั้นนางดูเมามาก! แค่พูดจาก็ยังเวียนหัวเลย!”
ลู่หยวนส่ายหน้าขณะตบบ่าของฮ่วนซิงไป๋ “น้องชายเอ๋ย นักล่าระดับสูงมักทำตัวเหมือนเหยื่อเสมอ เจ้ายังเด็กเกินไป”
ฮ่วนซิงไป๋ไม่เข้าใจว่าลู่หยวนหมายถึงอะไรขณะแสดงสีหน้าสับสนออกมา
ลู่หยวนมองเจตจำนงกระบี่ที่รายล้อมฮ่วนซิงไป๋ เจตจำนงเหล่านี้ทำให้กู่อี้เจี้ยนสัมผัสได้ว่ามีใครบ้างที่แตะเนื้อต้องตัวผู้ชายของนาง
สีหน้าของลู่หยวนยิ่งเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินขณะกลั้นหัวเราะ “ข้าขอเตือนเจ้าหน่อยแล้วกัน อย่าหาเรื่องผู้หญิงเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้น บางอย่างจะเกิดขึ้นในไม่ช้า!”
ฮ่วนซิงไป๋ยิ่งสับสนขณะเอ่ยถามต่อ ”หืม? บุตรศักดิ์สิทธิ์หมายความว่าอย่างไรหรือ? ท่านช่วยพูดให้มันชัดเจนหน่อย!”
ลู่หยวนหุบยิ้มขณะสีหน้าแปรเปลี่ยน “เลิกคุยได้แล้ว เหตุใดเจ้าถึงมาหาข้าในวันนี้? มีเรื่องสำคัญอะไรงั้นหรือ?”
ฮ่วนซิงไป๋พลันนึกขึ้นได้ จากนั้นจึงปกปิดสีหน้าอื่นเอาไว้แล้วเอ่ย “บุตรศักดิ์สิทธิ์ มีข่าวเกี่ยวกับเกาะสังหารเซียน!”
“หลังจากคนของแดนมัชฌิมจำนวนมากทำการสำรวจ พวกเขาก็พบว่ามีซากศพของทวยเทพอยู่บนเกาะสังหารเซียน!”