ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 131
ตอนที่ 131 ทําพินัยกรรม
* ไม่!! ฉันแน่ใจว่าเป็นพวกเขา! ไล่เฉิงต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกแน่นอน! พวกมันมาจากแหล่งเดียวกัน และฉันสงสัยว่าพวกมันเข้ามาในโลกของเราจากอีกแหล่งหนึ่งผ่านรูของต้นไทรเหล่านั้น
กู้จวิ้นอธิบายอย่างรวดเร็วเหมือนกับกลัวว่าเสวี่ยป้าจะไม่เชื่อเขา ลัทธิชีวิตหลังความตายอาจจะไม่มีอํานาจที่จะควบคุมสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ที่ทําลายโลกเก่าของพวกเขา แต่พวกเขามีความสามารถ ในการนําโศกนาฏกรรมแบบเดียวกันมายังโลก
ในชั่วขณะนั้นเอง เขาพลันรู้สึกได้ว่าตัวเองดูเหมือนจะรุกเกินไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่าหน่วยนี้จะเป็นหน่วยที่สืบหาเกี่ยวกับพลังงานที่ผิดปกติก็เถอะ แต่แนวคิดต่างโลก แนวคิดสัตว์ประหลาด มันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปยอมรับได้ และโดยทั่วไปแล้วไม่ค่อยมีคนทั่วไปคิดเรื่องแบบนี้หรอก ตราบใดที่ไม่ได้ดูการ์ตูนหรือดูหนังที่เกี่ยวข้อง พอคิดได้แบบนี้หัวใจของกู้จวิ้นก็ดิ่งลงต่ําทันที หรือว่าเขาจะต้องหาทางเพิ่มเครดิตของตัวเองให้น่าเชื่อถือมากกว่านี้
“ เอาล่ะฉันจะรายงานเรื่องนี้ต่อผู้บังคับบัญชาก็แล้วกัน ส่วนคุณก็ใจเย็นๆหน่อยเถอะ”
เสวี่ยป้าเข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์นี้โดยธรรมชาติ เข้าใจความรู้สึกของกู้จวิ้น เขารู้ว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ และที่นี่ก็มีสิ่งผิดปกติมากมาย จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะคิดต่างๆนานาไปเรื่อย และทุกแนวคิดของมนุษย์ก็ไม่ควรถูกมองข้าม. และหลังจากรับฟังความคิดของกู้จวิ้นเสร็จ…เขาก็จากไปในไม่ช้า
ในขณะที่กู้จวิ้นมองลงไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่เที่ยวเฉาและทันใดนั้นความคิดที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นในใจของเขา “รอยมือสิบหกคู่ คนสิบหกคน หน่วยนักล่าอสูรบวกฉันนั่นเท่ากับสิบหกคนไม่ใช่หรือ? “
“ หัวหน้าเสวี่ยครับ…เดี๋ยวก่อน!” กู้จวิ้นตกตะลึงและหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ.. แม้หัวหน้าจะเดินจากไปไกลแล้ว แต่เขาก็ตะโกนเรียกสุดเสียง น้ําเสียงของเขาเหมือนกับลูกชายที่เพิ่งถูกพ่อแท้ๆทิ้งในวันที่ไปปฐมนิเทศในโรงเรียนวันแรก เสียงที่อ้อนวอนและเต็มไปด้วยความเดือดร้อนนั้นทําให้เสี่ยป้าต้องรีบหันมามองทันที จากนั้นกู้จวิ้นก็เอ่ยถามอย่างร้อนรน “ หัวหน้าครับ หัวหน้าได้เอาลายมือของทุกคนไปเทียบกับภาพบนต้นไม้แล้วหรือยัง??”
การสอบเข้าเฟคต้าได้นั้นไม่ได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับการดํารงตําแหน่งอยู่ในเฟคต้าก็เช่นกัน ทุกคนที่สอบผ่านและได้รับการคัดเลือกเข้าเฟคต้าจะต้องมีการบันทึกข้อมูลที่ถูกต้องหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกค่าทางร่างกาย การบันทึกค่าทางจิตใจจากนั้นแม้กระทั่งลายนิ้วมือ ลายมือหรือว่าโครงหน้าก็ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นแล้วทางเฟคต้าย่อมจะมีข้อมูลของทุกคนอยู่ การนํามันออกมาแล้วเปรียบเทียบไม่น่าจะใช่เรื่องยากเย็น
กู้จวิ้นเองก็เช่นกัน…ลายมือและลายนิ้วมือของเขาได้รับการบันทึกไว้แล้วเมื่อได้รับการยอมรับ จากเฟคต้าอย่างเป็นทางการ
“ ฮ่าๆเด็กน้อย…เธอกําลังเครียดเรื่องนี้น่ะเหรอ? ใจเย็นก่อนเถอะ” เสี่ยบ้าหัวเราะอย่างเปิดเผย เขาปลอบใจกู้จวิ้นต่อ “ แน่นอนว่าเราทําอย่างนั้นแล้ว ทุกอย่างปกติดีไม่อย่างนั้นทําไม
พวกเขายังส่งเราเข้ามาได้อีกล่ะ? แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังอันตราย สุดท้ายแล้วการเข้าไปสํารวจในพื้นที่ช่องว่าง มันก็ไม่ต่างอะไรกับกําลังตีตั๋วเที่ยวเดียวไปสู่นรก… ไม่มีอะไรมารับประกัน ความปลอดภัยให้พวกเราได้ ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่ ถ้าฉันเป็นคุณฉันจะรีบสละเวลาไปทําพินัยกรรมทันที เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้ยังจะรอดกลับมาหัวเราะและพูดคุยกับเพื่อนๆที่อยู่ด้านหลังได้ อีกหรือเปล่า…. ส่วนคุณจะทําพินัยกรรมหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ”
เมื่อเห็นเสวี่ยป้าเดินจากไป กู้จวิ้นก็ส่ายหัวด้วยความเสียใจ เขาคิดว่าความรู้ภาษาต่างประเทศจะช่วยให้เขาปลอดภัยเสียอีก!
แต่ตอนนี้มันทําให้เขาตกอยู่ในอันตรายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกว่าเดิมก็เท่านั้น ตอนนี้เขาได้แต่ไปหาลุงต้านเพื่อขอปากกาและกระดาษ
จากนั้นเขาก็เขียนพินัยกรรมง่ายๆ โดยส่วนใหญ่เขียนถึงความขอบคุณที่เขามีต่อศาสตราจารย์กู้ พี่ชายเฉียง และศัลยแพทย์รู้สําหรับความเชื่อมั่นที่พวกเขามีต่อเขา
จากนั้นเขาก็ฝากคําพูดให้กําลังใจใช่ฉีซวน หวังรั่วเซียงและคนอื่นๆ ถ้าเขาตาย! เขาก็อยากให้พวกเขาก้าวต่อไป เดินไปบนเส้นทางแห่งการแพทย์และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
แต่ถึงอย่างนั้นกู้จวิ้นก็ไม่ปราถนาที่จะตาย!
จากนั้นเขาก็จับหัวของตนเองแกล้งปวดหัว ด้วยพลังความสามารถการแสดงระดับออสก้า เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและพยายามเลียนแบบท่าทางของพระเอกนางเอกที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างโลก และได้รับความทรงจําของเจ้าของร่างเดิม..
นั่นทําให้บรรดาฝูงชนที่กําลังทํางานทําการอยู่ต้องหันมาดูกู้จวิ้นด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
เขามารุมกู้จวิ้น… เมื่อมาถึงบางคนก็หยิบอุปกรณ์การแพทย์ บางคนก็หยิบเครื่องปั้มหายใจ ในขณะที่บางคนเข้ามาถามว่าอเป็นอะไรกันแน่ จึงเป็นโอกาสให้เขาทําตามแผนแรกที่พึ่งวางเสร็จ
“ จู่ๆ ฉันก็นึกถึงคําต่างประเทศมากมาย…”
จากนั้นเขาก็เขียนคําต่างประเทศห้าร้อยคําที่เขารู้แล้วให้กับองค์กรอย่างรวดเร็ว
สิ่งต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงดังนั้นเขาจึงต้องเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ในตอนเช้าเขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
แต่ตอนนี้เขาทําสิ่งนี้ลงไป…เขารู้ว่ามันบ้า! เขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่แท้ที่จริงแล้วเขาอาจจะทําเพื่อคนที่เขาพูดถึงในพินัยกรรม หรือไม่ก็เพื่อให้คนอื่นปล่อยเขาและเขาจะได้ไม่ต้องเข้าร่วมภารกิจนี้
กู้จวิ้นไม่รู้ว่าคนอื่นมองกลลวงของเขาออกหรือไม่ แต่ถึงยังไงก็ไม่มีใครพูดอะไร
หลังจากเสวี่ยป้าและทีมงานของเขาได้ตรวจสอบรายชื่อคําศัพท์ที่เขาเพิ่งเขียนลงไป แม้พวกเขาจะจําร่องรอยของอักขระแปลกปลอมที่พวกเขาเคยเห็นบนผนังไม่ได้ แต่ก็จะมีโอกาสที่พวกเขาสามารถถอดรหัสข้อความได้แล้วด้วยรายการคําศัพท์ใหม่ที่กู้จวิ้นได้จัดเตรียมไว้ให้นั่นเอง
แต่ถึงกระนั้นผู้บังคับบัญชาก็ยังคงสั่งให้กู้จวิ้นลงไปทําภารกิจนี้อยู่ดี โดยให้เหตุผลว่าบางทีเขาอาจถูกกระตุ้นให้จําสิ่งต่างๆได้มากขึ้นเมื่ออยู่ในโพรงต้นไม้
“แม่ง!! ทุ่มหมดตัวแล้วยังไม่ปล่อยฉันอีก!”
“ การรู้คําศัพท์ล่าสุดของคุณได้รับความสนใจจากสํานักงานใหญ่นะ…” จากนั้นเสวี่ยป้าก็บอกกู้จวิ้น” เนื่องจากสถานการณ์เร่งด่วนเราต้องทําภารกิจนี้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด”
ก่อนหน้านี้หน่วยนักล่าอสูรได้ทําการทดสอบหลายครั้งภายในพื้นที่ผิดปกติ เช่น ความหนาแน่นของอากาศ นอกเหนือจากความหนาแน่นต่ําของออกซิเจนซึ่งอยู่ที่สิบสามถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว ก็ยังไม่มีร่องรอยขององค์ประกอบที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์
พวกเขาได้ทําการทดสอบสารพิษและการทดสอบทางจุลชีววิทยาด้วย เมื่อการทดสอบทั้งหมดผ่านไปก็ได้ผลลัพธ์ว่าในทางทฤษฎีมนุษย์สามารถอาศัยอยู่ในโพรงไม้นี้ได้โดยไม่ต้องมีการป้องกันพิเศษใดๆ
แต่เพื่อความปลอดภัย คนกลุ่มนี้ยังคงสวมชุดป้องกันสีเหลืองที่ปกปิดตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื่องจากผิวหนังต้องไม่มีการสัมผัสทางกายภาพใดๆกับต้นไทรเมื่ออยู่ในพื้นที่ จึงไม่ควรถอดอุปกรณ์ป้องกันออก เว้นแต่จําเป็น
จริงๆคนไม่ควรจะเข้าไป… เพราะมันคือพื้นที่เสี่ยง แต่โพรงไม้นี้นั้นมันแคบและมีพื้นที่ค่อนข้างจํากัด เกี่ยวกับทฤษฎีที่บอกว่าจะมีการปรากฏตัวของวัตถุแปลกๆ นั่นก็ส่วนหนึ่ง มันเลยทําให้พื้นที่รองรับมีขีดจํากัด
แล้วใครจะรู้เมื่อของสิ่งนั้นปรากฏขึ้นมาอีกรอบหนึ่งพื้นที่มันอาจจะเต็มจนไม่สามารถขยับได้ และอาจจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ดังนั้นแล้วจึงไม่เหมาะอย่างยิ่งที่คนเป็นๆ จะลงไป.. แต่อย่างที่บอกว่าข้อจํากัดมันมีหลายอย่าง คล้ายกับที่ว่ามีแก้วน้ําอยู่แก้วหนึ่งหากใส่น้ําเต็มลงไปแล้ว ต่อให้ใส่อย่างอื่นเข้าไปอีกมันก็ไม่สามารถใส่ได้ หรือถ้าใส่น้ํามันก็จะล้นออกมาอยู่ดี ดังนั้นถ้าจะใส่ชิ้นส่วนของรถถังเข้าไปแล้วไปประกอบในนั้นเพื่อสร้างขึ้นมาปกป้องทุกคนจึงเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นหน่วยฉุกเฉินจึงต้องพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับสิ่งของที่ทีมสํารวจจะนําติดตัวไปด้วย คราวนี้ภารกิจของพวกเขาคือการเข้าสู่พื้นที่ใกล้เคียงกับอวกาศเพื่อสํารวจและเก็บข้อมูลกลับมา
ดังนั้นสิ่งที่ต้องคํานึงถึงเป็นอันดับแรกคือความปลอดภัย!
และเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้อย่างแรกก็คือ มีศัตรูรอท่าอยู่ในนั้น แล้วพวกเขาจะจัดการกับศัตรูได้อย่างไร แน่นอนว่าถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้อาวุธเป็นคําตอบที่เด็ดขาดที่สุด ดังนั้นพวกเขาต้องมีการเลือกอาวุธชนิดต่างๆ อย่างรอบด้านเพื่อจัดการกับศัตรูประเภทต่างๆได้อย่างฉับไว
ตัวอย่างเช่น หากมีการซุ่มโจมตีของหนอนยักษ์ใต้พิภพ และมันได้กัดสมาชิกคนใดคนหนึ่ง อาวุธนั้นจะต้องสามารถทําร้ายหนอนได้ ในขณะที่แน่ใจว่ากระสุนจะไม่แทงทะลุและทําร้ายเพื่อนที่กําลังถูกมันเกาะกิน
พวกเขาต้องพิจารณาสิ่งมีชีวิตที่ผิดปกติอื่นๆที่เพิ่งเจอเมื่อเร็วๆนี้เช่นกัน สรุปได้ว่าทีมควรจะมีอาวุธหลายชนิดพร้อมกระสุนที่แตกต่างกัน และระยะที่แตกต่างกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
ข้อพิจารณาประการที่สองคือความสามารถในการอยู่รอด โดยเฉพาะอาหารและน้ําที่สามารถอยู่ได้นานหนึ่งสัปดาห์ ข้อพิจารณาประการที่สามคือการช่วยชีวิต! สิ่งต่างๆ ที่ควรเอาไปก็อย่างเช่น เครื่องมือทางการแพทย์ ยาและถุงเลือดเพราะเมื่อจําเป็น สมาชิกที่ได้รับบาดเจ็บหนักอาจถูกทอดทิ้ง ท้ายที่สุดเฟคต้าถูกสร้างขึ้นจากการเสียสละของสมาชิก “หน่วยปฏิบัติการณ์เคลื่อนที่” หลายคน
จากนั้นก็มีอุปกรณ์และของจิปาถะอื่นๆ หลังจากพกพาสิ่งเหล่านี้ไปแล้วอาวุธที่หนักกว่า เช่น ปืนใหญ่ต่อต้านรถถังมันจะเกินขีดจํากัดความจุของโพรงนี้
ดังนั้นสิ่งที่ควรโฟกัสคือความคล่องตัว ทุกคนมีปืน แต่นั่นจะดีกว่าการมีปืนกลแอนติคราฟต์ กระบอกคู่เพียงกระบอกเดียว เมื่อจัดอาวุธได้ ทุกคนก็ต้องแบ่งอาวุธกัน โดยยึดหลักความคล่องตัว ดังนั้นทุกคนจะต้องพกสัมภาระที่หนักเกือบเท่าๆกันในการปฏิบัติภารกิจ
“ นี่คือ [ปืนกล..QWC 05 ] นายนําติดตัวไปด้วย”
ก่อนที่พวกเขาจะเดินทาง เสี่ยป้าก็คว้าปืนกลและโยนไปที่กู้จวิ้น
“ มันง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด เพียงแค่ปิดเซฟ โหลด เล็งและยิง! และปืนนี้ก็จะใช้งานได้ทันที…ส่วนอุปกรณ์ปืนติดตั้งหมดแล้ว และนี่เป็นเพียงข้อควรระวังจําไว้..อย่าปิดเซฟเว้นแต่จําเป็น และอย่าชี้กระบอกปืนไปที่พันธมิตรของคุณ! ถ้าคุณทําล่ะก็.ฉันจะยิงคุณทันที ด้วยเหตุผลที่ว่าค่า S ของคุณลดลงต่ําอย่างอันตราย”
“ เข้าใจแล้วครับ…” กู้จวิ้นบอกได้ว่าเสี่ยป้าไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน
[QWC 05] ไม่ใช่ปืนหนัก แต่มันให้ความรู้สึกหนักแน่นในความจิตใจของกู้จวิ้นผู้ไม่เคยจับปืน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถือปืนจริง อย่างน้อยในความทรงจําของเขานี่เป็นครั้งแรก!! สามชั่วโมงหลังจากพวกเขามาถึงหมู่บ้านกู่หรง ในที่สุดทุกอย่างก็พร้อม
จากนั้นผู้คนจากหน่วยบัญชาการกลางส่งทีมสํารวจย่อยของทีมหน่วยนักล่าปีศาจออกไป และไม่นานกู้จวิ้นและพรรคพวกก็เข้ามาใกล้ต้นไทรใหญ่
กลิ่นเหม็นเน่าของต้นไม้ถูกแยกออกไว้นอกชุดป้องกัน กู้จวิ้นสูดหายใจเอาออกซิเจนที่ถังออกซิเจนขนาดเล็กให้มาและมองดูเสี่ยป้าที่เดินไปด้านหน้ากลุ่ม จากนั้นเขาก็บีบตัวลงไปในโพรงต้นไม้และหายไปท่ามกลางความมืด จากนั้นก็เป็นสมาชิกทีมคนถัดไปตามด้วยสมาชิกในทีมอีกคน
“ อาจวิ้นรีบลงตามมาสิ! เดี๋ยวจะคลาดกันนะ” แล้วก็ถึงตาลุงต้าน แม้เขาจะเพิ่งโดดลงไป แต่เสียงของเขาก็ยังคงดังผ่านระบบไร้สาย “ ไม่ต้องกลัว ลุงต้านจะอยู่ที่นั่นรอเธอนะ”
“ครับ…” กู้จวิ้นเฝ้าดูขณะที่ลุงต้านหายตัวไปในโพรงต้นไม้ จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้า และมุ่งหน้าไปยังหลุมมืดและเป็นสีเทาตามคนอื่นๆ
ขั้นแรก
ขั้นที่สอง
ขั้นที่สาม.
ในขณะที่เขาเข้ามานั้น เขามองเห็นแสงที่พร่ามัวหลายๆจุดเกาะตัวเป็นชั้นๆ พวกมันเกาะตัวกับหมอก… ทันทีที่เขาเข้าไป หมอกเหล่านั้นก็กระจายตัวและกลายเป็นภาพที่น่าสวยงามอย่างพิศวง… หากแต่มันก็น่ากลัวด้วย