ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 151
ตอนที่ 151 เปิดเผยเป้าหมาย
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้มันยุ่งยากและวุ่นวาย ราวกับวันเวลาได้ยาวนานยิ่งกว่าการฝึกอบรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเฟคต้าเสียอีก… เขาเกือบลืมไปแล้วว่าเขาเคยกดรับภารกิจนี้ไป
ตอนแรกเขาก็คุ้นๆนั่นแหละว่าเขามีภารกิจผ่าตัดอยู่… ต้องขอบคุณกระบอกปืนของลู่เสียวหนิง มันทําให้เขาลืมเกือบทุกอย่างแต่ก็ดีอย่างน้อยแผนทั้งหมดก็เป็นไปตามที่เขาได้วางไว้
ตอนนี้กู้จวินกําลังกลายร่างเป็นแมวผู้อดอยากคล้ายกับว่าเขาเป็นแมวจรจัดตัวหนึ่งที่มีคนใจดีโดนปลากระป๋องให้… แต่ดูเหมือนผู้ใจบุญคนนั้นจะลืมให้ที่เปิดกระป๋องกับมัน มันจึงได้แต่มองปลากระป๋องอยู่อย่างนั้นและไม่สามารถเปิดออกได้
กู้จวินอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นนั่นแหละเขาไม่สามารถเอามีดคารลอตอะไรนั่นออกมาเชยชมได้…ถ้าเขาเอามันออกมาตอไปนี้ชีวิตของเขาคงคาดหวังความสงบสุขไม่ได้อีกต่อไป
ดูนั่นสิ! สมาชิกของหน่วยนักล่าอสูรกําลังมองมาที่เขาเกือบทุกคน… นอกเสียจากว่าเขาอยากจะหนีและ เบื่อชีวิตเต็มทนแล้วการเอามีดออกมาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสําหรับความต้องการนี้….แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เขาเองก็อยากเห็นมีดนั่นไวๆ เหมือนกัน…
ความเชี่ยวชาญของมือแห่งความชํานาญได้เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันนั่นอาจเป็นเพราะว่านี่คือการผ่าตัดดวงตาครั้งแรกของเขาและเขาทํามันภายใต้อิทธิพลของพลังแห่งความมืดบางอย่างด้วยจึงไม่แปลกที่แต้มจะสูง….
จังหวะนั้นมันราวกับเขาได้ไขความลับบางอย่างของระบบ… นั่นก็คือการนับคะแนนความก้าวหน้าของมือแห่งความชํานาญยิ่งเขาทํางานหรือทําการผ่าตัดที่ยุ่งยากและมีความลําบากมากเท่าไหร่คะแนนที่ได้ดูเหมือน จะเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจํากัด… สิ่งนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดีมาก ต่อไปนี้เขาคงต้องแสวงหาการผ่าตัดที่ยากบ่อยๆ แล้ว
ในขณะที่พูดคุยกับตัวเองเสร็จเขาก็นึกได้ว่าตัวเองกําลังเหยียบลูกตาของลู่เสี่ยวหนิงอยู่… ดังนั้นเขาจึงก้มลงไปมองลูกตาที่ถูกเขาเหยียบจนแบนลูกนั้น แล้วเขาก็พบว่าดวงตานั้นได้กลายเป็นของเหลวสีแดงและแตกกระจุยกระจายอยู่บนพื้นแล้ว..
แม้สภาพของเศษซากลูกตามันจะน่าขยะแขยงและทําให้หมดความอยากอาหาร แต่ความน่าสยองความน่าความกดดันแปลกประหลาดที่เต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับก็ได้หายไป
เสวี่ยป่า ลุงต้านและคนอื่น ๆ ก็เห็นเช่นกันแต่ไม่มีใครพูดอะไรเพื่อคัดค้านแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดพวกเขาเกือบจะสูญเสียจิตวิญญาณของตนเองไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ก็เพราะมัน!
ในทางทฤษฎีแล้ววัตถุวิเศษชนิดนี้มันสามารถกระตุ้นให้เกิดความบ้าคลั่งในตัวของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ มันจะต้องมีมูลค่าการวิจัยสูงมากแน่นอน แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้ สิ่งที่กู้จวินทําคือทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน…ทันทีที่ผมมองเห็นดวงตาของลู่เสี่ยวหนิง… ผมก็ตกอยู่ในภวังค์การควบคุมของพลังที่แปลกประหลาดมันขัดขวางไม่ให้ผมเข้าไปผ่าตัดลู่เสี่ยวหนิงผมต้องหยุดยืนกระชากเอามันอยู่นาน…. กว่าผมจะมาผ่าตัดได้ก็แทบเอาหอบไปเหมือนกัน…
กู้จวินบอกความจริงกับทุกคน ตัวเขาเองก็ไม่อยากให้คนอื่นมานั่งสงสัยเขาตลอดการเดินทางหรอก… เอาจริงๆต่อให้ไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นเขาก็จะต้องสร้างเรื่องเพื่อให้คนอื่นเชื่ออยู่ดีไม่อย่างนั้นสวัสดิภาพความปลอดภัยของเขาเป็นไปได้ว่ามันอาจจะลดลง และชีวิตของเขาก็จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
ฉันเชื่อเธอ..กู้จวิน เสี่ยป้าพยักหน้าอย่างจริงใจเขาเคยสัมผัสพลังของลูกตานั้นด้วยตัวเอง เขารู้ดีว่า คนๆ หนึ่งจะมีอาการแปลกๆอย่างไรหากต้องมนต์สะกดของมัน
และคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย ท้ายที่สุดทุกคนต่างก็ตกเป็นเหยื่อของภาพลวงตานั้นกันทั้งสิ้นเมื่อคุยอะไรกันเรียบร้อยจางฮ่าวฮาวก็คลุมสิ่งที่อยู่บนพื้นด้วยผ้าเพื่อไม่ให้ใครมาแตะต้องของแบบนี้อีก
ในขณะที่ลุงต้านและกู้จวินก็ถอดถุงมือออกและทําความสะอาดเพราะหลังจากทําการผ่าตัดแล้ว…ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามสิ่งที่พวกเขาควรทําก็คือการล้างมือและทําความสะอาดตัวเอง…
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะรีบทําความสะอาดร่างกายและมือไม้กันในขณะที่ทุกคนกําลังทําความสะอาดร่างกายนั้นเองลู่เสี่ยวหนิงที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นก็ตื่นขึ้นมา และอย่างแรกที่เธอทําหลังจากตื่นแน่นอนว่าคือการกรีดร้องด้วยความตกใจกลัวจนทุกคนที่อยู่ที่นั่นไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือเหนื่อยล้ายังไงก็ต้องลุกขึ้นตื่นมาด้วยความตกใจกันแทบทั้งสิ้น
อ๊ย… แม่ง!! ในที่สุดเสียงร้องโหยหวนของมนุษย์ธรรมดาก็หลุดรอดออกมาจากปากของเธอ เธอเหลือบมองไปที่สายรัดของตยเองและภาพเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยเหล่าเพื่อนร่วมทีมที่มารุมล้อมเธอจากนั้นเธอหัวเราะอย่างขมขึ้น อ้าว… นี่มันลุงต้านนี่นา นี่ฉันยังไม่ตายอีกเหรอฉันคิดว่าตัวฉันขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้วนะเนี่ยดีจริงๆ ขอบคุณนะที่ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ไม่อย่างนั้นถ้าสวรรค์มีลุงต้านอยู่ชาวโลกก็น่าสงสารแย่สิ
ทันทีที่ฟื้นมาลู่เสี่ยวหนิงก็เปิดตัวด้วยมุขฝืดทําให้ทุกคนเริ่มหัวเราะจากนั้นลุงต้านก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วยน้ําเสียงที่แผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทําได้จากนั้นเสวี่ยป่าก็ถามต่อ ก่อนหน้านี้คุณเห็นอะไร?
ฉันไม่รู้..ฉันอธิบายไม่ได้เหมือนกัน ใบหน้าของลู่เสี่ยวหนิงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ทั้งใบหน้าด้านซ้ายและขวาของเธอมีสี่ด้วยความสับสน
มีแสงสีขาวแวบเข้ามาจากนั้นก็เงากําลังร่ายรํา… จากนั้นฉันก็ขยับตัวไม่ได้ มันเหมือนกับถูกขังอยู่ในความฝันที่ฉันไม่สามารถตื่นได้… มันเป็นเรื่องที่เหนือจริงมาก…
เสวี่ยป้าพยักหน้าเล็กน้อยและให้หยางเฮ่อหนาน เฝ้าดูแลเธอ ท้ายที่สุดไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในตัวเธอหรือไม่
ส่วนใหญ่แล้วความบ้าคลั่งจะไม่ปรากฏให้เห็นทางร่างกายดังนั้นลู่เสี่ยวหนิงจึงตกเป็นเป้าหมายของการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิดเช่นกับคู่จวิน
ไม่เป็นไร! ฉันรู้กฎ ลู่เสียวหนิงทํางานมานานทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะว่าคนในทีมต้องการจะสื่ออะไรอีกอย่างหนึ่งเชือกที่มัดเธอไว้แทบทั้งตัวนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ… ในขณะที่บ่นเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายสุดที่จะหยุดยั้ง ถึงยังไงฉันก็ต้องพักผ่อนอยู่ดี
ไม่ว่าในกรณีใดแต่พวกเขาก็ยังคงต้องจัดการกับประตูสีแดงต่อเหมือนเดิมคราวนี้เสวี่ยป้าเปลี่ยแผยเขาพากูจวินและลูกน้องนักแม่นปืนอีกสามคนลงไปที่ประตูสีแดงเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง นอกจากการมองผ่านรูกุญแจแล้วกูจวินยังศึกษาทุกอย่างเขาสัมผัสทุกสิ่งที่อยู่ในมือ แม้จะดึงตะเกียงน้ํามันทั้งสองอันออกมาและแทบอยากจะเขวี้ยงทิ้ง แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อาจขึ้น เธอคิดยังไง? เสี่ยป้าถามอย่างจริงจัง เธออยากจะดูผ่านรูไหม ?
ไม่ดูครับ เขาไม่ได้ล้อเล่น! ท้ายที่สุดกู้จวินได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเขาแตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิงพวกเขาจะตายแอ้งแม้งเมื่อมองผ่านรูกุญแจ แต่จวินอาจจะไม่เป็นไรและเขาอาจจะกระตุ้นกลไกบางอย่างมาแน่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่คําสั่ง!เขาแค่ขอความเห็นจากกู้จวินโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุแห่งแรงบันดาลใจ
ไม่อย่างแน่นอน! กู้จวินตอบโดยไม่ลังเลและเขาก็ไม่ได้ซ่อนความคิดของเขาอีกต่อไป พอดีผมเป็นคนชอบดูหนังและชอบดูหนังสยองขวัญส่วนใหญ่การทําอะไรแบบนั้นก็ไม่ต่างจากการขอความตาย ส่วนใหญ่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือหันหลังกลับและเดินจากไป
เสวี่ยป่าและเกาหมิงเผิงพลันตกตะลึง สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์งั้นเหรอ…?
โจวยเหลือบไปมองหัวหน้าเสวี่ยที่กําลังยืนอยู่ จากนั้นชายหนุ่มก็คิดวิธีแก้ปัญหาขึ้นมาได้
ประตูนี้ดูเก่าแก่มาก… และในอุโมงค์ตอนนี้ทั้งหมดรวมถึงทางเข้าที่เข้ามาถูกดินถล่มพังทลายไปหมดเรียบร้อยแล้วดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาและเธอจะออกได้จากป่านี้ถ้าเกิดไม่มีใครมาช่วย… จากนั้นกู้จวินก็นอนศึกษาประตูสีแดงที่กว้าง 1.5 เมตรและสูง 2.5 เมตรเมื่อเสร็จแล้วเขาก็พูดด้วยน้ําเสียงไร่เดียงสา ดีพวกเราจะใช้ C4 เพื่อทําลายมัน
คนทั้งกลุ่มรู้สึกที่งและวิตกกังวล…แต่เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนล้วนกลัวคําสาปกันทั้งนั้น
จะเกิดอะไรขึ้น! ถ้านั่นคือสิ่งที่ศัตรูต้องการให้เราทําเล่า? ใบหน้าของเสี่ยป้าเต็มไปด้วยรอยย่นจากความคิดที่แสนวุนวายและทั้งหมดมันอยู่ในหัวของเขาเอง
ถ้านั่นคือเป้าหมายของพวกเขา ฉันเชื่อว่าไล่เฉิงที่ว่านั้นคงมีพลังมากพอที่จะทําเช่นนั้นได้อยู่แล้ว…อีกอย่างหนึ่งพวกเราไม่มีทางให้ถอยกลับ คู่จวินกล่าวอย่างจริงจัง จากนั้นก็มองไปรอบๆฆ่าเวลาและรอคนที่เหลือตัดสินใจอย่างละเอียด
นอกจากนี้ฉันคิดว่าตัวฉันก็มีความคิดว่าคนพวกนั้นคือคนต่างโลก…หรือต่างชาติ แม้พวกเขาปากจะพูดภาษาเราไม่ได้เป้าหมายของพวกเขาคือการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความกลัวและความสงสัยในตัวเรา กู้จวินอธิบายวิธีการลงมือทําร้ายคนของไล่เฉิงออกมาทุกอย่างโดยเฉพาะบรรยากาศที่น่ากลัว…
ที่ผ่านมานั้นกู้จวินตกอยู่ในอุบายของไล่เฉิงมาโดยตลอดตั้งแต่การให้เงินจํานวนมหาศาล… จากนั้นก็ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างอิสระ… ก่อนที่จะลงท้ายด้วยการเรียกกลับมาจุดเดิมอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นสายตาของเขากวาดมองทุกคนที่นั่น
ระหว่างทางเราเจอเหตุการณ์กะทันหันมากมายและนั่นทําให้เราต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นถ้าพูดตรงไปตรงมาก็หมายความว่าค่า S ของเราได้ลดลงแล้วพวกเขาต้องการให้เราเสียสติอารมณ์เชิงลบเหล่านี้จะทําให้พวก เขาสูญเสียตัวตนฉันไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขาแต่ฉันเชื่อว่า.. พอพูดไประยะหนึ่งจวินก็หยุดชั่วขณะ
พวกเขาต้องการเปลี่ยนผมให้เป็นคนอื่น และอาศัยร่างของผมเป็นภาชนะ… ส่วนเหตุผลของการเลือกผม อาจจะเป็นเพราะตัวของผมนั้นเป็นเด็กทดลองของบริษัทไล่เฉิงมาก่อน และนี่ก็เป็นอีกผลหนึ่งที่ผมไม่ยอมมองผ่านรูกุญแจโดยเด็ดขาด
แน่นอนว่าผมคิดว่าตัวเองจะไม่ตายหรอกเพราะศัตรูต้องการไว้ชีวิตของผมเพื่อทําเป็นภาชนะแต่การทําแบบนั้นก็จะทําให้จิตวิญญาณของผมถูกสะกดเอาไว้และผมอาจจะสูญเสียสติทันทีที่มองผ่านประตูและมันก็ไม่ต่างอะไรเลยกับการมอบถ้วยแห่งชัยชนะให้กับปีศาจอย่างพวกเขา
กู้จวินพูดขึ้นมาด้วยความรุนแรงที่สุดความเป็นผู้ใหญ่และความน่าเชื่อถือที่ไม่เหมาะกับวัยของเขาปรากฎขึ้นมาทําให้ใบหน้าของเขามีสีดําคล้ํามากขึ้นคําพูดของเขาแม้จะมีหลักฐานมาอ้างอิงน้อยมากแต่มันก็มากเพียงพอที่จะทําให้คนของหน่วยนักล่าอสูรเชื่อมั่นในตัวเขากันทุกคน… ท้ายที่สุดแล้วปรากฎการณ์แปลกประหลาดนี้พวกเขาเองก็ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าคําพูดของคู่จวินนั้นสามารถโน้มน้าวทุกคนได้อย่างดีๆ