ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 128
ตอนที่ 128 หน่วยนักล่าอสูร
หลังจากที่หวังเค่อปลุกกู้จวินให้ตื่นแล้ว หวังเค่อก็ยืนรอให้กู้จวินลุกขึ้นและคลานออกมาจากเตียงนอนอันแสนอบอุ่น เขางัวเงียเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปที่ห้องน้ำพร้อมกับอาบน้ำให้สะอาดและเปลี่ยนชุดตามที่ทางค่ายทหารได้จัดมาให้ จากนั้นพอทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาก็เดินตามหัวหน้าหวังออกไปด้านนอกอย่างว่าง่าย และในระหว่างการเดินหวังเค่อก็อธิบายบางอย่างให้กู้จวินฟัง
“ เนื่องจากเหตุผลบางประการในปัจจุบันเรายังเชื่อว่า เด็กทดลอง” คนนั้นไม่ใช่สายลับ ตอนนี้เราจําเป็นต้องมีขวัญกําลังใจที่แน่วแน่ไม่สั่นคลอน…ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะท้อแท้ไม่ได้ศัตรูฉลาดกว่าที่เราคาดคิดเพราะเป็นไปไม่ได้ที่คําเตือนเหล่านั้นจะถูกส่งมาตั้งแต่ก่อนเข้าฐานด้วยซ้ำ! พวกเราเพียงแค่สารวจและป้วนเปี้ยนข้างนอกยังไม่แม้แต่จะเข้าใกล้ที่ตั้งเลย อีกอย่างหนึ่ง หลังจากสํารวจมานานแม้ว่าเราจะไม่ได้รับใครที่ต้องสงสัยจากปฏิบัติการก่อนหน้านี้เลย…แต่อย่างน้อยพวกเราก็ได้กอบกู้ “สิ่งของ” จํานวนหนึ่งและพวกมันก็มีเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับภารกิจมากมาย”
หวังเค่อพูดเล่าเหตุการณ์ การสํารวจ รายละเอียดภารกิจที่สามารถเปิดเผยได้ให้กู้จวินฟัง…กู้จวินไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงไหม และเขาก็ไม่ได้สนใจด้วย…. เพราะกู้จวินคิดอยู่เสมอว่าเฟคต้านั้นน่าจะล้าหลังกว่าลัทธิหลังความตายอยู่หลายช่วงตัว สิ่งที่เฟคต้าได้รู้ในตอนนี้ก็เป็นเพียงสิ่งที่ลัทธิหลังความตายต้องการให้เป็นแบบนั้นก็เท่านั้น
ตอนนี้เป็นเวลา 8 โมงเช้า คนในค่ายทั้งหลายก็ต่างลุกขึ้นทํางาน กู้จวินเองก็ลุกไปตามหวังเค่อเพื่อสํารวจก่อนเดินทางเช่นกัน ทําให้เขาได้เห็นอะไรหลายๆอย่างในค่าย ประการแรกเขาก็ตระหนักว่าในค่ายทหารนี้มีทหารจริงๆไม่กี่คน และผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นพลเรือนทั่วไปที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคต้นไทรมนุษย์ที่ผิดปกติทั้งนั้น พวกเขาทั้งหมดได้รับการดูแลหลังการรักษาด้วยแขนขาปลอม อีกทั้งเวลาที่พวกเขามองกู้จวินจากระยะไกล คลับคล้ายกับว่าเขาเป็นเพียงภาชนะแห่งความกลัวและความสับสน..
“ คราวนี้เป็นหน่วย “นักล่าอสูร” ที่มาจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ” หวังเค่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเคารพเป็นส่วนใหญ่ คล้ายกับกําลังจูงจมูกกู้จวินให้เคารพตามเขาไปด้วย
“ ตามปกติแล้วพวกเขามีหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมกองย่อยที่เล็กที่สุด….หรือเรียกได้ว่าเป็นที่มภารกิจย่อย หากแต่หน่วยนี้สําคัญและเก่งกาจมาก พวกเขาเชี่ยวชาญในการรับมือกับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานที่ผิดปกติโดยเฉพาะก็เหมือนกับชื่อทีมนั่นแหละ! และหน่วยนี้ถูกก่อตั้งและคงอยู่มานานหลายสิบปี มีการหมุนเวียนสมาชิกหลายครั้ง แต่พวกเขามักจะทําภารกิจที่ได้รับให้สําเร็จลุล่วงอยู่เสมอ ” น้ำเสียงของหวังเค่อเต็มไปด้วยความเคารพหน่วยนี้อย่างที่สุด มันราวกับว่าหน่วยสืบสวนที่เขาอยู่นั้นเทียบไม่ได้เลยกับหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ย่อยๆหน่วยนี้
แต่มันจะน่าเคารพหรือเปล่ากู้จวินไม่สน! เขากําลังจับน้ำเสียงและข้อมูลที่หัวหน้าหวังพูดออกมาอยู่ เพราะทุกคําพูด ทุกประโยคล้วนมีความนัยแอบแฝงทั้งนั้น
“สมาชิกหมุนเวียนกันหลายครั้งงั้นหรือ?” กู้จวินเริ่มเกิดความสงสัยในประโยคนี้อย่างมาก “สมาชิกในหน่วยผลัดเปลี่ยนกันบ่อยเหรอ… น่าสงสัยจริงๆ เหตุผลที่สมาชิกในหน่วยนี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเปลี่ยนหน้า เพราะว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บในขณะที่ออกไปทําภารกิจจนไม่สามารถทําภารกิจต่อได้หรือเป็นเพราะค่า S ของพวกเขาลดลงจนเป็นบ้าไปกันแน่นะ…. หรือมันยังมีความนัยอย่างอื่นแอบแฝงอยู่ ผิดปกติจริงๆ หรือเป็นเรื่องปกติของหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ที่มักจะมีเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว?”
จากนั้นเขาก็เห็นทหารและเจ้าหน้าที่ประมาณสิบคนรอพวกเขาอยู่ และมีรถหุ้มเกราะหลายคันอยู่ข้างๆ
“ มีสมาชิกเพียงสิบห้าคนในหน่วยนักล่าอสูร…และนี่ก็คือ หัวหน้าที่ใหญ่ที่สุดในทีมแล้ว “เสวี่ยป้า” เขาอยู่ในตําแหน่งหัวหน้าหน่วยนักล่าอสูรอย่างเป็นทางการ” หวังเค่อเป็นผู้แนะนําสมาชิกของหน่วยให้แก่กู้จวินที่ยืนเอ๋ออ๋าฟัง “ หลายคนเข้าใจว่าเขาคนนี้มาจากแผนกปฏิบัติการ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น!! จริงๆแล้วหัวหน้าเสวี่ยย้ายไปจากแผนกสืบสวนพลังงานผิดปกติของพวกเราต่างหาก”
“….” หากหวังเค่อไม่เสนอตัวบอกกู้จวินก็คงคิดเช่นนั้นเหมือนกัน เพราะลักษณะของหัวหน้าเสวี่ยนั้น ไม่ได้เข้าท่าเข้าที่กับหน่วยสืบสวนเลย ตอนนี้ถ้าดูจากลักษณะภายนอก…ดูเหมือนหัวหน้าจะเสวี่ยจะมีอายุน้อยกว่าสี่สิบปี เขาสูงเกิน 190 ซม. มีรูปร่างเหมือนคนงานในเรือที่ไม่ได้มีตําแหน่งสูงอะไร เคราของเขาค่อนข้างครึมและกล้ามเนื้อบนแขนกับบนแผงหน้าอกรวมถึงส่วนต่างๆปรากฏขึ้นชัดเจนตามชุดหน่วยปฏิบัติการนักล่าอสูรแบบรัดฟิตเปรี๊ยะตึงยันไข่ของเขา
หากมองกันที่ภาพลักษณ์ในแง่ของอํานาจ… ตอนนี้แน่นอนว่ากู้จวินไม่มีตัวเปรียบเทียบดีๆให้เปรียบเทียบ ดังนั้นเขาจึงเอาไปเทียบกับอู่ตั้งแทน ต้องบอกว่าอู่ยังเป็นนักกล้ามที่มีพละกําลังมากคนหนึ่ง แต่ถ้าหากเทียบกับหัวหน้าเสวี่ยคนนี้แล้ว… อู่ยังเหมือนนักกีฬาที่กําลังออกมาจากยิมนักเพาะกาย ในขณะที่หัวหน้าเสวี่ยคือตัวละครเอกที่ออกมาจากเกมชื่อดังแห่งยุค.คอนทร้า!
“ แล้วอีกอย่างฉันเคยทํางานกับหัวหน้าเสวี่ยมาก่อน” หวังเค่อกล่าวด้วยความภาคภูมิใจปนเคารพนับถือ “ อย่าคิดว่าคุณจะหลอกเขาได้เหมือนหลอกฉัน และอย่าดูหมิ่นเขาเพียงเพราะรูปร่างหน้าตา แท้ที่จริงแล้วหัวหน้าเสวี่ยเป็นคนที่ฉลาดมาก”
กู้จวินพยักหน้าเข้าใจ เขาเองก็แน่ใจในสิ่งนั้นเช่นกัน คนที่สามารถเป็นผู้นําหน่วยพิเศษได้…นับว่าชายคนนี้ต้องมีความสามารถที่น่าประทับใจทั้งทางร่างกายและสติปัญญาอย่างแน่นอน นอกจากนี้กระบวนการคัดเลือกที่เฟคต้านั้นเข้มงวดมาก กู้จวินยังถึงกับต้องยอมรับเมื่อรู้ว่าชายคนนี้เป็นผู้นําทีม เขารู้สึกปลอดภัยมากขึ้นอย่างน้อยถ้าลัทธิแห่งความตายอะไรนั่นมา ชายคนนั้นอาจจะพอถ่วงเวลาให้เขาได้
“ ไงหมอกู้!” เสวี่ยป้าโบกมือทักทายพวกเขาจากไกลๆ เสียงของเขาหนักแน่นและทรงพลังมาก เพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ หันมาหาพวกเขาและพากันศึกษาดูกู้จวินอย่างเปิดเผย
หลังจากที่กู้จวินเข้าร่วมหน่วยกับพวกเขา เขาก็ได้รู้จักกับคนอื่น ๆ ผ่านการแนะนําของหวังเค่อ ก็ยังดีที่เขายังมีน้ำใจ…เขาโชคดีมากที่ไม่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในเผชิญโชคชะตาอยู่เพียงแค่คนเดียว
และคนที่เขาต้องจําก็มีถึงสิบห้าคน สิบห้าใบหน้า สิบห้าชื่อและสิบห้าบทบาท!! – กู้จวินพยายามอย่างเต็มที่ที่จะจดจําพวกเขา บางคนอยู่ที่นั่นเพื่อให้การสนับสนุนทางเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ บางคนอยู่ที่นั่นเพื่อจัดการกับอาวุธ มีทั้งชายและหญิง แต่ทุกคนต่างพากันร่วมมือร่วมใจทํางานกันอย่างขยันขันแข็งและที่สําคัญทุกคนเป็นคนที่ดีที่สุดอย่างน้อยก็ตามคําบอกเล่า!
“ ได้เวลาแล้ว…ไปเถอะ” หลังจากจบการแนะนําสั้น ๆ เสวี่ยป้าก็รีบเข้าไปในยานพาหนะ ก่อนที่เขาจะจากไปเขาตบไหล่หวังเค่อด้วยความคิดถึง “ไว้ฉันกลับมาจากทําภารกิจ ฉันจะเลี้ยงข้าวนาย…ถึงตอนนั้นจะสั่งอะไรก็เชิญเลย”
จากนั้นเขาก็หันไปตบบนไหล่ขวาของกู้จวินต่อ “ อาจจิ้น คันนั้นคือรถแพทย์ ในรถมีลุงต้านอยู่ เดี๋ยวเขาจะพานายไปเยี่ยมชมสถานที่และแนะนําเรื่องต่างๆที่นายควรรู้”
“ เอิ่ม! รับทราบ…” กู้จวินรู้สึกราวกับว่าสะบักที่ไหล่ของเขาแทบแตก “ชายคนนี้ไม่ใช่เฮอร์คิวลิสกลับชาติมาเกิดจริงหรือ?” แล้วก็ “ตบแบบนี้ถีบไปเลยดีกว่า? หาเรื่องกันรึไง??”
ลุงต้านซึ่งมีชื่อเต็มว่า “เหล่าต้าน” เขาเป็นแพทย์ประจําทีม เขาเป็นสมาชิกที่แก่ที่สุดในทีมแล้ว ถ้าจําไม่ผิดเขามีอายุราว ๆ ห้าสิบปี เขามีใบหน้ากลมและศีรษะ เหลือเพียงผมเล็กน้อยพอๆ กับไช่ฉีซวน เขาถือกระติกน้ำร้อนที่ด้านในมีน้ำเบอร์รี่ เขาเป็นสมาชิกที่เปิดเผยมากที่สุดของทีม ดูเหมือนเขาจะแบ่งปันความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน และถ้าเป็นเกมส์…เขาก็น่าจะเป็นตัวละครที่มีชีวิตอยู่นานพอที่จะสามารถอยู่รอดได้ทุกอย่าง
จากนั้นเขาก็ได้ยินหัวหน้าและลุงต้านคุยกัน จากนั้นก็หัวเราะอย่างเต็มที่และพูดอย่างเอ็นดู “เจ้าหนู! มานี่เร็ว ฮ่า ฮ่า ในที่สุดทางเบื้องบนก็ส่งผู้ช่วยมาให้ฉัน”
กู้จวินอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
จากนั้นสมาชิกของหน่วยนักล่าอสูรก็เข้าไปในรถของตนเองและในไม่ช้ายานพา
รถแพทย์ที่กู้จวินอยู่นั้นเป็นเหมือนรถพยาบาลหุ้มเกราะ มีเครื่องใช้ทางการแพทย์อยู่บ้าง มีเตียงผ่าตัด น้ำดี โคมไฟที่ไม่มีร่มเงาและอื่น ๆ ภายในรถ แน่นอนว่ายังมียาและถุงเลือดมากมาย เนื่องจากการฝึกแพทย์ภาคสนามที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ทําให้กู้จวินคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดอย่างรวดเร็วและไม่น่าจะเป็นปัญหาสําหรับเขาที่จะใช้ประโยชน์เหล่านี้ ภายในรถนอกจากเขาและลุงต้านแล้วยังมีบุรุษพยาบาลในวัยสามสิบคนหนึ่ง ชื่อของเขาคือ จางหาวห้าว เขาเป็นผู้ชายที่มีกล้ามเนื้อมากเหมือนกัน และตอนนี้เขากําลังขับรถอยู่
“ ลุงต้านครับ…เราจะไปไหน?” กู้จวินถามอย่างงุนงง ดูเหมือนว่าสมาชิกของกลุ่มนี้มีมากกว่าที่เห็น แล้วก็พยาบาลที่เป็นคนขับรถด้วย? น่าประทับใจ
“ เรากําลังจะไปสถานที่แปลกประหลาดไงล่ะ” ลุงต้านพูดอย่างมีเลศนัย “ อาจขึ้น คุณเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติไหม?”
หัวใจของกู้จวินเต้นรัว ลุงต้านพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? “ ฉันไม่เคยเชื่อ แต่ตอนนี้ฉันไม่ แน่ใจ”
* นั่นเป็นวิธีที่ถูกต้องในการคิด…มีหลายสิ่งหลายอย่างในโลกที่เรายังไม่เข้าใจ ไม่ว่าในกรณีไหนคุณควรเตรียมจิตใจไว้ก่อน เราสามารถเผชิญกับอะไรก็ได้ในระหว่างภารกิจนี้” ลุงต้านเพิ่งพูดอะไรบางอย่างที่รุนแรงก่อนที่เขาจะเข้าสู่อารมณ์ล้อเล่น “ เวลาอาหารเช้า เวลาอาหารเช้า! ท้ายที่สุดมันเป็นมื้อที่สําคัญที่สุดของวัน”
“…” กู้จวินหมดคําพูด
ในเวลาเดียวกันรถของหน่วยนักล่าอสูรก็กําลังมุ่งหน้าไปทางด้านเหนือของภาคตะวันออกลึกเข้าไปในเทือกเขา การเดินทางใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง และตอนนี้กู้จวินก็ตระหนักว่าพวกเขากําลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านกู่หรง
และในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมาถนนที่เป็นหลุมบ่อและป้ายร้างริมถนนได้ยืนยันความสงสัยของเขา จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือพื้นที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบ มีด่านทหารตั้งอยู่แล้วเพื่อประจําการรักษาความปลอดภัยเมื่อพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านกู่หรง
และพวกเขาก็ผ่านพวกเขาไปอย่างราบรื่น แต่พลเรือนปกติจะต้องหยุดชะงักอย่างแน่นอน เหมือนอย่างในอินเทอร์เน็ตของข้อมูลหมู่บ้านกู่หรง หมู่บ้านนี้ถูกปล่อยให้ร้างเนื่องจากการค้นพบซากปรักหักพังโบราณ เพื่อปกป้องการค้นพบทางโบราณคดี ชาวบ้านทั้งหมดจึงถูกย้ายที่อยู่และสถานที่แห่งนี้ก็ปิดถาวร…ง่ายๆ ใครเข้ามามีความผิด
รถยนต์เคลื่อนตัวผ่านป่าที่เงียบสงบ กู้จวินมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์อันเงียบสงบสามารถทําให้เขาสบายใจได้ แต่เขารู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อย ๆ
มันเงียบเกินไป สถานที่เช่นนี้น่าจะมีเสียงดังจากกิจวัตรประจําวันของสัตว์ป่าสิ แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเลย เมื่อเงาแปลก ๆ กระโดดผ่านต้นไม้ก็เกิดเสียงกรอบแกรบที่น่าสงสัย นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าจะทําให้กลิ่นของการสลายตัวของอะไรบางอย่างที่ลอยอยู่ในอากาศนั้นหนาขึ้นเกือบทําให้เขาหายใจไม่ออก
หน่วยนักล่าอสูรค่อยๆเปลี่ยนเส้นทางไปหลายรอบและในที่สุดกู้จวินก็เห็นหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไปนั่น คือ หมู่บ้านกู่หรง!
ต้นไทรใหญ่ที่เที่ยวเฉาต้นนั้นกําลังยืนตะหง่านรอคอยเขาอยู่!