ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 573 กระบี่แห่งการกำหนดสวรรค์!
บทที่ 573 กระบี่แห่งการกำหนดสวรรค์!
บทที่ 573 กระบี่แห่งการกำหนดสวรรค์!
ชายชราได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอับอาย ไอ้หนุ่มนี่เร่งอะไรนักหนา!
เพียงชั่วครู่ห้วงเมฆหมอกก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของลู่หยวน จากนั้นก็แผ่กระจายตัวออกจนปรากฏเป็นร่างชายชราขึ้นมา
เงาร่างของชายชรากอดอกมองลู่หยวนประหลาดใจ “พ่อหนุ่ม ผลงานเจ้าไม่เลวเลย เจ้ารู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วอาวุธชิ้นนี้คือสิ่งใด?”
“คราสุดท้ายที่อาวุธชิ้นนี้ปรากฏขึ้นในโลก มันผ่าแผ่นดินใหญ่จนแยกออกจากกันได้โดยตรง! ที่มันตกทอดมาถึงเจ้าได้นั่นหมายความว่าบรรพบุรุษของเจ้าได้สั่งสมบุญไว้!”
ลู่หยวนสีหน้ามืดมัว “ท่านจะให้หรือไม่ รีบ ๆ เถิด ท่านต้องการให้ข้าล้างแค้นแทนท่านหรือ? หากไม่มีความแค้นใด ๆ ก็อย่าได้เอ่ยออกมาเลย”
เมื่อพูดจบลู่หยวนก็ตรงไปคว้าที่ท่อนไม้นั่นทันที!
“ตู้มมม! —”
พลังอันมหาศาลได้ระเบิดออกมาจากท่อนไม้ในทันที มันขัดขวางมือของลู่หยวนที่ต้องการจะคว้าไป!
เงาร่างของชายชรากอดอกมอง เห็นดังนั้นก็หัวเราะในใจ “พ่อหนุ่ม เจ้ามีวิทยายุทธ์ที่เก่งกาจดี ควรอยู่ในกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินนี้ แต่เจ้าต้องรู้เอาไว้ว่าอาวุธชิ้นนี้มิใช่ของธรรมดา ทันทีที่มันปรากฏออกมา ทั้งฟ้าดินจะต้องยอมจำนน! ด้วยการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้ หากข้าไม่ยินยอมให้เจ้า อาวุธชิ้นนี้ก็ไม่มีวันยอมให้เจ้าจับ!”
เงาร่างของชายชราเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ฝ่ายลู่หยวนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “จริงรึ?”
“มันก็แค่อาวุธ ถึงจะเก่งกาจแค่เพียงใดก็ต้องอาศัยคนคอยควบคุม ตราบใดที่ข้าต้องการ อย่าว่าแต่การจับให้มั่นเลย แม้แต่คำสั่งให้ยอมจำนน มันก็ยังไม่กล้าขัดขืน!”
วาจาของลู่หยวนช่างเย่อหยิ่งนักเมื่อเข้าหูของชายชรา ชายชราจึงมองด้วยสายตาที่เย้ยหยัน “สุดท้ายเจ้าก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้มีชื่อเสียง เจ้าเย่อหยิ่งเกินไปนัก ฮ่า ๆ ข้ามิได้กล่าวเกินจริงหรอกนะ เพียงแค่เจ้าจับมันไว้ได้สามลมหายใจ ตัวข้าก็จะมอบวิชาเพลงกระบี่ที่ข้ามีให้อย่างไม่ลังเล”
“ข้ามิได้หลอกเจ้า แม้ข้าจะเป็นเพียงเศษวิญญาณ แต่ว่าวิทยายุทธ์กระบี่สายนี้ก็เพียงพอให้เจ้าใช้ผ่าสวรรค์ได้!”
เมื่อลู่หยวนได้ยิน คิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นลงเล็กน้อย “ดี ถ้าเช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”
“แต่ว่าวันนี้ข้าจะให้ท่านได้เห็นกับตา ว่าอาวุธชิ้นนี้จะยอมจำนนต่อข้าได้อย่างไร!”
ลู่หยวนหันไปมองยังท่อนไม้!
ลมปราณรอบ ๆ กายลู่หยวนระเบิดออกมาอย่างรุนแรง เปรียบเสมือนราชาผู้ประชันกับทั้งแผ่นดินใหญ่ จิตสังหารแผ่กระจายไปทั่วราวกับจักรพรรดิแห่งสงคราม
ไม่ว่าผู้ใดเห็นก็ต้องยอมจำนนอย่างหมดรูป!
ท่อนฟืนก็รับรู้ถึงลมปราณนี้เช่นกัน ก็กระตุกขึ้นทันควัน จากนั้นก็แผ่รัศมีบางอย่างออกมาต้านทานลมปราณลู่หยวน!
เพียงแค่ลมหายใจเดียว ลมปราณของลู่หยวนก็ถูกพลังของท่อนไม้กดขี่และกลืนกิน!
ลมปราณของลู่หยวนไม่มีทางเข้าใกล้ท่อนไม้นั้นได้เลย หนำซ้ำกลับถูกกลืนกินจนมลายไปอย่างสิ้นเชิง!
“ช่างน่าสนใจ!”
ลู่หยวนยิ้มอย่างเปิดเผย ความสนใจในดวงตาก็ยิ่งทวีคูณขึ้น
เงาร่างของชายชราเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ โดยคาดเดาว่า ลู่หยวนจะงัดกลอุบายใดออกมา
เขาเป็นชายชราที่ไม่มีชื่อเสียงและไม่มีตำนานใด ๆ ในโลกนี้
เพราะว่าเขามิใช่คนจากแผ่นดินหยวนหง เรื่องราวของเขาแม้แต่ในแดนเซียนก็ยังมีการเล่าขานกันน้อยมาก
คลื่นแห่งประวัติศาสตร์โหมกระหน่ำผ่านหลายหมื่นปี เหล่าสุดยอดผู้แข็งแกร่งล้มหายตายจากไปจากโลกนี้นับไม่ถ้วน แม้แต่ชายชราผู้นี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
แม้ร่างกายได้ตายจากไปหลายปีแล้ว แต่ดวงวิญญาณกลับยังคงมีห่วง ฝังอยู่บนอาวุธชิ้นนี้และจมดิ่งสู่ความเสื่อมโทรมในแผ่นดินหยวนหง!
ชายชราผู้นี้เคยพบเห็นอัจฉริยะมากมายราวกับมดปลวก เคยพบเห็นผู้แข็งแกร่งราวกับเส้นขนวัว
แต่ชายหนุ่มเช่นลู่หยวนนี้กลับมีน้อยนัก
ความจองหองของลู่หยวนมิได้เป็นความเย่อหยิ่งในชัยชนะเหมือนผู้อื่นราวกับมีกลเม็ดบางอย่างอยู่ในตัวเขาอยู่จริง ๆ
ชายชราก็อยากรู้อยากเห็นว่าลู่หยวนจะใช้พลังใดในการหยิบอาวุธชิ้นนี้
ทว่าชายชราก็รู้ดีว่า เด็กหนุ่มผู้นี้สามารถหยิบอาวุธนี้ขึ้นมาได้สามลมหายใจนี่เป็นไปได้ แต่จะให้มันยอมจำนนนั้นเป็นไปไม่ได้!
ในขณะที่ชายชราผู้นี้กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ลมปราณของลู่หยวนก็มลายอย่างกะทันหัน ราวกับว่าเขาได้หายไปแล้ว!
ทันใดนั้น!
ลู่หยวนยกมือฟาดลงบนอาวุธชิ้นนั้นในทันที!
ปราณที่ใช้ต่อต้านก็หายไปด้วย ราวกับมิได้ขัดขืนลู่หยวนเลยแม้แต่น้อย!
“ผัวะ!”
ได้ยินเพียงเสียงเบา ๆ และลู่หยวนก็ได้วางมือลงบนท่อนไม้ท่อนนั้นแล้ว!
ชายชราจ้องมองลู่หยวนนิ่งงันอย่างไม่ละสายตา
ลมหายใจที่หนึ่ง…….
ลมหายใจที่สอง…….
ลมหายใจที่สาม…….
ผ่านลมหายใจที่สามไปแล้ว ทว่าอาวุธชิ้นนั้นก็ราวกับมอดดับ มิได้แผ่รังสีกดดันใด ๆ ใส่ลู่หยวนอีกต่อไป!
ชายชราเป็นต้องอ้าปากค้าง
เป็นไปไม่ได้!
เป็นไปได้อย่างไร!
เขาคุ้นเคยกับอาวุธชิ้นนี้มากที่สุดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่แผ่ลมปราณออกมาเพียงเพราะลู่หยวนไม่เคลื่อนไหว!
ชายชราขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นก็วางมือบนข้อมือของลู่หยวน !
“ครืนนนน!”
จากวิญญาณที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของชายชรา วิญญาณของเขาสั่นสะเทือน พลังอำนาจของราชาผู้เหนือกว่าแผ่กระจายออกมาจากร่างของลู่หยวน ทำให้ชายชราเกิดความหวาดกลัวและรู้สึกยอมจำนน!
ชายชราดึงมือกลับในทันที ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ปราณวิญญาณของเขาก็อ่อนแอลงไปมาก ดูท่าว่าเขาจะเสื่อมโทรมลงในเร็ว ๆ นี้!
“นี่คือ……พลังสวรรค์ โลก และนรก! เจ้ามีพลังเช่นนี้ได้อย่างไร! เจ้าเป็นใครกันแน่!”
วาจาของชายชรานั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
แผ่นดินหยวนหงเล็ก ๆ นี้จะมีพลังเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
หรือว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แม้แต่พลังสวรรค์ โลก และนรกก็ยังต้องเข้ามาแทรกแซงในสถานการณ์นี้ด้วย?!
“พลังนี้เป็นของข้ามาตั้งแต่ต้นแล้ว”
ลู่หยวนเอ่ยเสียงเรียบจ้องมองสีหน้าของชายชราผู้นั้นอย่างไม่วางตา
หลังจากการก้าวข้ามขีดจำกัดในครั้งนี้ของลู่หยวน แม้แต่พลังอันยิ่งใหญ่ที่ถูกผนึกไว้ในกายของเขาก็สามารถนำมาใช้ได้เอง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ที่มาของพลังนี้ แต่ลู่หยวนก็สัมผัสได้ว่าพลังนี้ช่างยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุด!
มันคือพลังของอันยิ่งใหญ่ที่มิมีผู้ใดในใต้หล้าจะไม่ยอมสยบ!
เดิมทีลู่หยวนเพียงแค่ต้องการลองใช้พลังนี้ดูว่าจะสามารถทำให้อาวุธชิ้นนี้ยอมจำนนได้หรือไม่ ปรากฏว่าเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ อาวุธชิ้นนี้ไม่กล้าต่อต้านอีกต่อไป มันยอมให้ลู่หยวนถือไว้โดยง่าย”
ขณะที่อาวุธนี้กำลังจะยอมจำนนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะมีรางวัลเพิ่มเติมมาอีกซึ่งก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
คล้ายว่าชายชราจะรู้ที่มาของพลังนี้
ลู่หยวนจ้องมองชายชราอย่างใจเย็น เตรียมจะซักไซ้ต่อไป
“เจ้ามิได้อวดอ้างหรอกหรือว่าอาวุธของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด? ต่อหน้าพลังของข้า แม้แต่เทพศาสตราของเจ้าก็ต้องหมอบราบให้แก่ข้า!”
สีหน้าของชายชราปรากฏแววประหลาดใจเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดตรึกตรองบางสิ่งอยู่
กระทั่งผ่านไปหลายอึดใจชายชราจึงถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง “เอาเถิด เอาเถิด โลกนี้ล้วนเป็นของคนหนุ่มสาว ชายชราผู้นี้มิต่างจากผีเดินดิน จะกล้าหาญกระทำการอันนำไปสู่ความโกลาหลทั้งแผ่นดินได้อย่างไรเล่า”
“เจ้าหนุ่ม หนทางเบื้องหน้าของเจ้ายังอีกยาวไกลนัก เอาเถิด ปล่อยให้กระบี่เทวะผนึกสวรรค์นี้ช่วยเจ้าสักหน่อยเถิด!”
ชายชราหลับตาลงพลัน เงาที่ปรากฏอยู่ก็ค่อย ๆ สลายกลายเป็นผุยผง
เถ้าธุลีที่สลายไปนั้นกลายเป็นแสงสีทองอร่ามบนท่อนไม้ซึ่งเป็นอาวุธชิ้นนั้น
“เจ้าหนุ่ม จงจำเอาไว้ กระบี่เล่มนี้สามารถกำหนดวิบากฟ้าและชะตาแผ่นดินได้!”