ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1092 ก่อนมหาเคราะห์มาเยือน
บทที่ 1092 ก่อนมหาเคราะห์มาเยือน
หลังจากได้ทราบว่าไม่ต้องกังวลกับการพิสูจน์มรรคของตนแล้ว หานเจวี๋ยก็ทิ้งร่างแยกร่างหนึ่งไว้ในวัง ส่วนร่างจริงกลับไปอารามเต๋าในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามอีกครั้ง
เมื่อกลับมาถึงอารามเต๋า ซั่นเอ้อร์ไม่รับรู้เลยว่าหานเจวี๋ยเคยออกไป ร่างแยกกับร่างจริงสลับตัวกันอย่างรวดเร็วยิ่ง ต่อให้เป็นซั่นเอ้อร์ที่อยู่ในระดับยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ก็ยังไม่สังเกตเห็น
ตอนนี้หานเจวี๋ยมีสวรรค์ประทานโชคสะสมรวมกันยี่สิบห้าครั้งแล้ว เขาลังเลว่าจะใช้เลยหรือไม่
แต่คิดไปคิดมาเขาก็เลือกปล่อยไปก่อน
รอจนยุคสมัยไร้สิ้นสุดใกล้จะมาเยือนแล้วค่อยใช้ พอถึงเวลานั้นจะมีผู้ได้รับเลือกจากสวรรค์ประทานโชคหลาย สิบคนในคราวเดียวมารวมตัวกันรับการอบรมสั่งสอนจากเขา วันหน้าก็ปล่อยออกไปฝ่าฟันสร้างชื่อเสียง สร้างความน่าตะลึง
หากอยากสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคา จะต้องฝึกบำเพ็ญอยู่ในสังกัดของอริยะสวรรค์เกรียงไกร!
เมื่อถึงเวลานั้นหากมีวลีเช่นนี้แพร่หลายออกไป เช่นนั้นก็คงยิ่งใหญ่นัก
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ วาดหวังอยู่ในใจ
แน่นอนว่าเขาก็แค่คิดเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาคงจะรำคาญมาก
ในอนาคตหานเจวี๋ยไม่คิดจะสะกดข่มชนรุ่นหลัง แต่ให้คนของตนยึดครองสัดส่วนผู้สร้างมรรคาไว้ให้มากกว่าจะเป็นการดีที่สุด
จะต้องมีจิตใจที่ตื่นตัวอยู่ชั่วนิรันดร์!
เจ้านวฟ้าบุพกาลก็ถูกเขาโค่นล้มเช่นนี้
แม้กระทั่งเจ้านวฟ้าบุพกาลยังมีความคิดจะสะกดข่มไว้ หานเจวี๋ยยิ่งไม่มีทางปล่อยปละละเลยอย่างเต็มที่
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย ดูว่าสถานการณ์ในแวดวงสหายช่วงที่ผ่านมานี้เป็นอย่างไรบ้าง
[หานฮวงบุตรชายของท่านเริ่มก่อตั้งกองทหารมารอนธการ ดวงชะตาถดถอย]
[จี้เซียนเสินศิษย์ของท่านทำความเข้าใจอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรค พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]
[มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเจ้านวฟ้าบุพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]
[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากมหาเทวาพ้นนิวรณ์สหายของท่าน พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]
[หวงจุนเทียนสหายของท่านวิญญาณเปลี่ยนแปลงกลายเป็นวิญญาณแห่งอนธการ ดวงชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลง]
[เจียงเจวี๋ยซื่อศิษย์ของท่านเข้าสู่สังสารวัฏฟ้าบุพกาล]
[หานฮวงบุตรชายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[หานเย่เชื้อสายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายโชคร้าย เผชิญกับการขับไล่จากกฎเกณฑ์ผลาญนภา]
….
กองทหารมารอนธการหรือ
ดูยิ่งใหญ่เหลือเกิน!
คาดว่าคงต้องการชุบเลี้ยงกองกำลังขึ้นเพื่อสั่นสะเทือนทั่วฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยดูแคลนเล็กน้อย
เขาไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ เหตุการณ์ที่ซูฉีเผชิญทำให้เขาขมวดคิ้ว
กฎเกณฑ์ผลาญนภาสามารถขับไล่คนได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเจตนาของมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ แต่เขาก็ไม่กล้าแตกหักกับหานเจวี๋ยตรงๆ ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือสังหาร
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็คร้านไปจะถือสาเอาความ
ซูฉีระหกระเหินไปทั่วก็เป็นเรื่องดี ช่วยปูทางให้หานฮวงได้พอดี
ยิ่งฟ้าบุพกาลวุ่นวายเท่าไร มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น โอกาสที่หานฮวงจะรอดชีวิตก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ซูฉีเปรียบเสมือนผู้ช่วยของหานฮวง
หานเจวี๋ยพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
หรือจะให้ศิษย์คนอื่นๆ ช่วยเสริมกำลังให้หานฮวงด้วย พอถึงเวลานั้นจะได้ร่วมแบ่งปันมหาโชคแห่งมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่
หากคู่ต่อสู้ของหานฮวงมีจำนวนมากเกินไปก็ยากจะแบ่งปันมหาโชคกันได้ แต่ถ้ามองมุมกลับก็ต่างกันออกไปแล้ว
หานเจวี๋ยคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่าวุ่นวาย ปล่อยไปตามธรรมชาติเถิด
หลังจากตรวจจดหมายเสร็จ หานเจวี๋ยลุกขึ้นเดินออกไปนอกอารามเต๋า ไปเยี่ยมเยือนเหล่าคู่บำเพ็ญ ไปหาทีละคนๆ ขั้นตอนนี้ใช้เวลานานหลายพันปี
ในช่วงสุดท้าย หานเจวี๋ยไปที่อารามเต๋าของสิงหงเสวียน
สิงหงเสวียนเอ่ยถึงหานฮวงขึ้นมา สีหน้าเป็นกังวล “เขาทรยศวังจักรพรรดิมหาโชค ซ้ำยังรับช่วงกลุ่มอิทธิพลของนางมารคนนั้นอีก จะหลงเดินทางผิดไปหรือไม่”
หานเจวี๋ยก็มิได้ปิดบังอันใด บอกเล่าความยากลำบากและเป้าหมายของหานฮวงออกมา
พอได้ยินว่าหานฮวงจะทำลายล้างฟ้าบุพกาล สิงหงเสวียนตกใจหน้าถอดสี ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
“ท่านพี่ นี่คือหนทางสู่ความตาย”
สิงหงเสวียนจับมือหานเจวี๋ย เอ่ยอย่างน่าสงสาร สีหน้าขอร้องเว้าวอน
นางรู้ว่ามีเพียงหานเจวี๋ยที่เกลี้ยกล่อมบุตรชายได้
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าสนับสนุนให้เขาทำเช่นนี้เอง”
เขาเล่าถึงมุมมองของฟ้าบุพกาลและยุคสมัยไร้สิ้นสุดออกมา หานฮวงดูเหมือนจะก่อเรื่องชั่วร้ายอยู่แต่ความจริงกำลังนำพามหาโชคอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเข้ามา
“แต่ก็อันตรายมากอยู่ดี เมื่อถึงเวลานั้นตัวตนเหนือชั้นที่ปกครองอยู่เหนือฟ้าบุพกาลจะลงมือหรือไม่ เช่นนี้ท่านจะเดือดร้อนไปด้วยหรือเปล่า” สิงหงเสวียนขมวดคิ้ว
หานเจวี๋ยยิ้มแล้วไปว่า “ข้าจะบอกเรื่องหนึ่งกับเจ้า แต่เจ้าห้ามแพร่งพรายออกไป”
“หืม”
“ตัวตนที่บุกเบิกฟ้าบุพกาลขึ้นมิใช่คู่ต่อสู้ของข้าแล้ว ผู้สร้างมรรคาที่อยู่เหนือกว่ายอดมหามรรคขึ้นไปมีอยู่เพียงไม่กี่คน ล้วนสู้ข้าไม่ได้ทั้งสิ้น”
หานเจวี๋ยได้โอ้อวดความแข็งแกร่งเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้เกินเลยไป สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง
สิงหงเสวียนเบิกตากว้าง ถามไปว่า “ท่านไร้พ่ายแล้วหรือ”
“ถูกต้อง!”
“ไม่ใช่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าหรอกหรือ ท่านแน่ใจหรือว่าไม่มีระดับที่อยู่เหนือกว่าผู้สร้างมรรคาขึ้นไปอีก”
“ไม่มี นับตั้งแต่อนธการถือกำเนิดขึ้นมา ผู้สร้างมรรคาคือขีดจำกัดสูงสุด ไม่มีแข็งแกร่งไปกว่านี้แล้ว”
“หวา…”
สิงหงเสวียนตกใจ สั่นสะท้านไปทั้งกาย สีหน้าตื่นตะลึง
นางคิดมาตลอดว่าคุณสมบัติของหานเจวี๋ยเลิศล้ำไม่เป็นสองและเชื่อมั่นในตัวหานเจวี๋ยมาตลอด
แต่หลักการแห่งความไร้พ่ายเป็นเช่นใดกันเล่า
นางจินตนาการไม่ออกเลย
“ตอนนี้ท่านสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตได้แล้วหรือ”
“แล้วเหล่าศิษย์ที่อยู่อารามไม่ใช่หรือไร”
“เช่นนั้นการทำลายล้างฟ้าบุพกาลเล่า”
“เพียงชั่วความคิด”
“ท่านเป็นอมตะหรือไม่”
“กายข้าผันแปรเป็นร่างจำลองเจตจำนงนับไม่ถ้วน เป็นอมตะมิวางวาย”
“เช่นนั้นท่านช่วยยกระดับการบำเพ็ญของพวกเราได้หรือไม่”
“ได้ แต่อย่างมากก็ได้เพียงยอดมหามรรคเท่านั้น เมื่อบรรลุถึงยอดมหามรรค หากต้องการมุ่งสู่ผู้สร้างมรรคา ยังคงต้องพึ่งพาตัวเอง ดังนั้นเตรียมมรรคจิตของตนให้มั่นคงเสียก่อนจะดีที่สุด”
“ท่านมีโลกมหามรรคหรือไม่”
“ย่อมมีอยู่แล้ว”
สิงหงเสวียนซักถามไม่หยุด หานเจวี๋ยคอยตอบอย่างมีความอดทน ในใจเบิกบานอย่างยิ่ง
ยังคงเป็นภรรยาผู้ประเสริฐ เข้าใจถึงความต้องการของเขา
ถามสิ ถามมาได้เลย!
ได้แสดงความเลิศล้ำผ่านวาจาช่างเป็นสุขนัก!
ผ่านไปนานพักใหญ่ สิงหงเสวียนดึงตัวหานเจวี๋ยไปฝึกบำเพ็ญคู่กันอย่างตื่นเต้น
หลังจากเคี่ยวกรำกันอยู่นับพันปี หานเจวี๋ยถึงได้กลับมายังอารามเต๋าของตน
นับจากนี้ไปก็แค่ต้องรอคอยให้มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือน!
….
หานฮวงก่อตั้งกองทหารมารอนธการขึ้น จำนวนของกองทหารมารอนธการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สายลับของกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ที่แฝงอยู่ในอนธการก็สังเกตเห็นเรื่องนี้แล้ว กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ตื่นตระหนก เริ่มซ่องสุมกำลังของตนเช่นกัน ถึงขั้นที่เริ่มชักจูงกันและกันเข้าร่วมเป็นพรรคพวก
ดวงจิตมหามรรคที่มีฐานะเป็นกลุ่มอิทธิพลแข็งแกร่งที่สุดในฟ้าบุพกาล ก็พวกได้ข่าวเรื่องนี้แล้วเช่นกัน
เทพมหาทัณฑ์ก็ทราบเรื่องแล้ว ไม่กล้าเสแสร้งอีกต่อไป เรียกชุมนุมเหล่าดวงจิตมหามรรค
“หานฮวงต้องการทำลายล้างฟ้าบุพกาลเพื่อบุกเบิกอนธการ นี่คือภัยพิบัติใหญ่หลวง!”
“บ่วงกรรมแห่งมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือนแล้ว พวกเราก็น่าจะรับรู้กันหมดแล้ว หรือเขาจะถูกบ่วงกรรมเข้าครอบงำ”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า พวกเราจำเป็นจะต้องขัดขวาง หากฟ้าบุพกาลจบสิ้นพวกเราก็ต้องตายเช่นกัน”
“ต้องทราบก่อนว่านอกจากยอดมหามรรคแล้ว ต่อให้เป็นอริยะมหามรรคก็ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในดินแดนเวิ้งว้างได้”
“จะต้องปราบปรามอนธการเอาไว้ให้ได้!”
เหล่าดวงจิตมหามรรควิพากษ์วิจารณ์ไปสารพัด แม้แต่หานทั่ว เต้าจื้อจุน มู่หรงฉี่และเหล่าดวงจิตมหามรรคจากสำนักซ่อนเร้นล้วนมีสีหน้ากังวล
หานฮวงเป็นบ้าไปแล้วหรือ
อี๋เทียนแสยะยิ้มเอ่ยไปว่า “สมกับเป็นน้องรองของเจ้า เอาชนะสรรพสิ่งในฟ้าบุพกาลได้แล้วจึงคิดจะกระทำการที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม”
เพียงแต่รอยยิ้มของเขาค่อนข้างเย็นชา เนื่องจากฟ้าบุพกาลโยงใยไปถึงผลประโยชน์ทั้งหมดของเขาด้วย
เทพมหาทัณฑ์เอ่ยว่า “หานฮวงเติบใหญ่เรืองอำนาจขึ้นมาแล้ว ต่อให้พวกเราต้องการปราบปรามเขา แล้วสมควรทำอย่างไรเล่า”
เขาไม่สามารถปกป้องหานฮวงไว้ได้อีก จิตใจอันทะเยอทะยานของหานฮวงปรากฏเด่นชัดเกินไป ถึงขั้นที่ไม่คิดจะซ่อนเร้นเอาไว้เลย เรื่องนี้แพร่กระจายไปแม้แต่ในหมู่อริยะเสรีแล้ว
เหล่าจื่อเอ่ยว่า “ขอความร่วมมือจากอาณาเขตโลกมหามรรคต่างๆ เถิด ลำพังแค่ฟ้าบุพกาลคงต้านไม่ไหว”
หานฮวงแกร่งกล้าทรงพลังอย่างไร้ข้อกังขา เช่นเดียวอริยะสวรรค์เกรียงไกรในกาลก่อน เพียงแต่เขาแข็งกร้าวและอันตรายยิ่งกว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกร