ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 23
จากนั้นเขาก็กลับไปที่โต๊ะทำงานและเปิดแล็ปท็อปประจำตัว เขาตั้งใจค้นคว้าหาวิธีว่าจะซ่อมโทรศัพท์มือถือได้อย่างไร
กู้จวินไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ เเละเป็นเพียงหมอฝึกหัด เเต่อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ชายที่มีความสามารถในด้านอื่นๆในระดับมาตรฐาน
หลังจากดูเอกสารการวิจัยมากมาย ในที่สุดเขาก็คิดได้ว่าต้องทำอย่างไร
ในกรณีนี้เป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่หรือสายไฟเสียหาย ไม่ก็ขั้วบางส่วนกำลังอ่อน นี่เป็นปัญหาทั้งหมดเท่าที่ช่างมือใหม่อย่างเขาจะวินิจฉัยออกมาได้ พอวิเคราะห์เสร็จเขาก็เดินไปสำรวจดูทั่วห้องพักของเขาทันที ทั้งหมดก็เพื่อที่จะหาไขควงและเครื่องมืออื่น ๆ เมื่อหาได้สำเร็จเขาก็เริ่มซ่อมโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่ดูบทเรียนสอนซ่อมโทรศัพท์ออนไลน์ไปด้วย
อันดับแรกคือการถอดเคสโทรศัพท์ออกก่อน ตามมาด้วยการถอดแบตเตอรี่และส่วนประกอบอื่น ๆ
จากนั้นกู้จวินก็พบว่าซิมการ์ดในเครื่องได้ถูกถอดออกไปแล้ว เขาเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ เนื่องจากการซ่อมโทรศัพท์มีความสำคัญมากกว่า
กู้จวินทำตามขั้นตอน จากนั้นก็กดปุ่มเปิด / ปิด อีกครั้งเเละดำเนินการซ่อมต่อไปตามวิธีที่ถูกเผยเเพร่ในเน็ต
กรุ๊งกริ๊ง! เสียงของโทรศัพท์ดังลั่น และหน้าจอของโทรศัพท์ที่เต็มไปด้วยรอยแตกก็สว่างขึ้น มันเข้าสู่อินเทอร์เฟซเริ่มต้นและรีบูตได้สำเร็จ
กู้จวินรีบยกย่องตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะทันที เขาหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ การกระทำของเขามันคล้ายกับคำกล่าวที่ว่าการหยิบมีดผ่าตัดสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ฉันใด การหยิบไขควงก็สามารถช่วยชีวิตโทรศัพท์ได้ฉันนั้น!
“ รหัสผ่านล็อกหน้าจอ?” เขามองไปที่ลายจุดเก้าหลักบนหน้าจอและนึกถึงรหัส“ 233333” ที่เขียนอยู่บนกล่องพัสดุ ตัวเลขนี้ดูเหมือนรหัสผ่านที่หลี่เยี่ยรุ่ยได้ตั้งเอาไว้ กู้จวินรีบพิมพ์ 233333 ลงบนช่องที่ให้ใส่ทันที และโทรศัพท์ก็ปลดล็อกพร้อมเสียงคลิกดังลั่นอันเป็นสัญญาณว่ารหัสผ่านถูกต้องสมบูรณ์เเล้ว
หน้าจอโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้มีรอยแตกนับไม่ถ้วน รอยเเตกของมันบดบังทัศนวิสัยการมองหมดสิ้น แต่มันไม่ได้ขัดขวางการท่องเว็บของเขาเท่าไหร่ เขาเห็นแอปพลิเคชั่นมากมายในหน้าแรก หลักๆก็มี วีเเชท, QQ, เเละเเพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงสดต่างๆ มากมาย
กู้จวินมองผ่านแอพต่างๆก่อนที่จะคลิกที่เเอพแกลเลอรี เเล้วไปที่โฟลเดอร์ด้านบนสุดที่มีป้ายกำกับว่า ‘ลองกาน’
เขาแตะที่โฟลเดอร์อย่างรวดเร็ว เเละในนั้นมีรูปถ่ายมากมายของหลี่เยี่ยรุ่ย และเพื่อนๆของเขาอีกสองคนที่กำลังเล่นหยอกล้อกันบนเรือสำราญ รวมถึงวิดีโอที่ถ่ายเล่นอีกนับไม่ถ้วน เช่นวีดีโอที่เขาเเละอู่ต้งกำลังคุยกันอยู่ วีดีโอท้องฟ้าเเละผิวน้ำอันสะอาดเเละสดใส เเต่ของพวกนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาไม่ได้ไปอยู่กับคนพวกนี้เพราะไปท่องเที่ยวผ่อนคลายเสียหน่อย เขาไปเพื่อ…หาบางสิ่ง ดังนั้นเขาจึงข้ามเเละไปเปิดวิดีโอสุดท้ายที่ถ่ายในโทรศัพท์โดยตรง
ช่วงเวลาที่ถ่ายวิดีโอนี้เป็นวันแห่งการสำรวจดำน้ำลึกวันเเรก!
“ ผู้ชมที่รัก!”
มันคือเสียงเปิดวิดีโอบนหน้าจอโทรศัพท์ที่แตกเเละกำลังเริ่มเล่น ในวีดีโอนั้นหลี่เยี่ยรุ่ยกำลังตบหน้าอกตัวเองเพื่อเเสดงความมั่นใจให้เเก่ผู้ชมจากนั้นเขาก็ถ่ายภาพรอบข้างตั้งเเต่ในเรือดำน้ำ ยันไปถึงนอกหน้าต่างของเรือดำน้ำ
“ ดูสิว่าข้างนอกมันมืดแค่ไหน เราดำน้ำไปแล้วกว่า 1,500 เมตรและใกล้ถึงพื้นมหาสมุทรแล้ว!”
กู้จวินมองอย่างตั้งใจ เขาไม่กดเดินหน้าอย่างรวดเร็วแม้แต่วินาทีเดียว เขาเห็นว่าตัวเองนั่งอยู่ที่นั่นเช่นเดียวกับอู่ต้งและหลินเสี่ยวถังซึ่งทั้งคู่นั้นดูเหมือนกำลังหงุดหงิดอะไรอยู่สักอย่าง เเต่น่าเสียดายที่กู้จวินนั้นไม่ทราบเหตุผล
เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หลี่เยี่ยรุ่ยจึงปลดเข็มขัดนิรภัยของตนเองและลุกขึ้นยืนเพื่อเข้าใกล้หน้าต่างมากขึ้น หลังจากนั้นกัปตันเรือที่ผมขาวอันเเสดงถึงวัยที่เริ่มชราได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขานั่งลง แต่หลี่หยู่รุ่ยก็ไม่สนใจเขาและยังคงทำพฤติกรรมอันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อสังคมของเขาต่อไป ยิ่งเขาเข้าใกล้หน้าต่างมากเท่าไหร่ คุณภาพของภาพก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น แสงจากไฟฉายส่องไปที่พื้นทะเลอันเต็มไปด้วยรอยขรุขระ
“ ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในเรือดำน้ำ มนุษย์ก็จะถูกกดดันจากทะเลลึกจนเเบนบี้” หลี่เยี่ยรุ่ยกล่าวก่อนที่หน้าจอวิดีโอจะเริ่มสั่นเล็กน้อย
หัวใจของกู้จวินเต้นรัวขึ้น…นี่คือเมื่อสัญญาณของภัยพิบัติในเรือดำน้ำที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นใช่หรือไม่นะ?
“ ดูตรงนั้นสิ! มีปะการังมากมาย!” หลี่เยี่ยรุ่ยยังคงตะโกนอย่างตื่นเต้นในขณะที่วิดีโอบนหน้าจอเริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เรือดำน้ำสั่นสะท้านถึงเพียงนี้ แต่หลี่เยี่ยรุ่ยก็ยังคงก้าวย่างไปยังหน้าต่างเเละถ่ายทำต่อไป
“อืมแปลกจัง ฉันไม่เห็นปลาสักตัวเดียวเลย ปลาน้อยจ๋า! คุณอยู่ที่ไหน?”
แท้จริงแล้วการไม่มีปลาอยู่เลยมันทำให้โดยรอบเงียบสงัดดุจก้นทะเลลึก สิ่งที่เหลืออยู่คือความเงียบอันเป็นลางที่ไม่ดี
กู้จวินนึกถึงฉากที่ฝูงปลาในมหาสมุทรหนีไปอย่างกะทันหันเเละวุ่นวายในวันนั้น ว่าเเต่ตอนนี้ปลาพวกนั้นทั้งหมดอยู่ที่ไหน?
หลังจากนั้นไม่นานวิดีโอก็สั่นอย่างรุนแรง
ในเวลานี้เองที่เสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกของกัปตันเรือชราดังก้องอยู่ในวิดีโอ
“ตรวจพบกระเเสน้ำวน ตรวจพบกระเเสน้ำวน เกิดเหตุผิดปกติ! เปิดกล้องเรือดำน้ำไปรอบ ๆ เดี๋ยวนี้!”
วิดีโอยังคงถ่ายทำฉากนอกหน้าต่างเรือดำน้ำต่อไปและน้ำทะเลก็ปั่นป่วนอย่างรวดเร็ว มันก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนที่รุนแรง
ทันใดนั้นดวงตาของกู้จวินก็เบิกกว้าง ช่วงเวลาต่อมาหลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็เห็นว่ากระแสน้ำวนนั้นถูกเปิดออกด้วยเงาของอะไรบางอย่าง เงาที่ว่านั่นพุ่งเข้าหาด้านข้างของเรือดำน้ำ ภาพของเงานั่นค่อยๆชัดขึ้น จนเห็นเป็นเรือขนาดใหญ่!
เรือขนาดใหญ่ที่กำลังผุพัง!
เรือลำนั้นมีเสากระโดงเรือหักและมีรอยแตกหลายจุดที่หัวเรือ ตัวเรือมีรอยขรุขระและสีที่เขียนชื่อเรือก็เเทบลอกเกือบทั้งหมด ในเรือนั้นไม่มีแสงและร่างของมนุษย์คนใด ๆ
เมื่อมองผ่านหน้าต่างที่ชำรุดทรุดโทรมบานหนึ่งของเรือ ก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรที่อยู่ข้างในได้ มีเพียงความมืดมิดน่าสะพรึงที่ไม่อาจพรรณนาได้
“ นี่มัน…” หัวใจของกู้จวินเริ่มสั่นเทา ความรู้สึกเเน่นหน้าอกหายใจไม่ออกและความวิตกกังวลได้ครอบงำเขา
และตอนนี้หัวของเขารู้สึกเหมือนถูกกระแทกอย่างหนัก
แม้ว่าภาพนั้นจะคลุมเครือและก้นทะเลก็มืดมิด แต่เขาก็บอกได้ว่า เรือลำนั้นคือ เรือซีเบิร์ด เเน่นอน!!
ตอนที่เขายังเด็ก เขาเคยขึ้นเรือซีเบิร์ดกับพ่อเเละเเม่ และมันก็สนุกมากจนเขานั้นไม่ยอมลงจากเรือไป
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา…จากเรือที่เคยเป็นสถานที่เล่นสนุก กลับกลายเป็นสุสานลึกลับที่ลักพาตัวพ่อเเละเเม่ของเขาไปหลายปี เมื่อนึกถึงทีไร เขาก็เต็มไปด้วยความหดหู่
ในวิดีโอเห็นได้อย่างชัดเจน…ดังนั้นทุกอย่างไม่น่าจะผิดพลาด
จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันเเสนน่าเศร้าของหลี่เยี่ยรุ่ย เรือดำน้ำสั่นอย่างรุนแรงและวิดีโอก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน จากนั้นเลนส์กล้องก็ดึงออกไปจากหน้าต่างเเละไม่เห็นเรือซีเบิร์ดอีกต่อไป
ภายในห้องโดยสารของเรือดำน้ำ ตอนนั้นมีเเต่ความตื่นตระหนกและสับสน เกือบทุกคนตะโกนโวยวายด้วยความกลัว
แต่มีเสียงหนึ่งที่ปรากฎขึ้นในวิดีโอ มันเป็นเสียงที่กู้จวินรู้สึกคุ้นเคย…มันคล้ายกับเสียงของภาษาที่ไม่ปรากฎในโลกเเห่งนี้
เขาขมวดคิ้วและเงี่ยหูตั้งใจฟัง เสียงนั้นดูเหมือนจะพึมพำอะไรบางอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดอย่างแผ่วเบา แต่เขาก็ยังพอจะได้ยิน
มันเป็นประโยคเดียวกัน เเละเป็นประโยคเดียวที่เขาเข้าใจ
[ผลไม้แห่งราตรีจะงอกงามเเละปกคลุมไปทั่วนภาอันมืดมิด ปรสิตแห่งความตายจะอยู่กับสวรรค์และโลกนิจนิรันดร์]
มันคือตัวอักษรโลหิตบนผนังห้องปฏิบัติการที่น่ากลัวจากภาพหลอนที่เขาเคยเห็นในห้องทดลองก่อนหน้านี้
เสียงนี้ดูเหมือนจะดังก้องอยู่ในห้องโดยสารของเรือดำน้ำ แม้ว่ามันจะไม่มีความคล้ายคลึงกับภาษาใด ๆ บนโลก แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นเสียงของมนุษย์
เมื่อกู้จวินฟังเสียงนั้นก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จู่ๆเขาก็รู้สึกหนาวสั่น
“ มันคือเสียง…เสียงของฉัน”
ในภาพที่ปรากฎบนวีดีโอ เขาพึมพำประโยคนี้ด้วยตัวเอง
“ ผลไม้แห่งราตรีจะงอกงามเเละปกคลุมไปทั่วนภาอันมืดมิด ปรสิตแห่งความตายจะอยู่กับสวรรค์และโลกนิจนิรันดร์”