ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 81
หลังค่ำคืนที่ยาวนาน ในที่สุดเช้าอันเเสนสดใสอันเป็นสัญลักษณ์ของวันรุ่งขึ้นก็มาถึง
กู้จวินตื่นขึ้นมาในอาคารคอนโดมิเนียมของเเผนกเฟคต้าเป็นครั้งแรก และสิ่งที่คอยต้อนรับรุ่งอรุณสำหรับการตื่นนอนครั้งเเรกของเขาก็คือ กลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ที่ลอยละล่องอบอวลอยู่ในอากาศ
กู้จวินขยี้ตาแล้วลุกขึ้นจากเตียงนอน เมื่อเดินออกจากห้องนอนที่กว้างขวางของเขาเอง เขาก็เห็นไช่ฉีซวนกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานในครัว เขากำลังทำอาหารบางอย่างในขณะที่อ่านหนังสือไปด้วย….
เเละไช่ฉีซวนก็ฉีกยิ้มเมื่อเห็นเขา “ ไง! เสี่ยกู้ นายตื่นเเล้วเหรอ นายตื่นเช้าจริงๆ มาๆ ฉันทำโจ๊กไข่เยี่ยวม้า อ้อ! ฉันใส่เนื้อไม่ติดมันลงไปด้วยนะ สูตรพิเศษเลย! ไปๆ ใกล้จะสุกเเล้ว ฉันควรจะเรียกพี่หม่ามากินด้วยดีไหม? นายว่าพวกเขาตื่นหรือยัง?”
“ ไข่เยี่ยวม้าและเนื้อไม่ติดมันของนายได้มาจากไหน? ฉันจำได้ว่าตู้เย็นนั้นไม่มีของสด” กู้จวินรู้สึกตะลึงเล็กน้อยที่จู่ๆ วัตถุดิบปริศนาก็ปรากฎขึ้น มันช่างน่าสงสัย
แต่การปรุงอาหารของไช่ฉีซวนนั้นหอมหวลดีจริงๆ เเถมหม้อหุงข้าวเเละหม้ออัดเเรงดันของครัวพิเศษในคอนโดเฟคต้าก็เป็นของดีมีราคาคุณภาพสูงส่ง เลยทำให้อาหารนั้นออกมามีคุณภาพดีไปด้วย….ในขณะที่กู้จวินครุ่นคิดถึงเรื่องเครื่องครัว เขาก็หวนไปนึกถึงหม้อหุงข้าวรสหนูที่ถูกทิ้งไว้ที่หอพักในมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นใบนั้น….
“ ดังนั้นฉันถุงได้บอกว่าสวัสดิการที่นี่ยอดเยี่ยมมากยังไงล่ะ!” ไช่ฉ๊ซวนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมถึงเฟคต้าในเเง่ดี เพราะสวัสดิการของที่นี่นั้นมันชางยอดเยี่ยมเกินบรรยาย
“เสี่ยกู้! นายรู้ไหม? ฉันแค่บอกพนักงานต้อนรับที่พาเรามาที่นี่เมื่อวานนี้ว่า ‘ว้าว! ช่างเป็นห้องครัวขนาดใหญ่เเละสวยหรู รู้เเบบนี้ฉันน่าจะซื้อส่วนผสมกับวัตถุดิบมาเยอะๆ เสียดายจริงๆ ‘ จากนั้นพนักงานต้อนรับก็ถามฉันว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง? เเล้วฉันก็บอกว่า ต้องมีไข่เยี่ยวม้าและเนื้อไม่ติดมันเพื่อทำโจ๊กดีๆ สักหม้อ เพราะมันจะเหมาะสมสำหรับมื้อเช้าอันเเสนเอร็ดอร่อย ด้วยเหตุนี้พนักงานต้อนรับจึงส่งวัตถุดิบเหล่านี้มาที่ประตูเมื่อเช้า! ที่จริงเขาซื้อเครื่องปรุงรสมามากมายเกินไปด้วยซ้ำ”
กู้จวินสังเกตเห็นแล้วว่าห้องครัวนั้นแตกต่างจากห้องครัวที่ว่างเปล่าเมื่อวานนี้เป็นอย่างมาก ตอนนี้ที่เคาเตอร์ครัวเต็มไปด้วยขวดและกระป๋อง นอกจากนี้ยังมีซองเปล่าๆ วางอยู่ประปราย
“ที่นี่มีสวัสดิการที่ดีมากจริงๆ” กู้จวินคิดเรื่องนี้แล้วตั้งเเต่เมื่อคืน จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองเพดานเเล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ถูกพ่นออกมาจากลำคอ “ แต่ใครจะรู้ว่าราคาเท่าไรที่เราต้องจ่ายเพื่อสวัสดิการที่ดีเช่นนี้มันจะมหาศาลเท่าไหร่กัน?”
“ ก็จริง….” ไช่ฉีซวนก็คิดเเบบนั้นเช่นกัน จากนั้นเขาก็พูดต่อ…. “ ราคานั้นถูกกำหนดไว้เสมอสำหรับสิ่งที่โชคชะตามอบให้”
“ อืม! คำพูดนั่นฟังดูคุ้นเคย เช็คสเปียร์อีกแล้วเหรอ”
“ ซไวก์”
กู้จวินไม่สนใจไช่ฉีซวนที่กำลังกวนโจ๊กอีก เขาเดินผ่านห้องโถงที่กว้างขวางและว่างเปล่าไปมา
กู้จวินไม่ได้นั่งลงบนโซฟาเพื่อดูทีวีระหว่างรอ เพราะเขาจำได้ว่าเมื่อคืนนั้นมันไม่มีสัญญาณอะไรเลย ดังนั้นเปิดมันไปก็ป่วยการ เขาเดินมาที่ระเบียงและมองออกไปเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบ
นี่คือชั้นที่สิบสอง…มันสูงมาก!
และอาคารด้านหน้ามีวิวแบบพาโนรามา
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาก่อนเจ็ดโมงเช้า แต่เขาก็สามารถมองเห็นผู้คนและยานพาหนะบางส่วนเคลื่อนที่ไปมาเเบบบางตาได้ บางทีมันอาจจะถูกต้องกว่าถ้าพูดว่าที่นี่มีคนทำงานตลอดทั้งคืน
หลังจากนั้นไม่นาน กู้จวินก็หันกลับมาและมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเเละจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อน เขาคำนวณได้ว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จ โจ๊กก็จะสุกพอดี
เเละหลังจากอาบน้ำเสร็จ โจ๊กก็พร้อมทาน ในตอนนั้นเองพี่ชายหม่าและซุนอี้เหิงก็ออกมาหาต้นตอของกลิ่นหอมที่หน้าห้องของพวกเขา
เเละปรากฎการณ์นี้เองที่พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นอีกครั้งว่า….ถ้าใครไม่รู้วิธีทำอาหารแสดงว่าเขาไม่ใช่หมอที่ดี!!
เเน่นอนว่านักศึกษาคนอื่นๆ ก็มาที่นี่ด้วย ไช่ฉีซวนจึงชวนทุกคนเข้ามากินอาหารเช้าพร้อมกัน เเละทุกคนก็กินโจ๊กคนละชามละสองชามกันอย่างบ้าคลั่ง เพราะโจ๊กนั้นหนาและเนียนน่ารับประทานอย่างไม่น่าเชื่อ
ด้วยความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นเพราะมื้ออาหาร เหล่าพนักงานฝึกหัดทั้งหกจึงลงไปที่ชั้นล่างของคอนโดและได้พบกับเด็กสาวทั้งสามคน จากนั้นพนักงานต้อนรับก็พาคนทั้งหมดไปที่ศูนย์ฝึกอบรม
ระหว่างทางพวกเขาได้รู้เกี่ยวกับการเตรียมการฝึกอบรมสำหรับพวกเขาซึ่งทางกรมการการเเพทย์ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้
การฝึกอบรมนั้นแบ่งออกเป็น 3 เเผนก ได้แก่ ทีมคลินิก ทีมวิจัยและทีมงานทั่วไป นอกเหนือจากเฉิงอี้เฟิงและโจวอี้ซึ่งได้รับมอบหมายให้อยู่ในทีมงานทั่วไปซึ่งพวกเขาดูหดหู่เล็กน้อย เเละสำหรับคนอื่น ๆ พวกเขาก็ไม่มีความเห็นเกี่ยวกับการเตรียมการเหล่านี้เเต่อย่างใด
“ สำหรับนักศึกษากู้ มีคำสั่งจากเบื้องบน…ให้ฝึกฝนคุณเข้มงวดเเละหนักหนากว่าคนอื่น ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าคุณจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมกับทีมคลินิกก่อนเป็นอันดับเเรก…เเละหลังจากนั้นคุณจะต้องไปฝึกอบรมต่อที่เเผนกอื่น” พนักงานต้อนรับกล่าวเสริมให้กู้จวินเป็นพิเศษ
เเน่นอนว่าทุกคนไม่แปลกใจกับการจัดฝึกอบรมของกู้จวินในครั้งนี้
กู้จวินถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนหน้านี้เขากลัวเเละกังวลเเทบตายว่าจะถูกมอบหมายให้ทำงานบ้านๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ ‘เรื่องลึกลับ’ เนื่องจากอาการป่วยระยะสุดท้ายของเขาเเต่ก็ดีแล้วที่พวกเขาให้ความสำคัญกับเขา
ศูนย์ฝึกอบรมเป็นอาคารทันสมัยกว้างขวางเกือบสิบชั้น พวกเขาเดินไปพร้อมกับพนักงานต้อนรับ ในไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบว่าไม่เพียงแต่มีพนักงานมือใหม่อย่างพวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีคนหนุ่มสาวบางคนที่ทำหน้าที่ต่างๆเช่นพยาบาลและเภสัชกรในศูนย์ฝึกอบรมด้วย พวกเขาถูกนำมาโดยพนักงานต้อนรับคนอื่น ๆ เรียกได้ว่าการเลือกครั้งนี้นั้นมันครอบคลุมมาก
พนักงานต้อนรับทั้งหลายเเจ้งศูนย์ฝึก จากนั้นเขาก็รวบรวมเอกสารประจำตัวเพื่อรับรองสถานะการฝึกงานของกลุ่มตน จากนั้นเขาก็สั่งให้ทุกคนเดินตามเเละเเยกไปยังห้องฝึกอบรมที่แตกต่างกัน
กู้จวินและคนอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมทีมคลินิก รีบเดินไปที่ห้องฝึกอบรมการผ่าตัดทางคลินิก…หรืออาจะเรียกได้ว่ามันคือ สาขาย่อยๆของเเผนกศัลยกรรม
การผ่าตัดเป็นโปรแกรมการฝึกอบรมแรกที่พวกเขาต้องเรียนรู้ เมื่อคิดย้อนกลับไปว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคมนุษย์ต้นไทรนั้นจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดตัดขาอย่างไร แผนกศัลยกรรมก็ควรเป็นสถานที่ที่ส่วนใหญ่ขาดแคลนกำลังคนมากที่สุด
พนักงานต้อนรับยื่นเอกสารรับรองตัวตนให้ครูฝึกและเตือนให้พวกเขามาที่ศูนย์ฝึกตรงเวลา ในเวลา 7:30 น. ของทุกวันตลอดทั้งเดือนนี้ จากนั้นเขาก็เดินออกไป
เห็นได้ชัดว่าในสถานการณ์ปัจจุบันมีบุคลากรเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนได้
เเละในนี้ก็มีผู้ฝึกสอนการผ่าตัดเพียงคนเดียว เขาชื่อ โจวเจียเฉียง ดูผิวเผินเขาน่าจะมีอายุน้อยกว่าสี่สิบปี เขามีรูปร่างที่แข็งแรง นอกจากนี้บนใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยรอยเเผลลึกจากสิวมากมายจนเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่รอยยิ้มที่เขามีนั้น ดูกระตือรือร้นแตกต่างจากนักเก็บศพอะไรนั่นมาก
“ พวกคุณสามารถเรียกฉันว่า ‘พี่ชายเฉียง’ ได้ ฉันจะแนะนำคุณทุกคนอย่างถูกต้อง ถ้าพวกคุณเรียนรู้อย่างถูกต้อง ทุกอย่างจะง่ายและไม่มีปัญหา”
ห้องฝึกอบรมนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ด้านหน้านั้นมีกระดาน หน้าจอฉายภาพด้านบน โต๊ะฝึกอบรม ขวดโหลรวมถึงโมเดลและเครื่องมือการสอนบางอย่างเต็มไปหมด
ในตอนต้นของบทเรียนแรก โจวเจียเฉียงยิ้มและสนับสนุนให้นักศึกษาห้าคนทำงานร่วมกันเป็นทีม นั่นเลยทำให้คนบางคนได้ใกล้ชิดกันโดยบังเอิญ….ซึ่งทำให้ไช่ฉีซวนและเจียงปันเซี่ยรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“ จำเอาไว้! พวกเราเป็นหมออยู่ เเละคนเหล่านั้นก็เป็นเพียงคนไข้ที่เราต้องรักษา…เพียงเเต่การรักษาค่อนข้างจะผิดปกติก็เท่านั้น พวกเราควรปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนอย่างที่เคยทำและไม่มีอะไรต้องกลัว ที่พวกคุณกลัวเพียงเพราะพวกคุณไม่เคยเจอโรคนี้มาก่อน แต่พี่ชายของคุณที่ยืนอยู่ที่นี่…หลังจากผ่านหลายครั้งไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ฉันก็จะปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนคนไข้ทั่วไป ไม่มีอะไรต้องกลัว!”
“ กฎข้อแรกในการผ่าตัดคือ อย่ากลัว! ช่วงเวลาที่คุณกลัวความตื่นตระหนกครอบงำคุณเอาไว้ เเละเมื่อคุณตื่นตระหนกปัญหาจะเกิดขึ้น มือของคุณต้องไม่สั่นและหัวใจของคุณจะต้องไม่อ่อนไหว”
หลังจากที่ทุกคนฟังคำพูดของพี่ชายเฉียงแล้ว พวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายประหนึ่งได้รับการเยียวยา ภาพเงาที่น่ากลัวของต้นไทรในขณะนั้นเริ่มเบาบางเเละจางลงอย่างเห็นได้ชัด
พี่เฉียงพูดถูก!! ยิ่งพวกเขาเห็นเรื่องเเบบนี้มากขึ้น โรคมนุษย์ต้นไทรที่ผิดรูปแบบก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขามากขึ้นไปอีก
ผู้บุกเบิกการผ่าตัดเปิดกะโหลกในช่วงเริ่มต้นของประวัติศาสตร์การเเพทย์ก็คงเหมือนพวกเขา ก็คือ รู้สึกกลัว! แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วไม่ใช่หรือ?
อย่างไรก็ตามกู้จวินมีความรู้สึกแปลก ๆ อยู่ตลอดเวลา เขารู้สึกว่าเบื้องหลังรอยยิ้มบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากสิวนั้น….ดูเหมือนว่าจะมีเจตนาที่จะเยาะเย้ยพวกหน้าใหม่เเบบพวกเขาอย่างเต็มเหนี่ยว