ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 102
ตอนที่ 102 ตัวกระตุ้น
หรือก็คือตอนนี้กู้จวินมีโควต้าการผ่าตัดอีก 19 ครั้งเพื่อสะสมผลงานให้ครบ 150% โดยทั้งหมดจะต้องเป็นการผ่าตัดที่มีอัตราความสําเร็จโดยประมาณ 7% เป็นอย่างต่ำ และต้องมีการดําเนินการผ่าตัดที่ประสบความสําเร็จ 15 ครั้งโดยประมาณ
หากเขาต้องการทําภารกิจให้สําเร็จเขาต้องมีส่วนร่วมอย่างน้อย 10% โดยเฉลี่ย อย่างไรก็ตามผลงานก่อนหน้านี้ของเขามีเพียง 7% เอง…น้อยชิบ!
แม้ว่าภารกิจนี้จะยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สักหน่อย…
กู้จวินเริ่มครุ่นคิดถึงแผนการณ์ในใจเงียบๆ เขาจําลองการผ่าตัดในหัวซ้ำไปซ้ำมาจากนั้นก็เริ่มวางแผน เขารู้ดีว่าในขณะที่การผ่าตัดกําลังดําเนินไป มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ศัลยแพทย์หลักและผู้ช่วยคนที่ 1 จะต้องเหนื่อยล้า…ใช่! แท้จริงแล้วพวกเขาเหนื่อยล้าอย่างมาก
ดังนั้นแล้วเขาต้องทํางานให้ดีขึ้น และเขาก็จะได้รับโอกาสในการรับผิดชอบงานให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมในภารกิจของเขา ตราบใดที่เขารักษามาตรฐานฝีมือเอาไว้ได้ เขาก็สามารถทํางานได้มากขึ้นกว่าเดิม และคนอื่นจะเชื่อใจมากขึ้นด้วย
พอกู้จวินวางแผนเสร็จสิ้นและเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในหัวทั้งหมดแล้ว เขาก็สบายใจ จากนั้นอารมณ์และความรู้สึกดีๆก็มาเยือนอีกรอบ กู้จวินหัวเราะพร้อมกับใส่ถุงมือลงถังขยะไปด้วยท่าทางของเขาทําให้คนที่กําลังวนเวียนอยู่นอกห้องผ่าตัดหันมาแอบชําเลืองมองด้วยความแปลกใจ
ในที่สุดก็ได้เวลาเข้าสู่รูปแบบการทํางานที่บ้าคลั่ง และแสนจะคลั่งไคล้ของฉันอีกครั้ง!!
ในขณะเดียวกัน…ความกังวลอีกอย่างก็ทําให้เขาเจ็บปวด เขาเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพ ของผู้ป่วยโรคมนุษย์ต้นไทรจริงหรือไม่? ถ้าเขาเป็นเช่นนั้นจริง…ฝ่ายสืบสวนของแผนกมีสิทธิ์จะมาเคาะประตูบ้านเขาได้ทุกเมื่อ
ในขณะที่เขากําลังต่อสู้กับความสับสนและความวิตกกังวล กู้จวินก็จําต้องละทิ้งเรื่องพวกนั้นและมุ่งหน้าไปที่ห้องพักผ่อนพร้อมกับทีมผ่าตัดคนอื่นๆ เพื่อพักผ่อนในช่วงเวลาสั้น ๆ ตามกฎระเบียบ
หลังจากนั้นพวกเขาก็ล้างมือและฆ่าเชื้อโรคด้วยตัวเอง พอทําทุกอย่างเสร็จสิ้นพวกเขาก็สวมชุดเกราะพร้อมต่อสู้อีกครั้ง
ก่อนหน้านี้กู้จวินยังจําได้ เขาอยู่ในห้องผ่าตัดแบบจําลองมีชีวิตที่แตกต่างจากแพทย์อาวุโสพวกนี้มหาศาล ในขณะที่เขาผ่าองุ่นเล่นกัน..แต่แพทย์อาวุโสพวกนี้กลับทํางานเพื่อช่วยคน และตอนนี้ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน เขาก็เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตของผู้ป่วยให้ได้อีกสักคนก็ยังดี
เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้องผ่าตัด พวกเขาก็เห็นวิสัญญีแพทย์ที่มารอก่อนหน้านี้แล้ว และเพื่อความรวดเร็วเขาได้ใช้ยาชาเฉพาะที่สําหรับผู้ป่วยหมายเลข 56 จนเสร็จสิ้นพร้อมขึ้นเขียงได้ตลอดเวลา
ผู้ป่วยหมายเลข 56 นี้เป็นหญิงสาววัยรุ่น เธอต้องได้รับการตัดแขนข้างขวาอย่างเดียวเนื่องจากอาการของเธอรุนแรงน้อยกว่าผู้ป่วยหมายเลข 25 อยู่มาก จึงไม่จําเป็นต้องถอดหัวไหล่ออกอย่างไรก็ตามเสียงร้องโหยหวนที่คล้ายๆ กันก็ยังคงดังก้องไปทั่วห้องผ่าตัด
“เข้าสู่ตําแหน่งตนเองซะทุกคน คราวนี้ตั้งเป้าปฏิบัติการให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมงครึ่ง ”
เป็นอีกครั้งที่จู้รุ่ยเหวินเป็นผู้นําและแสดงท่าทางน่าเชื่อถือและพึ่งพาได้ต่อทุกคน และด้วยการส่งสัญญาณพยักหน้าอย่างแน่วแน่เพียงครั้งเดียว ทีมผ่าตัดหลักก็เตรียมตัวจนพร้อมในไม่กี่นาที
กู้จวินเดินตามหลังพวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ การหายใจของกู้จวินตอนนี้เต็มไปด้วยความถี่สูงและรีบร้อนอย่างผิดปกติ เมื่อเขามาถึงโต๊ะผ่าตัด เขาเห็นว่าดวงตาของผู้ป่วยไม่ได้ถูกปิดด้วยผ้าปิดตา เขาตั้งใจมองไปที่เธอ และแสยะยิ้มลองเชิงกับเธอเพื่อพิสูจน์
หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที และไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก!
ผู้ป่วยไม่ได้ตกอยู่ในอาการเพ้อเจ้อแบบคนก่อน แต่เสียงของเธอยังคงสั่นสะท้านด้วยความกลัว เธอขอร้องให้พวกเขาวางยาสลบเธอเต็มรูปแบบเพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกทรมาย
เมื่อเห็นเธอไม่มีปฏิกิริยา ภายในใจของกู้จวินก็เต็มไปด้วยความโล่งอก
บางทีหลังจากกระตุ้นนิมิต และมองเห็นเครื่องสังเวยที่ต้นไทรจากนั้นแล้วเขาก็สูญเสียความสามารถนั้นไปหรือเปล่า? หรือบางทีมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?
แต่ท้ายที่สุดหัวใจของเขาก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก แต่เรื่องที่รุนแรงเช่นนี้เขาก็ไม่สามารถปล่อยมันไปหรือคาดเดามั่วๆได้ ดังนั้นสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร เขานั้นไม่รู้เลย?
“ สิ่งที่อยู่ในต้นไทร” มันคืออะไรกันแน่? ยิ่งคิดกู้จวินก็ยิ่งงงและปวดหัว
หลังจากทหารในคราบนักรบเสื้อคลุมสีขาวสะท้อนแสงได้ทําการรักษาผู้ป่วยจนลืมกระทั่งเวลาร่ำเวลา ในที่สุดราตรีอันแสนน่ากลัวก็ได้มาถึง! มันคือเวลาที่ลางร้ายแห่งความตายชื่นชอบที่สุด…
เวลานี้เมฆฝนที่ดําครึมได้ปกคลุมไปทั่วเฟคต้าเขตภูมิภาคตะวันออก ฝนห่าใหญ่ได้กระหน่ชัด เข้าใส่หอคอยอาคารแผนกคลินิคที่สูงตระหง่านอย่างไร้ความปราณี
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์วิ่งแข่งกับเวลาและรักษาผู้ป่วย ด้านนอกก็มีเสียงฟ้าร้องคํารามดังกึกก้องเข้ามาในหัวใจของพวกเขา ทุกๆ สองสามวินาที สายฟ้าแลบจะประทุพุ่งออกมาและมันจะดิ่งลงมาหาเสาหิน เสียงดังกึกก้องกระแทกจิตใจผู้คน แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็ต้องทํางาน!
เวลานี้ส่วนใหญ่ทุกคนกําลังนอนหลับ แต่อาคารหลังหนึ่งยังคงเปิดไฟสว่างโล่งอยู่ นั้นก็คืออาคารรูปแปลก ๆที่มีชั้นถึง 20 ชั้น และทุกๆ ชั้นเปิดไฟสว่าง ด้านในมีคนกําลังทํางานอย่างบ้าคลั่ง
ในสํานักงานที่เรียบง่ายและดูสง่างามบนชั้นที่ 19 หัวหน้าทีมชิวกําลังรายงานผลการผ่าตัดทั้งหมดต่อศาสตราจารย์ฉินที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาตรวจงานถึงแผนกของเขาในยามค่ำคืน
“ ผู้อาวุโสฉิน ณ ขณะนี้ผู้ป่วยโรคมนุษย์ต้นไทรจํานวน 90 คนได้รับการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วครับ ในจํานวนนี้มี 71 คนประสบความสําเร็จ และ 19 คนที่โชคร้าย อัตราความสําเร็จอยู่ที่ 78% ซึ่งสูงกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อยครับ”
ในน้ำเสียงของเขา หัวหน้าทีมชิวไม่ได้เต็มไปด้วยน้ำเสียงแอบอ้างหรือหวังได้หน้าแต่อย่างใด แต่เขากลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในนักรบผู้กล้าหาญที่เสนอตัวไปผ่าตัดอย่างกล้าหาญ ไม่หวั่นแม้ความกดดันจะมากเพียงไร
“ ดี! ดีมาก…” เมื่อได้ยินรายงานที่ดีขึ้น ศาสตราจารย์ฉินก็พอใจมากจนถึงกับเอ่ยปากชื่นชม แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ดี
“ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มาก่อนเวลา ตามหลักการแล้วเราควรจะช่วยพวกเขาส่วนใหญ่ได้สิ แต่ทําไมผลรายงานความสําเร็จถึงไม่ค่อยดีนักล่ะ? แสดงว่ายังมีจุดบกพร่องอีกมาก และยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ดังนั้นพยายามต่อไปและทําให้ผลงานดียิ่งขึ้นกว่านี้”
“ รับทราบ! พวกผมจะพยายามเพื่อทําให้ดียิ่งขึ้นครับ” หัวหน้าชิวตอบด้วยความมั่นใจ และทันใดนั้นคิ้วของศาสตราจารย์ฉินก็กระตุกบนหน้าผากที่เหี่ยวย่นของเขา จากนั้นเขาก็ถามอย่างใจเย็น “ วันนี้การแสดงของเด็กฝึกงานเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อ้อ! ใช้ได้ดีทีเดียวครับ! มาตรฐานของพวกเขาทั้งหมดนั้นสูงมาก” ในทันใดนั้นหัวหน้าทีมชิวก็ส่งเสียงชื่นชม เรื่องนี้คือหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่เขาพอใจ
“ซุนอี้เหิงและหวังรั่วเซียงสามารถทําหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไปดีเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามพวกเขาดูหน้าซีดเมื่อเทียบกับกู้จวิน เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้เขาอยู่คนละระดับ”
หัวหน้าทีมชิวเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อการจัดเตรียมแบบนี้ กู้จวินสมกับเป็นดาวนําโชคของเขาจริงๆ จากนั้นเขาก็อธิบายถึงกู้จวินต่อ
“ จู้รุ่ยเหวินได้รายงานให้ผมทราบ จากการดําเนินการผ่าตัด 3 รายการในวันนี้ประสิทธิภาพ การทํางานของกู้จวินดีขึ้นเรื่อยๆ เขาเต็มใจทําทุกอย่างและทําทุกอย่างออกมาได้ดีครับ ไม่สิ! ทุกอย่างที่เขาทํามันสมบูรณ์แบบ! ถ้าไม่รู้ว่าเป็นเด็กฝึกงาน ทุกคนคงไม่สามารถบอกได้ด้วยซ้ําว่าวันนี้ เป็นวันแรกของเขาในการปฏิบัติการจริง!”
“ ดีๆ” เป็นอีกครั้งศาสตราจารย์ฉันพยักหน้า “นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด หวังว่าเขาจะเติบโตได้เร็วขึ้น จากนั้นเราจะส่งเขาไปที่ “หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่โดยเร็วที่สุด”
“ ผู้อาวุโสฉินครับ ผมว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการอนาคตของเขาใน หน่วยปฏิบัติกาารเคลื่อนที่ไม่ใช่หรือครับ?” แน่นอนว่าหัวหน้าทีมชิวรีบแย้ง เขาไม่อยากเสียต้นกล้าดีๆต้นนี้ไป และเพื่อให้สมจริงเขาก็แกล้งตําหนิผู้อื่น “ เจ้าเด็กน้อยคนนี้ยังไม่เสร็จสิ้นการฝึก ผมคิดว่ารุ่ยเหวินอาจจะพูดเกินจริงเช่นเคยน่ะครับ ฮ่า ฮ่า”
ศาสตราจารย์ฉินปล่อยให้หัวหน้าทีมชิวโกหกต่อไปและถามกลับ “ คุณคิดอย่างไรกับการที่ผู้ป่วยทั้ง 3 คนทรุดลงอย่างกะทันหัน?”
“ มันน่าจะเป็นอาการใหม่ของโรคมนุษย์ต้นไทร อาการที่แย่ลงอย่างกะทันหันก็เป็นไปได้ในทุกสถานการณ์
หัวหน้าทีมชิวได้ให้ความคิดเห็นบางอย่าด้วยงเช่นกัน ท้ายที่สุดความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดใน วันนี้ก็คือความล้มเหลวในการช่วยชีวิตผู้ปวยหมายเลข 128 และหมายเลข 143 ในจํานวน 3 ราย มีเพียงผู้ป่วยหมายเลข 25 คนเดียวที่อยู่ในมือของทีมจู้รุ่ยเหวินที่รอดชีวิต
“ อืม ทีมจิตวิทยามีมุมมองที่แตกต่างกันสินะ” ศาสตราจารย์ฉินหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ทีมจิตวิทยาคิดว่าผู้ป่วยได้รับปัจจัยภายนอกบางอย่างนะครับ จากนั้นพวกเขาก็แสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดที่รุนแรงมาก ในทางกลับกันสิ่งนี้ส่งผลกระทบทางชีวภาพและเร่งการพัฒนาของโรคมนุษย์ต้นไทร”
“ นั่นเป็นไปได้เช่นกัน” เมื่อคิดในทิศทางนั้น หัวหน้าทีมชิวก็หรี่ตาลงด้วยความสงสัย “ ทีมจิตวิทยาคิดว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้น?”
ศาสตราจารย์ฉันยืนขึ้นจากที่นั่งของเขา และเดินไปที่หน้าต่าง เขามองไปที่รอยแตกสีขาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างเศร้าใจ จากนั้นเขาถอนหายใจด้วยน้ำเสียงที่บึ้งตึง
“ เมื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิดของเหตุการณ์ทั้งหมดพบว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่บางอย่าง นั่นก็คือทุกเหตุการณ์จะมีกู้จวินอยู่เสมอ นอกจากนี้คนไข้ทั้ง 3 คนยังกรีดร้องเพราะเจอกู้จวิน”