ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 48
บรรดาเหล่าเด็กมหาลัยคณะเเพทย์ผู้ฉลาดเเกมโกงเเต่ไร้ซึ่งความองอาจ ผู้ที่ยืนขึ้นตอบคำถามคือ ชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลาเเละเต็มไปด้วยความกล้าหาญ เขาก็คือ กู้จวิน…หรือทุกคนรู้จักกันในนามของ ‘เสี่ยกู้’
ในขณะนี้เหล่านักศึกษาทีมพิเศษของมหาลัยอีสเทิร์นทั้งหมดเกิดไม่พอใจอย่างที่สุด แม้แต่อาจารย์หลายคนก็ก้มหัวลงต่ำเพื่อปกปิดความโกรธที่ซับซ้อน พวกเขาพากันหลบซ่อนและหลีกเลี่ยงที่จะรับไมโครโฟน ไม่มีใครยินดีที่จะเปิดทางหรือส่งไมค์ไปให้คนอย่างกู้จวิน ไม่มีใครในมหาวิทยาลัยนี้ที่คิดว่าคนอย่างกู้จวินนั้นจะมีข้อมูลอะไรมาเเลกเปลี่ยนกับศาสตราจารย์ฉินได้
เเต่ใครจะคาดคิด!! ศาสตราจารย์ฉินยินดีที่จะเปิดโอกาสให้เขาลองพูด?
เสี่ยกู้คนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกไม่เอาไหน!? คนอย่างเขาวิเคราะห์สิ่งใดเป็น…ถ้าจะวิเคราะห์ได้ก็คงมีเเต่ผู้หญิง เหล้า ศิลปะเเละเรื่องสัปปะดีสัปดน!
เเละไอ้สิ่งที่อยู่ในกรงนั่นคือของที่เข้าข่ายเหรอ? หรือทั้งคนทั้งของต่างน่าสะอิดสะเอียนเหมือนกันเลยรู้ตัวตนของกันได้
อีกด้านหนึ่งในฝั่งที่นั่งของมหาวิทยาลัยชิงหยุน วิทยาลัยการแพทย์ จื่อหัว และกลุ่มมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ต่างก็งงงวย ชายคนนี้เป็นคนสำคัญในมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นถูกไหม? เเต่ทำไมเขาถึงนั่งอยู่ข้างหลังเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นมากขนาดนี้?
แม้กระทั่งรอบ ๆ ตัวเขาอย่างหวังรั่วเซียง ไช่ฉีซวนและคนอื่น ๆ พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่ากู้จวินจะลุกขึ้นพูดออกไปเเบบนั้น นี่มันไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่อง! ต่อให้รู้คำตอบ…มันก็อุกอาจเกินไป
อย่างไรก็ตามในขณะที่ศาสตราจารย์กู้หันไปเห็นกู้จวินที่กำลังลุกขึ้นยืน เเละได้พบกับเเววตาที่เเจ่มใสของกู้จวิน หรือก็คือ ‘บุตรบุญธรรม’ ของเขา ความกังวลทั้งหมดของศาสตราจารย์กู้ก็หายไปทันที
“ โอ้? หนุ่มน้อย คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้!? อย่าลังเลที่จะพูด บอกมาเลย!?” ศาสตราจารย์ฉินเเปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยอมเสนอตัวมาตอบคำถามอย่างง่ายๆ ซึ่งมันผิดจากที่เขาคาดเอาไว้มากนัก เเต่เขาก็สั่งให้เจ้าหน้าที่รีบเอาไมโครโฟนไปให้กู้จวินอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณที่ให้โอกาสครับ! ผมชื่อ กู้จวิน เป็นนักศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตร์ปีที่ 8 ของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นครับ” กู้จวินเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวเองอย่างใจเย็นเป็นพิธีการก่อน
ภาพของกู้จวินในสายตาของศาสตราจารย์ฉินนั้น…กู้จวินเป็นเด็กหนุ่มร่างสูง เขาสวมชุดนักศึกษาเเพทย์สีขาวพอดีตัว ใบหน้าที่หล่อเหลาอ่อนเยาว์ของเขาแสดงถึงความมั่นใจ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมาะกับบรรยากาศที่ตึงเครียดและบีบคั้นของสถานที่เเห่งนี้เลย ศาสตราจารย์ฉินถึงกับมองเขาซ้ำเเล้วซ้ำอีกตั้งเเต่หัวจรดเท้า ในใจของเขาก็เริ่มคิดว่าชายหนุ่มคนนี้…เขาจะเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆหรือไม่?
ข้างๆ ของศาสตราจารย์ฉินมีคณะกรรมการมากมายนั่งอยู่เเละทุกคนต่างก็ตกตะลึงในความมั่นใจที่แข็งแกร่งของนักศึกษาหนุ่มนาม กู้จวิน และจ้องมองไปที่เขาด้วยเเววตาสงสัยสุดหยั่ง….
“ สิ่งนี้….” กู้จวินพูดในขณะที่มองสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างผิดปกติภายในกรงเหล็ก สายตาที่คมกริบกริบของเขาค่อยๆหรี่ลงอย่างเชื่องช้า “ มันดูเหมือนต้นไทรมาก”
อากาศภายในสนามกีฬาหนักอึ้งขึ้นทันที และมันทำให้บรรยากาศโดยรอบเริ่มเเย่ลงจนหายใจเเทบไม่ออก คำพูดของกู้จวิน…ทำให้ในใจของหลายๆคนเต็มไปด้วยคำถาม ในขณะที่บางคนมีสีหน้าที่พูดไม่ออกเเละทำอะไรไม่ถูก
ดูเหมือนต้นไทร? คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร? คุณคิดว่าตัวเป็นนักศึกษาภาควิชาเอกวรรณคดีใช่หรือไม่? หากคุณเป็นนักศึกษาแพทย์! ก็ลองมองจากมุมมองทางการแพทย์สิ!
“ เฮ่ๆ!!ไอ้เสี่ยกู้…”
“ ต้นไทร? ต้นไทรบ้านเเกดิ…ไอ้ขยะ!!…”
นักศึกษาและอาจารย์ของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นไม่แปลกใจเลยกับคำพูดของเสี่ยกู้ พวกเขารับรู้ถึงความอัปยศและความอับอายนี้ตั้งแต่วินาทีที่เสี่ยกู้ลุกขึ้นยืน เเละเริ่มทำใจยอมรับได้เเล้ว!
อนิจจา! ไอ้บ้าเสี่ยกู้! ถึงเเม้ว่าเขาจะเป็นคนเลวร้าย บ้าผู้หญิงเเละหัวสมองทึบดุจลาโง่ เเต่ก็ควรทำตัวโง่เเค่ในมหาวิทยาลัยตนเองสิ จะออกมาป่วนให้อับอายไปถึงการเเข่งขันระดับประเทศทำไม? ว่าเเต่ใครเชิญมันมาในฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นอันทรงเกียรติเนี่ย!?
เมื่อเทียบกับกู้จวิน อย่างน้อยนักศึกษาของมหาลัยชิงหยุนก็มีคำพูดหนึ่งหรือสองคำที่เป็นความคิดที่ถูกต้องตามมาตรฐานของการเเพทย์ จเเม้จะดูออกมาเเถ เเต่มันก็ไม่น่าเกลียด มันดูเป็นคำพูดที่เหมาะสมสำหรับนักศึกษาจากมหาลัยอันทรงเกียรติ ในขณะที่กู้จวินเป็นแค่ตัวตลกที่ทำลายความภาคภูมิใจของวิทยาลัย….
ในอีกด้านหนึ่งนัยน์ตาของศาสตราจารย์ฉินสว่างวาบขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหันไปมองและพินิจพิเคราะห์กู้จวินอีกครั้งด้วยความอัศจรรย์ใจ ด้านข้างของเขา..ตรงที่นั่งอันทรงเกียรติของเหล่าคณะกรรมการ สีหน้าของคนเหล่านั้นก็เปลี่ยนไป 180 องศาอย่างกะทันหันเช่นกัน
“ เหมือนต้นไทร…เหรอ?” นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเตรียมใจที่จะได้ยินเลยเเม้เเต่น้อย
“ อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้น!?” ศาสตราจารย์ฉินกล่าวต่อไปด้วยสีหน้าจริงจังและเข้มงวดมากขึ้น “ หนุ่มน้อย! ไม่ต้องกลัว พูดความในใจของคุณออกมาให้หมด อย่าให้คำพูดของคนรอบข้างมาทำร้ายคุณได้!”
คราวนี้ใบหน้าของผู้คนหลายร้อยคนที่อยู่รอบๆกู้จวินเริ่มทำสีหน้าเลิกลักด้วยความสับสน พวกเขามีความคิดเดียวกันโดยมิได้นัดหมายทันที ฉากนี้…ดูเหมือนจะไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาคิด!!
“ ให้ผมเข้าไปใกล้กรงเหล็กมากขึ้นแล้วดูได้ไหมครับ?” กู้จวินถาม กรงเหล็กนี่มันอยู่ไกลไป นักศึกษาดีเด่นที่นั่งอยู่เบื้องหน้าก็บังสายตาเขาไปจนหมดสิ้น
“ ได้สิ! เข้ามาดูได้เลย” ศาสตราจารย์ฉินพยักหน้าเชื้อเชิญให้กู้จวินเข้าไปใกล้ๆเเล้วดูให้ชัดๆ
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของผู้ชมทั้งหมด กู้จวินเดินจากที่นั่งของเขาไปยังสถานที่ที่เคยเป็นเเค่สนามกีฬาและหยุดห่างจากกรงเหล็กไม่ถึงหนึ่งเมตร
แม้ว่าเขาจะดูสงบและนิ่งเฉย แต่ผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่หลายคนก็คาดเดาว่ากู้จวินคงกำลังรู้สึกถึงหวาดกลัวอยู่ภายในใจเเน่ๆ เเม้พวกเขาจะไม่ใช่กู้จวิน เเต่พอเห็นกู้จวินเดินไปที่ใกล้กรง พวกเขาก็เริ่มจินตนาการตัวเองเป็นกู้จวินเเละเกิดอาการตื่นกลัวเเทนเขาอย่างสมบูรณ์ ในขณะนี้ขากรรไกรของพวกเขาเริ่มเกิดอาการเจ็บจากการขบกัดอย่างรุนแรง ในสายตาของพวกเขา…แทนที่จะเรียกว่าเป็นการ ‘สังเกต’ มันรู้สึกเหมือนเป็นความท้าทายอย่างยิ่งยวดต่อความตายมากกว่า
ในขณะที่กู้จวินมองไปที่กรง กลิ่นฟอร์มาลินรุนแรงก็กระทบจมูกของเขาทันที นั่นทำให้อัตราการเต้นของหัวใจของเขาเร็วขึ้นเล็กน้อยและการหายใจเเต่ละครั้งของเขาก็เต็มไปด้วยความหนักอึ้ง
สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนเบื้องหน้านี้ให้ความรู้สึกที่ ‘เเจ่มชัด’ ในระยะใกล้มากกว่าที่มองเฉยๆ จากระยะไกล ตรงนี้เขาสามารถมองเห็นทุกรายละเอียดเกี่ยวกับข้อต่อที่บิดเบี้ยวและหลอมรวมกันได้อย่างชัดเจน
เส้นประสาทและเส้นเลือดแตกกระจายออกจากร่างกาย เส้นเลือดเหล่านั้นไปรวมกันตรงจุดศูนย์กลางอย่างเเน่นหนา และเส้นเอ็นอื่นๆ รวมถึงกายเนื้อถูกบิดหลอมคล้ายกับถูกปั้นรูปจนดูเหมือนต้นไทรของจริงจนเเทบเเยกไม่ออก
ยิ่งเขาสังเกตเห็น ‘ต้นไทร’ มากเท่าไหร่ ความคิดนี้ก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นในสมองของเขา ราวกับว่าเขาเริ่มมองเห็น ‘ความงดงาม’ อันเป็นเอกลักษณ์ภายในสัตว์ประหลาดพิลึกพิลั่นตัวนี้
สำหรับเขาเเล้ว! มุมมองการพิจารณารูปลักษณ์ของเเต่ละคนย่อมเเตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทุกคนมีสิทธิ์จะมองยังไงก็ได้ เเต่สำหรับในสายตาของเขาที่มองอย่างละเอียด…เขารู้สึกว่าสิ่งนี้ช่างมีมนต์สเน่ห์ที่ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ
“ ร่างกายมนุษย์เหล่านี้ไม่ได้บิดเบี้ยวแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเเน่นอนครับ” หลังจากที่ศาสตราจารย์ฉินส่งสัญญาณยืนยันอีกครั้ง กู้จวินก็เริ่มกล่าวถึงข้อสังเกตของเขาที่ได้พิจารณามาเเล้วอย่างดี