ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 568 เผ่าผู้ใช้มังกร
บทที่ 568 เผ่าผู้ใช้มังกร
บทที่ 568 เผ่าผู้ใช้มังกร
ลู่หยวนหันไปมองเห็นหญิงสาวสวมชุดหนังสัตว์ที่ขี่มังกรเจินหลงตัวนอกสุด สายตาที่มองมายังลู่หยวนแฝงไว้ด้วยความเยาะหยัน ราวกับว่าลู่หยวนเป็นแค่เหยื่อ!
ลู่หยวนมิได้จ้องมองหญิงสาวผู้นี้นานนัก สายตาของเขาเพียงกวาดผ่านนางไปยังที่ไกลออกไป
พื้นที่อันไกลโพ้นค่อย ๆ เข้ามาใกล้เนตรเทวะของลู่หยวน พื้นที่ที่ดูเหมือนเป็นสถานที่สำหรับบูชาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขาเช่นกัน
ธงที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนถูกชักขึ้นในพื้นที่กว้างใหญ่ บนธงสีแดงสด มีร่างผู้หนึ่งแขวนอยู่บนนั้น ผู้นั้นสวมชุดสีแดงอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้เลือดได้ไหลย้อมจนกลายเป็นสีแดงเข้ม
“ท่านผู้นำตระกูล…”
มนุษย์ที่ถูกแขวนอยู่บนธงผืนนั้นคือหลิงอวิ๋น!
ราวกับหลิงอวิ๋นรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างได้เช่นกัน นางจึงรวบรวมปราณวิญญาณที่เหลืออยู่อันน้อยนิดเงยหน้าขึ้นมอง สายตาล่องลอยไปยังทิศทางของลู่หยวน
ด้วยพลังบ่มเพาะของนางแน่นอนว่าย่อมมองไม่เห็นอะไรเลย แต่กระนั้นนางกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างยิ่ง
“โอ้โฮ เจ้าหนุ่มมนุษย์ เจ้ามองสิ่งใดอยู่กัน มองเสียจนตาค้างเลย!”
เสียงอันแสนเย้ายวนชวนหลงใหลดึงสติของลู่หยวนให้กลับคืนมา
เขาเห็นหญิงสาวที่ห่อหุ้มด้วยหนังสัตว์บังคับมังกรเจินหลงที่อยู่ใต้ร่างของนางตรงเข้าหาลู่หยวน
เผ่ามังกรตัวอื่น ๆ ที่ล้อมรอบลู่หยวนอยู่ต่างก็หลีกทางให้มังกรเจินหลง แต่ละตัวที่ปรากฏตัวอยู่ด้านนอกล้วนแล้วแต่สามารถก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งแผ่นดินได้ ทว่าต่อหน้าหญิงสาวผู้นี้ มังกรเจินหลงกลับดูอ่อนแรงลง คล้ายกับว่ายอมสยบให้กับนาง!
หลังจากขี่มังกรเข้ามาใกล้ลู่หยวน หญิงสาวก็สำรวจเขาอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า “คิก ๆ ๆ ไม่เลวเลยนี่ ผิวพรรณขาวผุดผ่อง เหมาะสำหรับการเป็นพ่อพันธุ์เหลือเกิน!”
เมื่อได้ยินดังนั้นลู่หยวนก็มิได้โกรธ แต่กลับมองหญิงสาวตรง ๆ เขานึกวางแผนบางอย่างในใจ จากนั้นจึงค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า “ข้าเคยได้ยินมาว่ามีสายตระกูลหนึ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์ทอดทิ้ง และด้วยโชคชะตาอันผิดพลาด พวกเขาก็ได้ถูกรับเลี้ยงโดยเผ่ามังกร ลูกหลานของคนเหล่านั้นต่างก็อาศัยอยู่ร่วมกับเผ่ามังกร แม้กระทั่งได้ทำข้อตกลงบางอย่างกับเผ่ามังกร เพื่อให้พวกเขาสามารถควบคุมมังกรเจินหลงได้!”
“แผ่นดินใหญ่เรียกคนเหล่านี้นี้ว่า… ผู้ใช้มังกร”
“เล่ากันว่าในสงครามเมื่อสามแสนปีก่อน เผ่าผู้ใช้มังกรก็เคยเข้าร่วมในศึกครานั้น มังกรเจินหลงบินผ่านไปอย่างสง่างาม ไม่มีผู้คนจากเผ่ามารตายแม้แต่คนเดียว แต่ทางด้านมนุษย์กลับสูญเสียคนหนุ่มสาวไปมิใช่น้อย”
“เดิมทีข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้ ก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ แต่บัดนี้ข้ารู้เหตุผลแล้ว”
หญิงสาวหัวเราะออกมาในทันใด “เจ้ารู้มากเสียจริง ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน พ่อหนุ่มผิวพรรณดีและยังรอบรู้กว้างขวาง เหมาะกับการเป็นพ่อพันธุ์ของข้าที่สุด”
ลู่หยวนยิ้มเยาะอย่างเย็นชา และช้อนสายตาขึ้นเล็กน้อย รัศมีสีขาวสว่างไสวพุ่งออกมาจากร่างของเขา จากนั้นก็แผ่ขยายออกไปในทุกทิศทุกทางเป็นระยะทางนับหมื่นลี้!
“มังกรเจินหลงสามพันตัว จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว!”
ลู่หยวนเคลื่อนสายตาไปยังหญิงสาวผู้นั้น ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา “และเผ่าผู้ใช้มังกรก็เหลืออยู่เพียงสามคนแล้ว ไม่สิ หนึ่งคนแข็งแรงสมบูรณ์ อีกสองคนนั้นใกล้ตาย”
สีหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาวเมื่อครู่ก็ชะงักงันไปในทันที
ตั้งแต่ที่ลู่หยวนเข้ามาในสถานที่นี้นางก็รู้สึกได้ว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา
หญิงสาวไม่สามารถคำนวณระดับการบ่มเพาะโดยละเอียดของลู่หยวนได้ ทว่านางรู้เพียงว่าเขาแข็งแกร่งมากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม นางมิได้หวาดหวั่น เพราะนางก็มีวิธีการของนางเอง ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่แพ้ลู่หยวน แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าก็ตาม!
เพียงแต่ไม่นึกว่าลู่หยวนจะมองออกในคราวเดียว ว่าในเขตดินแดนแห่งนี้ยังมีผู้ใช้มังกรอีกสองคนอยู่ และสามารถรับรู้ได้ด้วยว่าสองคนนั้นอยู่ในสภาพใกล้ตายแล้ว!
ทั้งสองคนนั้นอยู่ในที่ที่ไม่อาจพบได้!
คนผู้นี้มีวิธีตรวจสอบอาณาเขตภายนอกอย่างนั้นหรือ
ทั้งสองสบตากันอยู่พักหนึ่ง หญิงสาวผู้นั้นขมวดคิ้วแน่น ในใจนางก็มีความคิดบางประการแวบขึ้นมา
ลู่หยวนกระตุกยิ้มอย่างเย็นเยียบ ปล่อยให้หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิด จากนั้นก็พุ่งทะยานไปยังหลิงอวิ๋นที่อยู่ไกลออกไป
หญิงสาวผู้นั้นไม่คิดที่จะขัดขวาง เพียงแต่หันหลังกลับเล็กน้อย มังกรเจินหลงที่ตนควบคุมอยู่ก็หันตามไปด้วย ทำให้หญิงสาวมองลู่หยวนได้ถนัดยิ่งขึ้น
ลู่หยวนปลดเปลื้องพันธนาการหลิงอวิ๋นออกจากธงผืนนั้น ร่างของหลิงอวิ๋นที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดก็ร่วงหล่นลงมาในอ้อมกอดของลู่หยวน
ที่แขนขาของหลิงอวิ๋นนั้นล้วนมีบาดแผลที่ถูกกรีดจนเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก บาดแผลนั้นถึงขั้นทำร้ายปราณวิญญาณของนาง
ลู่หยวนป้อนยาให้หลิงอวิ๋น จากนั้นก็ใช้ลมปราณของตนเองทำให้บาดแผลของนางคงที่
หลิงอวิ๋นก็หายใจเข้าลึก ๆ ตามคำแนะนำของลู่หยวน ไม่นานหลังจากนั้นก็สามารถหมุนเวียนพลังได้มากขึ้นและจิตใจก็เริ่มแจ่มใสเช่นกัน
หลิงอวิ๋นยื่นมือคว้าแขนของลู่หยวน พลังชีวิตที่นางเพิ่งรวบรวมขึ้นมาได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างของนางเข้าสู่ร่างของลู่หยวน
“ข้าไม่เป็นไร”
ลู่หยวนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ทุกอย่างในนั้นราบรื่นดี”
หลิงอวิ๋นจึงวางใจ
“พักผ่อนสักครู่ เมื่อข้าจัดการเรื่องที่นี่เสร็จแล้ว จะพาเจ้ากลับแดนมัชฌิม”
หลิงอวิ๋นจึงหลับตาลงและหลับไปอย่างสนิท
ไกลออกไป หญิงสาวผู้ใช้มังกรมีสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็บังคับมังกรไปยังข้าง ๆ ลู่หยวน นางมองอย่างตั้งใจในขณะที่ลู่หยวนรักษาอาการบาดเจ็บของหลิงอวิ๋น
ในอีกอึดใจต่อมา หญิงสาวจึงเปิดปากเอ่ย “เจ้าต้องการพลังของพวกข้าผู้ใช้มังกรหรือไม่?”
หญิงสาวเข้าใจดีว่าการที่ลู่หยวนเข้ามาในสถานที่นี้ไม่ใช่การหลงเข้ามา แต่เป็นการมาช่วยชีวิตคน
หากเป็นคนธรรมดามาเห็นสภาพหลิงอวิ๋นถูกทรมานเช่นนี้คงเปิดฉากสู้ไปนานแล้ว
ทว่าลู่หยวนกลับตรวจสอบความปลอดภัยของหลิงอวิ๋นก่อน แล้วจากนั้นก็แค่ลองเชิงเล็กน้อยเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าลู่หยวนมิได้คิดจะฆ่านาง แต่หากเป็นเช่นนั้นย่อมต้องมีความคิดอื่นซ่อนอยู่
หญิงสาวคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง อาจเป็นไปได้ที่ลู่หยวนไม่ฆ่านางก็เพราะสถานะผู้ใช้มังกรของนางนั่นเอง
ในโลกนี้ มังกรเจินหลงนับพันนั้นล้วนอยู่ในการควบคุมของผู้ใช้มังกรทั้งสาม
ในดินแดนแห่งนี้แลดูจะเป็นเช่นนี้เสมอมา ผู้ใช้มังกรมีจำนวนไม่มากนัก แต่จำนวนของมังกรเจินหลงกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้คนในดินแห่งนี้ดูเหมือนจะเคยชินเสียแล้ว แต่หญิงสาวเข้าใจดีว่าถ้าหากนางนำมังกรเจินหลงสามพันตนออกไป แล้วนำไปใช้ ต่อให้เป็นดินแดนใด ดินแดนนั้นก็คงมีน้อยคนที่ต้านทานนางได้!
บางทีลู่หยวนอาจต้องการพลังส่วนนี้ของนาง!
และนางก็จำเป็นต้องใช้พลังนี้เพื่อแลกเปลี่ยนบางสิ่ง!
เมื่อครู่ลู่หยวนเพิ่งเอ่ยถึงเผ่าพันธุ์ที่ใกล้ตายอีกสองคน ไม่เพียงเพื่อข่มขู่นางเท่านั้น แต่อาจกำลังสื่อความอย่างอื่นด้วยก็เป็นได้
บางทีบุรุษผู้นี้อาจช่วยเผ่าพันธุ์ของนางได้!
สายตาของหญิงสาวผู้นั้นหยุดอยู่ที่ลู่หยวน “หากเจ้าช่วยเผ่าพันธุ์เราได้ พวกเราตระกูลขับไล่ก็จะเป็นคนของเจ้า!”
“ข้าเต็มใจจงรักภักดีต่อเจ้าจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ!”
ลู่หยวนทอดสายตามองลงมา “ข้าช่วยพวกนางได้”
ดวงตาของหญิงสาวผู้นั้นส่องประกายด้วยความหวัง
“แต่มังกรเจินหลงสามพันตนนั้น สำหรับข้าแล้วก็เป็นเพียงแค่การโจมตีเดียวเท่านั้น ด้วยพลังเช่นนี้มีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน”
“สิ่งที่ข้าต้องการจากเจ้าก็คือ สิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกนี้!”