ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1089 เผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์
บทที่ 1089 เผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์
หลังจากเล่นสนุกอยู่ในแบบจำลองการทดสอบหลายวัน อารมณ์ของหานเจวี๋ยก็สงบลง
เขาไม่ได้ออกไปนอกอารามเต๋า แต่เฝ้ารอให้คุกสวรรค์ปฐมยุคดำเนินการเสร็จสิ้นต่อไป
เขามองออกไปนอกอารามเต๋า เก้าเทวดาราและซั่นเอ้อร์รวมตัวฝึกบำเพ็ญด้วยกัน ตบะของพวกเขาต่ำสุดคือยอดมหามรรคระยะกลาง
หานเจวี๋ยกำลังพิจารณาว่าจะส่งพวกเขาออกไปหาประสบการณ์สักรอบดีหรือไม่
เขามองออกว่าเด็กกลุ่มนี้ก็มีความปรารถนาในฟ้าบุพกาลเช่นกัน
หานเจวี๋ยสร้างร่างแยกขึ้นมาร่างหนึ่ง ส่งไปสั่งสอนเก้าเทวดาราและซั่นเอ้อร์
เวลาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
หลายล้านปีต่อมา
ในที่สุดก็สยบทาสจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์สำเร็จ
[จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์เกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้เต็มขั้นดาวแล้ว]
ปฐมยุคไร้สิ้นสูญสลายตัวไป จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ก่อร่างจริงขึ้นมา คุกเข่าอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ยอย่างนอบน้อม
หานเจวี๋ยสอบถามปัญหาบางอย่างอีกทั้งเอ่ยกำชับเรื่องบางส่วนไป จากนั้นก็ส่งจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์กลับไปยังดินแดนเวิ้งว้าง
พอจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนเวิ้งว้าง ขณะที่กำลังเหาะกลับไปยังโลกมหามรรคของตน มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญก็ได้ถ่ายทอดเสียงหาเขา
สองผู้สร้างมรรคามาปรากฏตัวที่มิติลึกลับแห่งหนึ่ง
“ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น” มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญถาม
“ข้าพ่ายแพ้ จากนั้นก็ไปสดับมรรคที่อาณาเขตเต๋าของอริยะสวรรค์เกรียงไกร การสนทนาธรรมในช่วงที่ผ่านมาทำให้ข้าได้รับประโยชน์มหาศาล ข้าเตรียมจะกลับไปปิดด่าน”
“เพียงแค่สดับมรรคหรือ”
“อืม อริยะสวรรค์เกรียงไกรเป็นผู้เพียรบำเพ็ญ เขาเตือนว่าหากไปหาเรื่องเขาอีกครั้งต่อไปจะไม่คุยง่ายเช่นนี้แล้ว ข้าก็รับปากแล้วว่าจะไม่วางแผนร้ายต่อโลกปฐมยุคอีก”
คำตอบของจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ทำให้มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญคลายความฉงนในใจลง
เช่นนี้ก็ถูกต้องแล้ว
การต่อสู้ระหว่างหานเจวี๋ยและจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์มิใช่แค่การประลอง เห็นได้ชัดว่าเกิดโทสะขึ้นมาแล้ว ไหนเลยจะไปสนทนาธรรมกันหลังจบศึกได้
พอได้ยินว่าจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ได้รับคำเตือนจากหานเจวี๋ย ในใจของมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญพลันรู้สึกยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่นพอสมควร
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญไม่สบอารมณ์กับจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์เป็นอย่างมากเสมอมา เมื่อก่อนก็เคยถูกคนผู้นี้รังแกเช่นกัน
จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์แค่นเสียงเอ่ยว่า “เจ้ายังมีธุระอันใดอีกหรือไม่ หากคิดจะมาหัวเราะเยาะ ข้าสามารถทำให้เจ้ารับรู้ถึงสิ่งที่ข้าเคยเผชิญมาก่อนหน้านี้ได้”
ไม่เปลี่ยนไปเลย!
ยังคงแกร่งกร้าวและโอหังเช่นเดิม
สองผู้สร้างมรรคาพูดคุยกันอยู่สักพักก็แยกย้ายกันไป
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญมาที่มิติลึกลับอีกแห่งหนึ่ง เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาพ้นนิวรณ์ล้วนรอคอยอยู่ที่นี่
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลถาม
“เขาปลอดภัยดี แต่เขาได้รับคำเตือนจากอริยะสวรรค์เกรียงไกร”
“อริยะสวรรค์เกรียงไกรสยบศัตรูให้เป็นทาสได้ หรือว่าเขาจะถูก…”
“ไม่มีทาง พวกเราคือผู้สร้างมรรคา แม้แต่ฟ้าบุพกาลก็ทำได้เพียงสะกดพวกเราไว้ ไหนเลยจะถูกสยบทาสได้ ข้าสังเกตแล้วอุปนิสัยและคำพูดคำจายังคงเดิมอยู่”
“ก็จริง”
การสยบทาสผู้สร้างมรรคา ทำให้ผู้สร้างมรรคาจงรักภักดีต่อตนจนตัวตาย ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้เลย
นอกจากจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์จะยอมสยบเอง มิเช่นนั้นก็ไม่มีทางเต็มใจยอมทำงานรับใช้หานเจวี๋ย โดยเฉพาะหลังจากที่แพ้การต่อสู้
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยว่า “พวกเราเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงเงียบๆ เถิด”
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญพยักหน้ารับ
เห็นได้ชัดเจนยิ่งนักว่าในอนาคตอริยะสวรรค์เกรียงไกรและเจ้านวฟ้าบุพกาลจะเปิดศึกกันแน่นอน
ในการต่อสู้กับจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ครั้งนี้ ผลงานของอริยะสวรรค์เกรียงไกรทำให้สามผู้สร้างมรรคาตกตะลึงอย่างยิ่ง
เด็กคนนี้สามารถประชันเทียบชั้นกับเจ้านวฟ้าบุพกาลได้!
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “เขามีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ หรือจะเป็นตัวตนบรรพกาลในยุคก่อนหน้าพวกเรากลับชาติมาเกิด”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์และมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญต่างเงียบงันไป
พวกเขาหาคำตอบไม่ได้
อย่างน้อยพวกเขาก็เชื่อว่าหานเจวี๋ยต้องมีสถานะอื่นอยู่แน่นอน ภายในสามร้อยล้านปีกลับแข็งแกร่งได้ถึงเพียง เป็นไปไม่ได้แน่นอน
หรือว่าหานเจวี๋ยก็คือเทพมารอนธการในตำนานเล่าขานโบราณ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาตระหนักได้ว่าหานเจวี๋ยมิใช่คนที่พวกเขาจะวางแผนเล่นงานได้อีกต่อไป
พวกเขาสามารถคาดการณ์ถึงศึกใหญ่ในอนาคตแบบที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนได้แล้ว
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงคิดหาทางว่าทำอย่างไรถึงจะปกป้องตัวเองและสรรพสิ่งในโลกมหามรรคไว้ได้
….
อายุสามร้อยสิบล้านปีแล้ว!
หานเจวี๋ยเรียกเก้าเทวดาราและซั่นเอ้อร์เข้ามาในอารามเต๋า
ทายาทรุ่นหลังทั้งสิบล้วนตื่นเต้นยิ่ง ผ่านมานานถึงเพียงนี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับเข้ามาอีกครั้ง
พวกเขามองหานเจวี๋ยอย่างระมัดระวัง เวลาผ่านมานานขนาดนี้แต่หานเจวี๋ยกลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย แต่พวกเขารู้สึกอยู่เสมอว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งขึ้นแล้ว
ปฐมบรรพชนปิดด่านนานขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะไม่เกิดผลใดขึ้นเลย!
“เก้าเทวดารา ข้าจะมอบหมายภารกิจอย่างหนึ่งให้พวกเจ้า มุ่งหน้าออกไปยังฟ้าบุพกาลตามจับเทพมารปฐมยุคมาให้ได้”
หานเจวี๋ยเอ่ยออกไป เทพมารปฐมยุคที่กล่าวถึงก็คือรากวิญญาณปฐมยุคที่หานหลิงหล่อเลี้ยงขึ้นมา ยามนี้อยู่ที่วังสวรรค์ เจ้าคนผู้นี้ใช้นามเทพมารปฐมยุคทำให้หานเจวี๋ยค่อนข้างรู้สึกเหมือนถูกหยามเกียรติ
ได้โอกาสฝึกประสบการณ์ให้เก้าเทวดาราพอดี
หานจงเต้าเอ่ยถาม “จะเผยฐานะของพวกเราหรือไม่ขอรับ”
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ประกาศนามเก้าเทวดาราได้ แต่ห้ามบอกว่าเกี่ยวข้องกับข้าและสำนักซ่อนเร้น”
“รับทราบ!”
เก้าเทวดาราล้วนตื่นเต้นขึ้นมา เริ่มคันไม้คันมือแล้ว
รอมาเนิ่นนานขนาดนี้ ในที่สุดก็จะได้ออกปฏิบัติภารกิจ
หลังจากเก้าเทวดาราจากไป ซั่นเอ้อร์มองไปที่หานเจวี๋ย สีหน้าคาดหวัง
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เจ้าฝึกบำเพ็ญต่อไปเถอะ วิถีแห่งคำสาปแตกต่างจากเก้าเทวดารา อนาคตเจ้าจะต้องเร้นกายอยู่ในมุมมืดอยู่ข้างกายข้าไปตลอด”
พอซั่นเอ้อร์ได้ฟังก็รู้สึกหม่นหมองอยู่ในใจ ทว่าไม่กล้าโต้แย้ง
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ต่อไปหากมีเวลาว่างข้าจะพาเจ้าออกไปเที่ยวเล่น”
ซั่นเอ้อร์ได้ยินก็มีสีหน้าปรีดาขึ้นมา รีบคำนับขอบคุณ
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย
ความถี่ในการปรากฏตัวของตัวตนเหนือชั้นลดน้อยลงแล้ว แต่การเข่นฆ่าในฟ้าบุพกาลกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง
[บรรพชนเต๋าสหายของท่านได้รับความช่วยเหลือจากผานกู่สหายของท่าน สร้างเผ่าพันธุ์ขึ้น ดวงชะตาเพิ่มพูน]
สร้างเผ่าพันธุ์หรือ
หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจ เขาทำนายดูเล็กน้อย
พบว่าผานกู่และหงจวินร่วมมือกันสร้างเผ่ามนุษย์กลุ่มหนึ่งขึ้น ดูเหมือนเผ่ามนุษย์ทุกอย่าง แต่คุณสมบัติร่างกายกลับเหนือล้ำกว่าเผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์มากโข
เผ่าพันธุ์ใหม่นี้ถูกตั้งชื่อว่าเผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์
เผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์หาได้อยู่ในมรรคาสวรรค์ไม่ แต่อยู่ในมุมหนึ่งของฟ้าบุพกาล ตอนนี้ยังไม่ปรากฏชื่อลือนาม
พรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์นี้ล้วนใกล้จะเทียบชั้นกับเทพมารฟ้าบุพกาลได้แล้ว มีการผสมผสานสายเลือดของผานกู่และความเข้าใจในมหามรรคของบรรพชนเต๋าไว้ เลิศล้ำโดยแท้
สำหรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยเพียงรู้สึกสนใจเท่านั้น ไม่ได้คิดจะสอดมือยุ่ง
ผานกู่และบรรพชนเต๋าไม่ใช่ตัวตนในระดับเดียวกับเขาแล้ว ประกอบทั้งสองฝ่ายก็มิใช่ศัตรูกัน เขาย่อมไม่เข้าไปสะกดข่ม
ไม่มีผู้ใดที่ฝึกบำเพ็ญได้เร็วเท่าหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยย่อมไม่สะกดข่มชนรุ่นหลัง
ไร้พ่ายเกินไปก็น่าเบื่อ มีชนรุ่นหลังที่รู้จักประเมินกำลังตนปรากฏขึ้นมาท้าทายเขาบ้างก็น่าสนใจดี
ก่อนที่จะแข็งแกร่งมากพอ หานเจวี๋ยไม่ต้องการให้มีผู้ใดมารบกวน แต่พอเขาแกร่งกล้าไร้พ่ายแล้วย่อมต้องการให้มีคนมาก่อกวน
ได้วางท่าบ้างก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด
ในเวลาเดียวกันนี้
ในอาณาเขตพ้นนิวรณ์ ภายในวังจักรพรรดิมหาโชค
หานฮวงเพิ่งจะผสานรวมกับพลังเหนือกฎเกณฑ์สูงสุดสายหนึ่งไป ตบะของเขาก็เพิ่มขึ้นมหาศาล
มหาเทวาพ้นนิวรณ์มอบพลังที่แยกออกมาจากกฎเกณฑ์สูงสุดให้เขาเท่านั้น มิได้มอบกฎเกณฑ์สูงสุดให้ทั้งสาย มิเช่นนั้นพ้นนิวรณ์จะถล่มพังทลาย
หานฮวงลืมตาขึ้น ดวงตาแฝงเจตนาสังหารเล็กน้อย
ยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร จิตใจของเขาก็ยิ่งแปรเปลี่ยนไป
นับแต่เขาถือกำเนิดขึ้นมาก็ไม่เคยเห็นเผ่าพันธุ์อื่นอยู่ในสายตาเลย เพียงแต่เขาไม่ได้ออกตัวไปข่มเหงรังแกเท่านั้น แต่ตอนนี้จู่ๆ เขาก็รู้สึกว้าเหว่ขึ้นมาเล็กน้อย