ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1063 การโต้กลับของหวงจุนเทียน
บทที่ 1063 การโต้กลับของหวงจุนเทียน
“หากเข้าร่วมกับพ้นนิวรณ์ จะไม่กลายเป็นคนถ่อยต่อฟ้าบุพกาลหรือ”
“ใช่แล้ว หากป่าวประกาศออกไปจะต้องเผชิญกับการปิดล้อมโจมตีแน่นอน”
“พ้นนิวรณ์อยู่ห่างไกลจากวังสวรรค์เกินไปแล้ว”
“ฝ่าบาท พระองค์ต้องทรงพิจารณาดูให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ หากไปยังพ้นนิวรณ์ สายสัมพันธ์ทั้งหมดที่วังสวรรค์สร้างขึ้นในฟ้าบุพกาลจะสูญสิ้นไป”
….
ภายในพระราชวังเทียมเมฆา เหล่าเทพเซียนตื่นตัวยิ่ง แย่งกันพูดเกลี้ยกล่อมจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกล่าวว่า “ตัวตนนั้นที่ข้าติดต่อด้วยสามารถเคลื่อนย้ายวังสวรรค์เข้าสู่พ้นนิวรณ์ได้ทันที ส่วนเรื่องสายสัมพันธ์ มีตัวตนนั้นอยู่ก็เหนือกว่าสายสัมพันธ์ทั้งหมดในฟ้าบุพกาลของวังสวรรค์ในยามนี้แล้ว”
แม่ทัพฟ้าทมิฬเอ่ยถาม “เช่นนั้นอริยะสวรรค์เกรียงไกรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้อริยะสวรรค์เกรียงไกรจะไม่มีความเคลื่อนไหวมานับร้อยล้านปีแล้ว แต่สำหรับตัวตนรุ่นอาวุโสนามนี้ถือเป็นตัวแทนแห่งอำนาจสูงสุดนามหนึ่ง ความแข็งแกร่งในสมัยก่อนของเขาน่าตื่นตะลึงกว่าหานฮวงในปัจจุบันนี้เสียอีก
พอเทพมารปฐมยุคได้ยินนามของอริยะสวรรค์เกรียงไกร ในใจก็เปี่ยมด้วยความมุ่งมาดปรารถนา เขาไม่เคยได้พบตัวตนสูงส่งท่านนั้นเลยแต่มีใจเลื่อมใสบูชามานานแล้ว
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกล่าวว่า “อริยะสวรรค์เกรียงไกรไม่เกี่ยวข้องกับฟ้าบุพกาล สิ่งที่เขาปกป้องคือมรรคาสวรรค์ ยามนี้เขาถึงขั้นที่ไม่ได้เผยตัวในมรรคาสวรรค์แล้วด้วยซ้ำ พวกเจ้าทราบหรือไม่ว่าเช่นนี้มีความหมายว่าอย่างไร ผู้แข็งแกร่งอย่างเต้าจื้อจุน หลี่เต้าคงและเหล่าจื่อต่างบุกเบิกโลกมหามรรคขึ้นแล้ว พวกเจ้าคิดว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรจะไม่ทำเช่นนั้นหรือ
“ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว วันหน้าจะมีสถานที่อย่างฟ้าบุพกาลปรากฏขึ้นอีกมากมาย หากวังสวรรค์ไม่มีความมั่นคงก็เป็นได้เพียงฝุ่นผงในหน้าประวัติศาสตร์เท่านั้น ส่วนพวกเราก็จะกลายเป็นซากกระดูกที่กองทับถมในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ ปูทอดเป็นเส้นทางให้ผู้ทรงพลังเหล่านั้นที่ต่อสู้แย่งชิงดวงชะตาอันยิ่งใหญ่กัน”
พอเหล่าเทพเซียนได้ฟังก็เงียบไปถ้วนหน้า
นับตั้งแต่สิ้นสุดงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งที่หนึ่งไป ความลับเรื่องโลกมหามรรคก็แพร่กระจายไปในฟ้าบุพกาล เรื่องที่ฟ้าบุพกาลคือโลกมหามรรคที่ใหญ่ที่สุดมิใช่ความลับอีกต่อไป เรื่องนี้ทำให้เหล่าสรรพสิ่งคาดเดากันไปสารพัด หรือว่าฟ้าบุพกาลคือโลกที่ตัวตนเหนือชั้นรายใดรายหนึ่งบุกเบิกขึ้น
เซียนเฒ่าที่เสนอความเห็นออกมาในตอนแรกสุดเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เอาตามที่ฝ่าบาทตรัสมาเถิด ทุกคนในวังสวรรค์จะขอติดตามฝ่าบาทไปตราบสิ้นชีวิตพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อมีคนนำขึ้นมา ย่อมมีคนเริ่มคล้อยตามเป็นธรรมดา เหล่าเทพเซียนต่างกลัวว่าตนจะชักช้าไปแล้วทำให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่พอใจขึ้นมา
“เช่นนั้นก็ไปพ้นนิวรณ์เถิด!”
“พอดีเลย ถิ่นฐานกันดารอย่างพ้นนิวรณ์จำเป็นต้องได้รับการชี้นำจากเทพเซียนอย่างพวกเรา”
“ถูกต้อง ฝ่าบาทตรัสมีเหตุผลแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ยุคสมัยไร้สิ้นสุดคืออนาคต ส่วนฟ้าบุพกาลจะกลายเป็นอดีต”
“หากพวกเราไปถึงพ้นนิวรณ์ก็จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพ้นนิวรณ์เลยใช่หรือไม่”
เหล่าเทพเซียนเปลี่ยนความคิดกันเร็วยิ่ง เริ่มหารือกันแล้วว่าจะขยายอำนาจเข้าปกครองอย่างไร
เทพมารปฐมยุคนึกดูแคลนอยู่ในใจ ช่างเสแสร้งกันเหลือเกิน
เขามองไปที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย อยากจะพูดบางอย่างแต่ก็กลัวจะไม่เหมาะสม
หากว่าวังสวรรค์ไปยังพ้นนิวรณ์ แล้วเขาจะต้องทำอย่างไรเล่า
เขามาอยู่ที่วังสวรรค์เพียงชั่วคราวเท่านั้น เขายังระลึกถึงว่าตนเป็นคนของวังจักรพรรดิมหาโชคเสมอมา
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายคล้ายจะมองความคิดเขาออก เอ่ยขึ้นว่า “วังจักรพรรดิมหาโชคพันธมิตรของวังสวรรค์ก็จะไปยังพ้นนิวรณ์เช่นกัน จะคอยประคับประคองเกื้อหนุนกันและกันกับวังสวรรค์”
พอเขาเอ่ยออกมาเหล่าเทพเซียนต่างฮือฮา ตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม
วังจักรพรรดิสวรรค์เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงหลายสิบล้านปีมานี้ หานเย่คนนั้นยังคงติดตามร่วมสู้ไปกับหานฮวงอยู่ พลังของเขาสะท้านสะเทือนฟ้าบุพกาลโดยแท้ มีกลุ่มอิทธิพลระดับนี้เป็นเพื่อนร่วมทางไปกับพวกเขา แล้วพวกเขาจะไม่วางใจได้อย่างไรเล่า
เทพมารปฐมยุคตะลึงไป นึกแปลกใจยิ่งกว่าเดิม
จักรพรรดิจะเข้าร่วมพ้นนิวรณ์อย่างนั้นหรือ
ไม่ใช่ว่านางสมควรจะบุกเบิกโลมหามรรคขึ้นด้วยหรอกหรือ
….
วันเวลาไหลผ่านไป สำหรับหานเจวี๋ยช่วงเวลาสิบล้านปีผ่านไปเร็วมาก
[ท่านได้รับสวรรค์ประทานโชคหนึ่งครั้ง]
เมื่อได้รับแจ้งเตือนนี้ หานเจวี๋ยก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เขาสอดส่องดูฟ้าบุพกาลก่อน การต่อสู้จบลงแล้ว ปิดฉากลงด้วยชัยชนะของหานฮวงและหานเย่ ไม่ว่าจะมีกลุ่มอิทธิพลมากมายปานใดเข้าร่วมการต่อสู้ก็ล้วนต่อกรกับพวกหานฮวงทั้งสองไม่ไหว แต่ถึงแม้การต่อสู้ครั้งนี้จะปิดฉากลงแล้ว แต่กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ยังคงระดมกำลังเข้าโจมตีใหญ่โตยิ่งขึ้น
หานเจวี๋ยรับรู้ได้ว่าโลกมหามรรคทั้งสี่แห่งเริ่มติดต่อกันแล้ว ต้องการร่วมมือกันเพื่อโค่นหานฮวง
ส่วนสื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนกลับไม่ปรากฏตัวขึ้นเลย ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกเสียดายนัก
หานเจวี๋ยคิดไปคิดมาก็เลือกเข้าฝันหวงจุนเทียนเพื่อสอบถามข่าวคราวดูสักหน่อย
ถึงจะทำนายไม่ได้ว่าหวงจุนเทียนอยู่ที่ไหน แต่ยังเข้าฝันหวงจุนเทียนได้
ในแดนความฝัน หวงจุนเทียนดูค่อนข้างอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดยิ่ง แต่เมื่อพบหน้าหานเจวี๋ยก็ยังคงถามประโยคเดิม “เจ้านี่เอง ไม่ได้พบกันเสียนาน ข้ากำลังแสวงหาโอกาสวาสนาอันยิ่งใหญ่ในดินแดนลึกลับแห่งหนึ่งอยู่ เจ้าอยากฟังหรือไม่”
หานเจวี๋ยตอบว่า “ไม่อยาก”
“คารวะนายท่าน!”
หวงจุนเทียนคุกเข่าลง ประสานหมัดคารวะ
หานเจวี๋ยสอบถาม “ท่าทางของเจ้าไม่สู้ดีเลย เป็นอย่างไรบ้าง”
หวงจุนเทียนเอ่ยด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ไอ้คนผู้นั้นมีแผนร้ายต่อข้าจริงๆ ขอรับ เขายึดครองกายเนื้อของข้าไปแล้ว แต่นายท่านโปรดวางใจเถิด ข้ารู้วิธีตอบโต้สะท้อนกลับไปหาเขาแล้ว เขาไม่กล้ากลืนกินข้าเข้าไปจนหมดสิ้นเนื่องจากวิญญาณของข้ามีดวงชะตาผู้กำหนดชะตาเคราะห์ หากปราศจากวิญญาณของข้าเขาก็ไม่สามารถควบคุมกายเนื้อของข้าได้อีกขอรับ”
ผู้กำหนดชะตาเคราะห์ยังมีประโยชน์เช่นนี้ด้วยหรือ
สมกับเป็นอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรค!
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “สมกับเป็นคนที่ข้าให้ความคาดหวังมากที่สุด คุณสมบัติของเจ้าอาจจะเทียบกับหานฮวงไม่ได้ แต่ในการบำเพ็ญไม่เคยวัดกันที่คุณสมบัติเพียงอย่างเดียว”
หวงจุนเทียนได้ฟังก็ตื้นตันขึ้นมาทันที รีบขอบคุณที่หานเจวี๋ยให้ความสำคัญ
สำหรับเขาคำชมเชยจากหานเจวี๋ยมีความหมายมากที่สุด มีความหมายยิ่งกว่าเอาชนะหานฮวงได้เสียอีก
“เดี๋ยวข้าจะเทศนาธรรมให้เจ้าตอนนี้เลย ช่วยเสริมวิถีแห่งกรรมของเจ้าให้ก้าวหน้า เผื่อวันหน้าจะจำเป็นขึ้นมา ดีหรือไม่” หานเจวี๋ยถาม
“นั่นย่อมดีอย่างยิ่งขอรับ ขอบพระคุณนายท่าน!”
หานเจวี๋ยก็ไม่พูดไร้สาระอีก เริ่มเทศนาธรรมทันที
หานเจวี๋ยสิ้นสุดแดนความฝันลงภายในวันนั้น
ช่วงที่เข้าฝันอยู่เขาได้ใช้กฎเกณฑ์แห่งกาลเวลาไปด้วย ดูเหมือนใช้เวลาวันเดียวแต่ความจริงแล้วยาวนานนับล้านปี พลังมรรคที่สั่งสมเป็นเวลานับล้านปีมหาศาลอย่างยิ่ง แต่สำหรับยอดมหามรรคแล้วไม่นับเป็นอันใดเลย รับไว้ได้สบายๆ
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย
[หานหลิงบุตรีของท่านเข้าสู่โลกมหามรรคพ้นนิวรณ์ ได้รับดวงชะตาพ้นนิวรณ์]
[หานเย่เชื้อสายของท่านเข้าสู่โลกมหามรรคพ้นนิวรณ์ ได้รับดวงชะตาพ้นนิวรณ์]
[หานฮวงบุตรชายของท่านเข้าสู่โลกมหามรรคพ้นนิวรณ์ ได้รับดวงชะตาพ้นนิวรณ์]
….
[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารร้ายมหาเคราะห์] x5920572
[จ้าวเซวียนหยวนศิษย์ของท่านเผชิญ…]
….
[มู่หรงฉี่ศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารร้ายมหาเคราะห์] x285777
[จี้เซียนเสินศิษย์ของท่านข้ามภพสู่ฟ้าบุพกาลในช่วงอนาคต ดวงชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลง]
[หานชิงเอ๋อร์บุตรีของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
….
มีคนเข้าสู่พ้นนิวรณ์มากมายนัก!
มหาเทวาพ้นนิวรณ์กำลังดึงตัวคนฝั่งข้าไปเช่นนั้นหรือ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว แต่ก็รู้สึกว่าผิดปกติ หานหลิงและหานฮวงล้วนไปทั้งคู่ หรือว่าพวกเขาจะทำข้อตกลงบางอย่างไว้แล้ว
เขาลองทำนายดูด้วยตัวเอง ทว่าไม่สามารถทำนายให้ทราบชัดเจนได้
เขาจำเป็นต้องใช้ความสามารถวิวัฒนาการ
‘ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดหานหลิงถึงเข้าสู่โลกมหามรรคพ้นนิวรณ์’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
จากนั้นหานเจวี๋ยก็เข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ
เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าที่นี่คือดินแดนเวิ้งว้าง
หานหลิง หานฮวงและจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยืนอยู่เบื้องหน้าเงาร่างใหญ่มโหฬารร่างหนึ่ง ร่างนี้เปล่งแสงเจิดจ้าแยงตา ราวกับจันทร์เพ็ญทรงความศักดิ์สิทธิ์มหาศาล
มหาเทวาพ้นนิวรณ์!
“หากพวกเจ้ายินดีมาที่พ้นนิวรณ์ พ้นนิวรณ์ก็ยินดีให้บุกเบิกห้วงมิติและโลกมหามรรคของพวกเจ้าขึ้นภายในนั้น หากปล่อยไว้ด้านนอก โลกมหามรรคของพวกเจ้าจะถูกดึงดูดเข้าสู่ฟ้าบุพกาล สุดท้ายก็จะถูกฟ้าบุพกาลกลืนกิน แต่หากอยู่ในพ้นนิวรณ์อย่างน้อยก็จะมีพ้นนิวรณ์ขวางกั้นไว้ให้”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยด้วยสุ้มเสียงเฉยชา ราวกับกำลังเอ่ยเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตนอยู่