ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 78
อีกทั้งผลการตรวจสอบร่างกายของกู้จวินที่เขาเข้ารับการทดสอบในวันนี้มันระบุออกมาว่ากู้จวินร่างกายแข็งแรงมากๆ นี่คือสิ่งที่ทำให้คณะกรรมการทุกคนประหลาดใจ…ทั้งที่ ‘พลังด้านจิต’ ของเขาเเข็งเเรงมากเเท้ๆ
[ความคิดเห็นของผู้รับผิดชอบในการตรวจคนที่ 1 : หากผู้ทดสอบคนใดสามารถทำกิจกรรมจิตใต้สำนึกออกมาได้…เเสดงว่าจิตวิญญาณของคนๆนั้นจะต้องไม่เหมือนคนทั่วๆไปอย่างเเน่นอน ‘หวงเจี้ยนผิง’]
[ความคิดเห็นของผู้รับผิดชอบในการตรวจคนที่ 2: จากผลการทดสอบสามารถอนุมานได้ว่าจิตใต้สำนึกของผู้รับการทดสอบนั้นมีความจำที่ผิดปกติอย่างมาก อาจจะเป็นไปได้ว่าผู้รับการทดสอบมีพลังจิตวิญญาณสูงกว่าผู้อื่น…เเละไม่เเน่ว่าสาเหตุของมันอาจจะมาจากสิ่งผิดปกติอะไรบางอย่างที่ไม่รู้จัก (เมิ่งจั่ว)]
[ความคิดเห็นของผู้รับผิดชอบในการตรวจคนที่ 3: จำเป็นต้องเพิ่มความถี่ในการทดสอบเกี่ยวกับความจิตวิญญาณของผู้เข้าทดสอบบ่อยๆ ขอแนะนำให้กำหนดวันทดสอบทุกๆสามสัปดาห์ (เฝิงซือเหม่ย)]
‘จิตวิญญาณ’ มันคือพลังบางอย่างที่ไม่เหมือนพลังอื่นใด ให้ความรู้สึกต่อผู้ที่ได้ยินคำศัพท์นี้ในความหมายเเบบเหนือธรรมชาติ บางทีอาจจะกล่าวได้ว่าพลังจิตวิญญาณคือความสามารถในการรับรู้และสื่อสารกับจักรวาลและสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในเอกภพ…
การมีพลังจิตวิญญาณสูงเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันเป็นการปลูกฝังประสบการณ์ในเชิงลึกของสิ่งต่างๆ และทำให้มีคิดที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ศิลปิน นักเขียนและบุคลากรในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ดีมักจะมีพลังด้านจิตวิญญาณสูง พวกเขาสามารถหลบเลี่ยงความจริงของโลก เหตุผลเเละความเป็นจริงทั้งหลาย และตรรกะได้อย่างง่ายดายและเเสดงพลังจินตนาการของตนเองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพเเละเป็นธรรมชาติที่สุด
ความรู้ทางจิตวิญญาณและความหลงใหลในจิตใต้สำนึกของพวกเขาระเบิดออกมาเพื่อสร้างผลงานที่น่าอัศจรรย์
อย่างที่เคยถาม…โนเบล คืออะไร? เเละกู้จวินก็ตอบว่า“ งานที่มีเกียรติ”
อย่างไรก็ตามงานของแผนกเฟคต้ามีความเฉพาะเจาะจงมากในการคัดเลือกคน และการที่คนมีจิตวิญญาณสูงนั้นมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ส่วนที่ว่าเป็นเรื่องดีก็เพราะการสร้างสรรค์ผลงานอันสูงส่งทั้งหมดต้องการพลังจิตวิญญาณที่สูง แต่ในขณะเดียวกันมัน…ก็ทำให้คนที่มีจิตวิญญาณสูงเป็นอันตรายอย่างมากด้วยเช่นกัน เพราะอาจจะทำให้เขากลายเป็นคนที่ละทิ้งตรรกะ เข้าใจโลกผิดเพี้ยน เเละร้ายเเรงสุด…จุดจบอาจจะเป็นในโรงพยาบาลจิตเวช
ยกตัวอย่างเช่น ต้นไทรที่มีรูปร่างผิดปกติต้นนั้น มนุษย์ปกติจะได้รับความสะเทือนทางจิตใจทันทีเมื่อได้เห็น นับประสาเผชิญหน้ากับมัน! นี่ยังไม่นับการเผชิญหน้ากับมันพร้อมทั้งศึกษาและพยายามทำความเข้าใจด้วยนะ นี่ถือได้ว่าผิดปกติทางจิตใจอย่างมาก เเต่เขาก็ได้เห็นเเล้วว่ามีคนทำเเบบนี้ได้ นั่นก็คือ กู้จวิน!
นั่นคือ พลังของผู้ที่มีพลังจิตวิญญาณสูง เเต่ว่า…ทันทีที่คนประเภทนี้มาเข้าเเผนกเเละทำงาน คนที่มีจิตวิญญาณสูงมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาทางจิตใจมากกว่าคนอื่น ๆ แม้กระทั่งความผิดปกติทางจิต ซึ่งก็เคยเกิดกรณีเเบบนี้ขึ้นมาเเล้ว…ไม่ใช่พูดขึ้นมาลอยๆ นับว่ามันคือผลเสียในระยะยาวอย่างเเท้จริง เเต่อย่างไรก็ดี คนประเภทนี้สำคัญยิ่งยวดต่อองค์กร
“ จิตวิญญาณระดับ A + หืม!!?” ศาสตราจารย์ฉินอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน คณะกรรมการอีกหลายคนก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ อย่างไรก็ตามสายตาของทุกคนยังคงลังเลที่จะทิ้งเอกสารไว้ตรงหน้า เพียงแค่จ้องมองที่มัน พวกเขาก็รู้สึกเหมือนมีความสุข
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการคัดเลือกผู้มีความสามารถทางจิตวิญญาณขั้นสูง โดยปกติผู้ที่มีจิตวิญญาณสูงมักจะไม่ค่อยมีความมั่นคงทางจิตใจเท่าไหร่
แม้ว่าพวกเขาจะมีจินตนาการขั้นสูง และอ่อนไหวอย่างเหลือเชื่อก็ตาม เเต่ลักษณะเหล่านี้มันขัดแย้งกันโดยธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่คุณจะไม่อธิบายคนที่ดูทั้งหล่อและน่าเกลียดในตัวคนเดียวกัน หรือมีผมเยอะและหัวล้านไปพร้อมกันนั่นเเหละ…มันขัดเเย้งจนไม่มีทางเป็นไปได้!
ตัวอย่างเช่นในบรรดานักศึกษาฝึกงานรุ่นใหม่ พลังจิตวิญญาณของหวังรั่วเซียงอยู่ที่ B + ซึ่งก็ถือว่าสูงมากเช่นกัน จิตใต้สำนึกและจิตสำนึกของเธอเอนเอียงไปทางแฟนตาซีเละเหนือธรรมชาติ คนแบบนี้ดูเหมือนจะมั่นคงและอาจจะเป็นบ้าก็ได้เเล้วเเต่เธอจะเลือกเอง
ส่วนพลังจิตวิญญาณของซุนอี้เหิง และไช่ฉีซวน คือ C และ C + ตามลำดับ ซุนอี้เหิงเป็นแบบอย่างของคนปกติ เขามีเหตุผลมากและไม่มีแนวโน้มที่จะคิดมากเกินไป
อย่างไรก็ตามมาตรฐานเหล่านี้ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กับชายที่ชื่อกู้จวิน! เขาเป็นคนที่หล่อเหลาและน่าเกลียดคนนั้นนั่นเเหละ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความขัดแย้งเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์
กู้จวินมีพลังจิตวิญญาณสูงโดยไม่รู้ตัว นั่นคือ ‘อี้โก้’ ของเขา แต่สติของเขามั่นคงมากซึ่งเป็น ‘อัตตา’ ของเขาเอง สำหรับ ‘ซูเปอร์อี้โก้’ ของเขามันยุ่งเหยิงเกินไป มัน“ อยู่ระหว่าง” ทั้งสองอย่างเลย ตอนนี้เขาเหมือนกำลังยืนอยู่หน้าทางแยก เขามีเข็มทิศทางศีลธรรมอันสูงส่ง แต่กลับมีความสงสัยมากมายเกี่ยวกับอารมณ์และบรรทัดฐานของมนุษย์ ดังนั้นจึงได้เเต่ยืนค้างเติ่ง จะไปไหนสักฝั่งก็ไม่ไป
ด้วยเหตุนี้แผนกตรวจสอบจึงเชื่อว่ากู้จวินควรได้รับคำแนะนำ และจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำอย่างยิ่ง! สภาพจิตใจของเขาไม่ได้มีปัญหา แต่เขาต้องควบคุมตัวเองอย่างเคร่งครัด
[ความคิดเห็นของผู้รับผิดชอบในการตรวจคนที่ 1: การประเมินว่าบุคลิกภาพของผู้เข้าร่วมเป็นอิสระหรือแม้กระทั่งเป็นอิสระมากเกินไป ผลการสรุปอนุมาน คือการทำงานเชิงอุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องง่าย (หวางเจี้ยนผิง)]
[ความคิดเห็นของผู้รับผิดชอบในการตรวจคนที่ 2: ผู้ทดลองมีความสามารถและศักยภาพตามที่องค์กรต้องการ บุคลิกภาพเป็นอิสระและมีจิตใจที่ดี คำแนะนำคือสามารถใช้งานได้อย่างเเน่นอน (เมิ่งซัว)]
[ความคิดเห็นของผู้รับผิดชอบในการตรวจคนที่ 3: ผู้ทดลองปกปิดข้อมูลบางส่วนในระหว่างกระบวนการสอบสวนที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับภูมิหลังของเขา แต่ไม่พบความมุ่งร้ายที่ชัดเจน ขอแนะนำให้ดูแลและให้คำแนะนำแก่เขามากขึ้นและควบคุมความคิดของเขาให้อยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัย (เฟิงซือเหม่ย)]
กู้จวินนักศึกษาฝึกงานคนใหม่คนนี้เหมือนมีดผ่าตัดที่คมผิดปกติ มันง่ายที่จะใช้งาน เเต่มันก็สามารถบาดได้ถ้าใช้อย่างไม่ระมัดระวัง
“ ฉันต้องการกู้จวิน!” ในที่สุดผู้อาวุโสเจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะทำลายความเงียบสงบของห้องประชุม “ ทีมวิจัยของเราต้องการคนเก่งเช่นเขา”
กรรมการอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเหล่าเจิ้งเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย “ ตาเเก่เเซ่เจิ้ง…มีเเต่ผายลมของเด็กเก่าๆนั่นเเหละที่เหมาะกับคุณ! สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษเช่นกู้จวิน คุณต้องการให้เขาก้มหัวทำงานงกๆ ในห้องปฏิบัติการทุกวันหรือ? เขาถูกกำหนดให้ต่อสู้ในแนวหน้าของการรักษาผู้ป่วยเเบบเเผนกคลินิกของเราต่างหาก! เอางี้ฉันยอมให้คุณเอาหม่าเจียหัวและหยางหมิงไปเลย แต่กู้จวินคนนี้! อย่าแม้แต่จะฝัน!!”
“ ไอ้เเก่ชิว! หนอยเเน่เจ้าเเก่ขี้ลืมเอ๊ย!! หากไม่มีการวิจัยของเรา คุณจะมียาไว้ใช้ในคลินิกเหรอ! ใช้สมองซะมั่งเซ่!!” ดวงตาของเหล่าเจิ้งเบิกกว้างด้วยความโกรธ “ ถ้าฉันไม่ได้กู้จวิน สิ่งที่นายจะได้ก็มีเเต่ผายลมเท่านั้นเเหละ!”
“ เฮ้!” ผู้อาวุโสชิวยิ้มกระตุก เขาเต็มไปด้วยความโกรธและเกือบจะทุบโต๊ะให้พังเพื่อข่มขู่ตาเเก่เเซ่เจิ้ง “ คุณไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ? บุคลากรทางคลินิกขาดแคลนอย่างเร่งด่วนมาก!!! โดยเฉพาะในแผนกศัลยกรรม!”
กรรมการอีกคนหนึ่งหัวเราะเยาะ “ ไอ้โยว! คุณจะสู้กันเพื่ออะไร? ต้นกล้าที่เเข็งเเรงแบบนี้เขาจะไม่ถูกส่งไปที่หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่หรอกหรือ?”
ทันทีที่พวกเขาได้ยิน [Mobile Task Force] หรือ หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ ตาเเก่ชิวเเละตาเเก่เจิ้งก็เงียบกริบ ใบหน้าเหี่ยวๆของเขาเต็มไปด้วยความเสียดาย
“ นั่นอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น” ผู้เฒ่าเจิ้งเหอพึมพำ “ถึงจะเป็นเเบบนั้นจริง เเต่เขาคงไม่ได้ไปทันทีหรอกใช่ไหม? อย่างนั้นฉันสามารถใช้งานเขาได้อีกพักใหญ่!! เเละฉันจะใช้เขาคนเเรก!”
“ ผู้อาวุโสฉิน คุณคิดยังไงเกี่ยวกับกู้จวิน?” ตาเเก่ชิวมองศาสตราจารย์ฉินด้วยสายตาที่ประจบ
สายตาของทุกคนร้อนผ่าวขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถอ่านไฟล์ฉบับสมบูรณ์ของกู้จวินได้ แต่ทีมวิจัย ทีมคลินิก ทีมผ่าตัด ทีมจิตวิทยาหรือแม้แต่ทีมเอกสารทุกคนล้วนต้องการนักศึกษาคนนี้ ควรเข้าใจว่ากู้จวินไม่เพียงแต่โดดเด่นในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะข้อมูลการตรวจร่างกายของเขายังแสดงคุณสมบัติทางกายภาพของเขาด้วย โดยเฉพาะมือที่แข็งแรงยืดหยุ่นและแม่นยำ
ต้นกล้าต้นนี้เหมาะสำหรับทุกหน่วยงาน ขึ้นอยู่กับการเตรียมการของศาสตราจารย์ฉินคนเดียวเท่านั้น
“ อืม…” ศาสตราจารย์ฉินยกถ้วยชาขึ้นอีกครั้ง และในที่สุดเขาก็มองออกไปจากกองรายงานที่เต็มไปด้วยเอกสารของเด็กทุกคน “ ทุกคนๆ นี่เป็นปริศนาจริงๆ เฮ้อ!!”
อย่างไรก็ตามหลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง เมื่อวานนี้ศาสตราจารย์ฉินก็ได้คิดถึงเรื่องนี้แล้ว เเต่พอเขาได้รู้เกี่ยวกับกู้จวินมากขึ้น เขาก็รู้สึกหนักใจ
ทุกคนไม่รู้ว่ากู้จวินกำลังป่วยเป็นโรคร้ายแรงเเต่อาจจะตายได้ในอีกไม่นาน ดังนั้นศาสตราจารย์ฉินต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ถ้ากู้จวินถูกขังอยู่ในช่องแคบ ๆ เพื่อทำงานหนักทุกวัน ร่างกายของเขาจะไหวหรือไม่? จะอยู่ได้นานแค่ไหน?
จากมุมมองนี้มันเหมาะกว่าที่จะพาเขาเข้าไปในห้องทดลองที่ปลอดภัยเเละสุขสบาย อย่างไรก็ตามด้านคลินิกและกายวิภาคนั้นขาดแคลนกำลังคนมากที่สุด ที่นั่นขาดเเคลนคนอย่างเลวร้ายเเละต้องการคนอยู่ตลอด ดังนั้นมันจะน่าเสียดายมากหากปล่อยคนอย่างกู้จวินไป
“ ฉันคิดว่า” ศาสตราจารย์ฉินจิบชาช้าๆและบอกคำตัดสินของเขาต่อกลุ่มคณะกรรมการทั้งหมด