ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1072 เจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลหวนตื่น
บทที่ 1072 เจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลหวนตื่น
“หากอ้างอิงตามที่ท่านว่ามา คือพวกเราจะแตะต้องจิตมารนี้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ” หานเจวี๋ยขมวดคิ้วถาม
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเอ่ยว่า “แค่ห้ามแตะต้องก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมาเท่านั้น รอจนเขาตื่นขึ้นมาแล้วค่อยล่อเขาเข้ามาในดินแดนเวิ้งว้างจากนั้นพวกเราก็ร่วมมือกันสะกดไว้ แต่ก่อนถึงเวลานั้น สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คืออาศัยพลังของสรรพสิ่งควบคุมจิตมาร พวกเราต้องเลือกว่าจะสะกดหรือไม่ก็ผนึกเท่านั้น ไม่มีทางสังหารเขาได้ ทำได้เพียงสะกดไว้”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์และมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญพยักหน้ารับ ต่างเห็นพ้องต้องกัน
หานเจวี๋ยก็ไม่มีความเห็นเช่นกัน สี่ผู้สร้างมรรคามีมติเอกฉันท์
หลังจากหารือกันจบพวกเขาก็แยกย้ายกันไป
เมื่อกลับมาถึงอารามเต๋าในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม หานเจวี๋ยก็นึกถึงสื่อหยวนหงเหมิงกับหวงจุนเทียนขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ทราบเช่นกันว่าสื่อหยวนหงเหมิงจะหดหัวซ่อนตัวไปอีกนานแค่ไหน
บางทีที่ในอดีตสื่อหยวนหงเหมิงล้มเหลวอาจจะสร้างแรงกดดันทางจิตให้เขาอย่างมหาศาลเกินไป หากไม่เตรียมการให้สมบูรณ์พร้อมเขาคงไม่กล้าเคลื่อนไหว
จุ๊ๆ ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลและสื่อหยวนหงเหมิงไหนจะยังผู้สร้างมรรคารายอื่นๆ อีก
มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ครานี้ช่างมีสีสันเสียจริง ซับซ้อนยิ่งกว่ามหามรรคในอดีตมากนัก
หานเจวี๋ยมองไปที่เก้าเทวดารา ไม่ทราบเช่นกันว่าเด็กน้อยเหล่านี้จะเติบใหญ่ขึ้นก่อนที่มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จะสิ้นสุดลงหรือไม่
บางทีพวกเขาอาจจะอยู่ในยุคสมัยถัดจากนี้
พอคิดมาถึงตรงนี้ หานเจวี๋ยก็หลับตาลงฝึกบำเพ็ญต่อ
เจ้านวฟ้าบุพกาลเกิดความคิดจะสังหารเหล่าผู้สร้างมรรคาแล้ว ขอเพียงหานเจวี๋ยทะลวงขั้นนี้ได้ก็น่าจะสามารถจัดการเจ้านวฟ้าบุพกาลได้ง่ายมากขึ้น
ไม่สามารถคาดหวังให้บุคคลที่แข็งแกร่งกว่าตนแสดงความเมตตาต่อตนได้ ต้องทำให้ตนกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้วไปเมตตาคนอื่นแทน!
นี่ก็คือแนวคิดในการบำเพ็ญของหานเจวี๋ยที่หยั่งรากฝังลึก
….
วังจักรพรรดิมหาโชค ณ โลกมหามรรคพ้นนิวรณ์
ภายในโถงเชื่อมนภา หานหลิงนั่งบนบัลลังก์สูง เหล่าผู้ทรงอำนาจหลายหมื่นคนแห่งวังจักรพรรดิมหาโชคมารวมตัวกัน ยิ่งได้อยู่ใกล้หานหลิงเท่าไรก็แปลว่ามีตบะแข็งแกร่งมากเท่านั้น
หานเย่ หานเหยาและหานป้าเสินยืนอยู่ด้านหน้าสุด พวกเขาล้วนเป็นยอดมหามรรคแล้ว พิสูจน์ตนในสงครามมาหลายสิบล้านปี
นักพรตเต๋าชราที่มีความงามสง่าในตามฉบับวิถีเซียนประสานมือเอ่ยว่า “ฝ่าบาท ยอดมารร้ายที่ปรากฏตัวขึ้นในฟ้าบุพกาลสามารถบงการมารร้ายทั้งปวงได้รวมถึงมารร้ายในโลกมหามรรคพ้นนิวรณ์ด้วย ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลอาจจะยังคุกคามมาไม่ถึงพวกเรา แต่พ้นนิวรณ์เชื่อมต่อกับฟ้าบุพกาลแล้ว เขี้ยวเล็บของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลย่อมจะยื่นมาถึงวังจักรพรรดิมหาโชคในไม่ช้าก็เร็ว”
หานเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นจะจัดการอย่างไรเล่า ช่วยกำจัดมารให้ฟ้าบุพกาลหรือ มารร้ายในพ้นนิวรณ์ของพวกเราก็ยังกำจัดไม่หมดเลย”
วาจานี้ของเขาได้รับเสียงสนับสนุนจากจอมทัพจักรพรรดิ
วังจักรพรรดิมหาโชคแบ่งออกเป็นสองฝ่ายบุ๋นบู๊ ฝ่ายบุ๋นรับผิดชอบวางแผนดูแลจัดการกองกำลังในสังกัดของวังจักรพรรดิสวรรค์ ฝ่ายบู๊รับผิดเรื่องศึกสงคราม โครงสร้างคล้ายคลึงกับราชสำนักในโลกมนุษย์ธรรมดา
เรื่องของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลทำให้ห้องโถงตกอยู่ในการโต้เถียงขัดแย้ง
ฟ้าบุพกาลทำการกวาดล้างมารร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หลังจากผู้นำกลุ่มอิทธิพลเหล่านั้นปราชัยล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง ชื่อเสียงอันเหี้ยมโหดของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลก็เริ่มแพร่สะพัด
“เหตุใดจ้าวซวงเฉวียนแห่งเลิศนพวิถีถึงไม่ไปจัดการยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล”
จู่ๆ หานหลิงก็เอ่ยขึ้นมา ทันทีที่เอ่ยวาจานี้ออกไปก็ได้รับความสนใจจากเทพเซียนมากมายในห้องโถง
พวกเขาพลันกระจ่างในทันใด ใช่แล้ว เหตุใดจ้าวซวงเฉวียนถึงไม่ไปเล่า
จ้าวซวงเฉวียนประกาศปาวๆ ว่าจะรวมฟ้าบุพกาลให้เป็นหนึ่ง เมื่อฟ้าบุพกาลมีภัยไยไม่ออกโรงเล่า
จ้าวซวงเฉวียนเลื่องชื่อด้านความเย่อหยิ่งทระนงล้นฟ้ามานานแล้ว ไม่ด้อยไปกว่าหานฮวงเลย ย่อมไม่มีทางขลาดด้านการศึก
หรือว่า…
หานเหยาถาม “หรือนี่จะเป็นแผนร้ายของฟ้าบุพกาล”
หานป้าเสินเอ่ยอย่างใช้ความคิด “มีความเป็นไปได้สูง มิเช่นนั้นเหตุใดยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลถึงปรากฏตัวขึ้นในฟ้าบุพกาลแต่ไม่ปรากฏตัวขึ้นในโลกมหามรรคอื่นๆ เล่า เช่นนี้นับเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาของพวกเขาที่สุด อย่างน้อยในฉากหน้าก็เป็นเช่นนี้”
เหล่าเซียนฝ่ายบุ๋นก็พากันย้ายฝ่าย คิดว่าไม่ควรจะเกื้อหนุนฟ้าบุพกาล
หานหลิงเอ่ยว่า “เรื่องของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลปล่อยไปชั่วคราวก่อน สถานการณ์ของฟ้าบุพกาลลึกล้ำ อาศัยเพียงมารร้ายเหล่านี้ยังไม่เพียงพอจะคุกคามฟ้าบุพกาลได้ เป้าหมายของวังจักรพรรดิมหาโชคคือผนวกรวมดินแดนเข้ามา วังจักรพรรดิมหาโชคต้องพยายามตั้งตัวให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เตรียมพร้อมสำหรับการล่าถอยของวังจักรพรรดิมหาโชคในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่”
เหล่าเทพเซียนหลายคนพากันขานรับ
ในวังจักรพรรดิมหาโชคคำพูดของหานหลิงคือคำขาด ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนเพียงเพราะนางเป็นสตรี เทพเซียนทั้งหมดล้วนเคยติดตามหานหลิงไปออกรบแล้ว พลังห่างชั้นกันอย่างมหาศาล
เมื่อเป็นเช่นนี้ วังจักรพรรดิมหาโชคจึงล้มเลิกความคิดจะช่วยเหลือฟ้าบุพกาล
ไม่เพียงแต่วังจักรพรรดิมหาโชคเท่านั้น กลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ในโลกมหามรรคต่างๆ ก็คิดเช่นนี้ รูปการณ์ของฟ้าบุพกาลแปลกประหลาดออกไป
ในส่วนลึกของฟ้าบุพกาล ณ สำนักเลิศนพวิถี
อาณาเขตเต๋านับไม่ถ้วนแผ่แสงสกาวดังหมู่ดาวรวมตัว แต่งแต้มอยู่ในห้วงอวกาศ สิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ สัญจรไปมาหาสู่ รุ่งเรืองและยิ่งใหญ่
ภายในตำหนักหลังหนึ่ง จ้าวซวงเฉวียนนั่งสมาธิกลางอากาศ มีลำแสงสามสายลอยวนล้อมรอบกาย นั่นคืออำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรค เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังจากกฎเกณฑ์สูงสุด
ดวงจิตนพชาติยืนอยู่ในห้องโถง เงยหน้ามองเขา
‘จุ๊ๆ สรุปแล้วเขามีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ควบคุมกฎเกณฑ์สูงสุดได้ง่ายๆ เช่นนี้ ราวกับกฎเกณฑ์สูงสุดกำเนิดขึ้นมาเพื่อเขาก็มิปาน…’
จิตใจของดวงจิตนพชาติซับซ้อน เขามองว่าตนเป็นบุตรชายของเจ้านวฟ้าบุพกาลมาตลอด แต่ยามนี้พอเทียบกับจ้าวซวงเฉวียนแล้วเขาเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่าตนมีตำแหน่งในใจเจ้านวฟ้าบุพกาลบ้างหรือไม่
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยทำพลาดมาก่อนตอนนี้ได้แต่จัดการไปตามคำสั่งของเจ้านวฟ้าบุพกาล คอยให้ความช่วยเหลือจ้าวซวงเฉวียนแต่โดยดี
ต้องพูดเลยว่า คุณสมบัติของจ้าวซวงเฉวียนแข็งแกร่งจริง นอกจากภายในร่างกายจะมีพลังของท่านพ่อแล้ว ยังมีพลังที่แข็งแกร่งอีกสาย
จู่ๆ ดวงจิตนพชาติก็นึกถึงอวี้ยวนขึ้นมา อวี้ยวนคล้ายกับจ้าวซวงเฉวียนมาก ล้วนได้รับความสำคัญจากท่านพ่อต่างกันที่อวี้ยวนเกิดช้ากว่า
รอจนอวี้ยวนเติบใหญ่ขึ้นมาแล้วมาร่วมมือกับจ้าวซวงเฉวียนจะต้องผงาดเหนือมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ได้แน่
ดวงจิตนพชาติเริ่มตั้งตารอคอยวันนั้นขึ้นมา
ตัวเขาในตอนนี้สูญเสียอำนาจควบคุมฟ้าบุพกาลไปแล้ว ได้แต่กัดฟันมองดวงจิตมหามรรคและโลกมหามรรคอื่นๆ อย่างชิงชัง
เสียงของจ้าวซวงเฉวียนแว่วมา “ข้าต้องการอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคเพิ่ม เจ้าช่วยหามาให้ข้าที!”
เปลือกตาดวงจิตนพชาติกระตุกนิดๆ ตอบไปว่า “ได้!”
ว่าจบเขาก็หันหลังจากไป
จ้าวซวงเฉวียนลืมตาขึ้นมา เฝ้ามองเงาร่างเขาเลือนหายไป
“น้องเก้า นี่น่ะหรือฟ้าบุพกาล เจ้าทำได้ดีมาก ที่เหลือยกให้ข้าจัดการเอง”
จ้าวซวงเฉวียนพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงเปี่ยมความมั่นใจอย่างยิ่ง
….
แปดล้านกว่าปีต่อมา หานเจวี๋ยยังอยู่ระหว่างปิดด่าน แต่จู่ๆ ก็ถูกพลังยิ่งใหญ่สายหนึ่งปลุกให้ตื่น
ครืน…
พลังยิ่งใหญ่สายนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทรงพลังทะลุทะลวง สั่นสะเทือนวิญญาณ
เก้าเทวดาราและซั่นเอ้อร์ก็ตกใจเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะเหลียวซ้ายแลขวา
“มาจากทิศทางใดกัน”
“มีคนต่อสู้กันในฟ้าบุพกาลอีกแล้วหรือ”
“รีบดูเร็ว จ้าวซวงเฉวียนแห่งสำนักเลิศนพวิถีสู้กับยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล”
“ในที่สุดเขาก็ลงมือแล้วหรือ ข้าหลงนึกว่าเขาหวาดกลัวไปเสียแล้ว”
“คนเขาต้องการจะรวมฟ้าบุพกาลให้เป็นหนึ่ง ย่อมต้องประกาศศักดาปกป้องฟ้าบุพกาล”
….
หานเจวี๋ยเพ่งสายตามองไปในทิศทางหนึ่ง
จ้าวซวงเฉวียนเปิดศึกดับยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล ทำให้เขาตกตะลึงอยู่ในใจ
ภายในร่างของจ้าวซวงเฉวียนมีพลังผู้สร้างมรรคาผสานอยู่สองสายรวมถึงพลังแห่งอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคอีกสี่สาย
ประเด็นสำคัญที่สุดคือเหตุใดเขาถึงต้องต่อสู้กับยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลด้วย
หานเจวี๋ยเห็นว่าวิญญาณของจ้าวซวงเฉวียนเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอย่างเห็ฯได้ชัด ความทรงจำในฐานะเจ้าอัษฎาฟ้าบุพกาลของคนผู้นี้อาจจะตื่นขึ้นมาแล้ว
เช่นนี้ก็น่าสนใจขึ้นมาแล้วกระมัง
จ้าวซวงเฉวียนจะสั่งการยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลได้หรือไม่
ช้าก่อน
หรือว่าจ้าวซวงเฉวียนจะบีบคั้นให้มารร้ายฟ้าบุพกาลให้ล่าถอยไป แต่เช่นนี้เขาจะได้รับผลกระทบด้วยเพราะไม่อาจหลีกหนีพลังโจมตีชนิดนั้นของยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลได้!
หานเจวี๋ยตกอยู่ในห้วงความคิด ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย