ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1095 ค่าตัวเจ็ดร้อยล้านล้านปี
บทที่ 1095 ค่าตัวเจ็ดร้อยล้านล้านปี
สำหรับผู้สร้างมรรคาในอนาคตรายนี้ หานเจวี๋ยก็คร้านจะจัดการ ปล่อยให้คนผู้นี้กระตุ้นมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ขึ้นเล็กน้อย หากบีบคั้นจนผู้สร้างมรรคารายอื่นต้องลงมือ ก็นับว่าเป็นการสั่งสอนเจ้าคนผู้นี้แล้วกัน ปล่อยให้เขาประมาทผู้สร้างคนอื่นต่อไป
ระหว่างผู้สร้างมรรคาด้วยกันหากไม่ปะทะกันก็ยากจะแบ่งแยกระดับความแข็งแกร่งอ่อนแอได้ ถึงอย่างไรผู้สร้างมรรคาก็เป็นอมตะ อีกทั้งอยู่ในจุดสูงสุดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็อาจจะหยิ่งผยองลำพองตน
หานเจวี๋ยสอดส่องฟ้าบุพกาลต่อไป ให้ความรู้สึกเหมือนชมละครฉากหนึ่ง สหายทุกคนของเขาล้วนถูกชักจูงเข้าสู่มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ แม้แต่เหล่าคู่บำเพ็ญของเขาก็แปดเปื้อนบ่วงกรรมแล้วเช่นกัน สาเหตุหลักคือการเชื่อมต่อกันของอาณาเขตเต๋ารวมถึงความสามารถในการเคลื่อนย้ายผ่านหมื่นโลกาฉายชัด ทำให้ถ่ายทอดข่าวสารและติดต่อกันได้ใกล้ชิดขึ้น
ลี่เหยาก็ไปเยือนอนธการด้วย ดูเหมือนต้องการจะเข้าร่วมมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่เช่นกัน
ตามสบายเถอะ
ช่วยหนึ่งคนถือว่าช่วย ช่วยร้อยคนก็ถือว่าช่วยเช่นกัน
ถึงอย่างไรหานเจวี๋ยก็รวบรวมเสี้ยววิญญาณของพวกเขาเอาไว้แต่แรกแล้ว ต่อให้ดับสูญไปก็สามารถฟื้นคืนชีพให้ได้
หานเจวี๋ยสอดส่องอยู่ระยะหนึ่งก็กลับไปให้ความสนใจกับการฝึกบำเพ็ญต่อ
รูปการณ์ของฟ้าบุพกาลทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บ่วงกรรมไร้สิ้นสุดกำลังเข้าครอบงำสรรพสิ่ง ทำให้ความพยาบาทของสรรพสิ่งเพิ่มพูนขึ้น ยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับผลกระทบมากเท่านั้น
ภายใต้บ่วงกรรมอันไร้สิ้นสุดไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งใดๆ ล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะทวีความรุนแรงขึ้น มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่กำลังปะทุตัวไปรอบด้าน
……
ณ สระอนธการ เงาร่างมากมายยืนอยู่ริมสระ เฝ้ามองผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนที่เรียงแถวยาวเหยียดดุจมังกรอยู่ฝั่งตรงข้าม
ผู้บำเพ็ญเพียรแต่ละคนทยอยกระโจนลงสู่สระอนธการอย่างต่อเนื่อง ทิ้งระยะห่างกันไม่ถึงสิบลมหายใจ
จี้เซียนเสินเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ข้าก็อยากกระโดดลงไปเช่นกัน”
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นหัวเราะฮี่ๆ เอ่ยไปว่า “ก็โดดสิ ข้าว่าคุณสมบัติของเจ้าก็ธรรมดาสามัญนัก”
จี้เซียนเสินถลึงตาใส่มันคราหนึ่ง
จ้างเซวียนหยวนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “เหตุใดท่านไก่ไม่มาเล่า ยากนักที่สำนักซ่อนเร้นจะมีภารกิจร่วมกัน”
เต้าจื้อจุนเอ่ยอย่างดูแคลน “ขี้ขลาดอย่างมันนอกจากงานชุมนุมฟ้าบุพกาลแล้วมันเคยออกมาตอนไหนกันเล่า ต่อให้พวกเราปกป้องดูแลมัน มันก็ไม่กล้าอยู่ดี”
คนที่เหลือก็พากันเอ่ยล้อเลียนไก่คุกรัตติกาลเช่นกัน สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นฟังแล้วหงุดหงิดนัก พยายามพูดแก้ต่างให้ไม่หยุดแต่พูดสู้ทุกคนไม่ได้
คุยเรื่องไก่คุกรัตติกาลอยู่พักหนึ่ง เจียงอี้ถามขึ้นว่า “หานฮวงเล่า จะลงมือเมื่อใดตอนนี้มีทหารมารทั้งสิ้นหนึ่งล้านล้านตนแล้ว ต้องสยบฟ้าบุพกาลได้แน่”
ฟางเหลียงยกมือขึ้นมา กลางฝ่ามือคล้ายจะมีควันเขียวสายหนึ่ง กำลังถูกเขาไล้เล่นอยู่ “มหาเคราะห์ยังไม่มาถึง พวกเจ้าน่าจะรับรู้ถึงพลังแห่งบ่วงกรรมนั้นได้ ถึงจะมีอยู่แต่ก็ไม่แข็งแกร่งมากพอ อย่างน้อยก็ไม่เพียงพอจะทำให้พวกเราบ้าคลั่งได้”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับวาจาของเขา
ยังไม่เพียงพอจริงๆ
ในเวลานี้เอง สระอนธการเริ่มเดือดพล่าน ทำให้ผู้บำเพ็ญที่เตรียมจะกระโดดลงไปต้องถอยหลังมา
สระอนธการกว้างใหญ่นัก กว้างกว่าแดนเซียนเสียอีก ผิวสระที่เดือดพล่านเกิดระลอกคลื่นปั่นป่วนอันตรายอย่างยิ่ง ทำให้คนตกใจ
ทุกคนพากันหันมองไป เห็นเพียงว่ามีเงาร่างใหญ่มหึมาน่าหวาดกลัวร่างหนึ่งปรากฏเลือนรางอยู่ที่ก้นสระ
“นั่นคือสิ่งใด” จี้เซียนเสินถามด้วยสีหน้าแปลกใจ
หลงเฮ่าเอ่ยด้วยความสนใจ “อนธการสิ้นแสง ก่อนหน้านี้หานฮวงเคยบอกข้าว่าสระอนธการนอกจากจะแปลงสภาพให้เป็นสิ่งมีชีวิตอนธการได้แล้วยังหล่อเลี้ยงอาวุธสังหารแห่งมหาเคราะห์ไว้ด้วย”
อนธการสิ้นแสงหรือ
ทุกคนมองหน้ากัน พวกเขาจับสัมผัสกลิ่นอายของอนธการสิ้นแสงอย่างละเอียด พบว่าอนธการสิ้นแสงกำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นเห็นอนธการสิ้นแสงก็ตื่นตกใจไม่กล้ากระโดดลงไปอีก
“นั่นคือสิ่งใด”
“ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นที่กระโดดลงไปคงไม่ใช่ว่าถูกเจ้าสิ่งนี้เขมือบไปหมดแล้วกระมัง”
“ไม่ถูกสิ มีคนรอดชีวิตออกมาได้จริงๆ”
“ไอสังหารน่าหวาดผวานัก ต่อให้เป็นสัตว์ร้ายบรรพกาลก็ยังไม่ถึงขั้นนี้เลย”
“เจ้าสัตว์ร้ายนี้ต้องสร้างหายนะให้ฟ้าบุพกาลได้แน่นอน!”
เหล่าผู้บำเพ็ญที่มาที่นี่ล้วนเตรียมใจเป็นศัตรูกับฟ้าบุพกาลมาแล้ว ดังนั้นหลังจากใจเย็นลงก็ตื่นเต้นกันยิ่งนัก
ยิ่งอนธการแข็งแกร่งเท่าไร ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าทางเลือกของพวกเขาถูกต้องแล้ว
ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ล้วนมาด้วยความคิดที่ต้องการจะกระตุ้นให้ยุคสมัยไร้สิ้นสุดมาถึง มิเช่นนั้นก็ยากนักที่อนธการจะแข็งแกร่งขึ้นได้เช่นยามนี้
ถึงแม้สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลจะรับรู้ถึงยุคสมัยไร้สิ้นสุดแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่อยากตาย
อีกอย่างจะนำพายุคสมัยไร้สิ้นสุดมาก็ไม่จำเป็นต้องสังเวยฟ้าบุพกาลเลย!
การถือกำเนิดขึ้นของอนธการสิ้นแสงทำให้เหล่าศิษย์สืบทอดสำนักซ่อนเร้นรู้สึกตื่นเต้นกันอย่างยิ่ง
ถึงแม้หานฮวงจะบ้าคลั่งทว่าไม่ได้สับสนวุ่นวายเลย แต่กำลังซ่องสุมอย่างบ้าคลั่ง ลำพังมีข่าวของอนธการสิ้นแสงแพร่ออกไป ก็เพียงพอจะทำให้สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลอกสั่นขวัญแขวนแล้ว
เวลาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
รอจนอนธการสิ้นแสงสงบลง เหล่าผู้บำเพ็ญถึงกระโดดลงสระต่อไป พวกเขาตื่นเต้นดีใจเมื่อพบว่าอนธการสิ้นแสงเพียงซุกตัวอยู่ที่ก้นสระอนธการเท่านั้น ไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามาโจมตีพวกเขาเลย เช่นนี้ถึงได้ทำให้พวกเขาวางใจยิ่งขึ้น
……
หานเจวี๋ยจมจ่อมอยู่ในห้วงฝึกบำเพ็ญ ไม่ปล่อยให้ตัวเองหยุดนิ่ง
ขณะที่ฟ้าบุพกาลกำลังจะเผชิญมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ ภายในโลกปฐมยุคก็จะกระตุ้นให้เกิดมหาเคราะห์ปฐมยุคขึ้นเช่นกัน เคราะห์กรรมจะกวาดพัดไปทั่วโลกปฐมยุค ดูเหมือนโลกปฐมยุคจะวุ่นวาย แต่สำหรับสามกองกำลังสูงสุดแล้วนับว่ายังอยู่ในการควบคุม
สรรพสิ่งก่อสงครามวุ่นวายทำให้กฎเกณฑ์โกลาหล แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ทันทีที่ฟื้นฟูกลับสู่ความสงบ กฎระเบียบจะมั่นคงยิ่งกว่าช่วงก่อนเกิดความโกลาหลขึ้น ชดเชยสิ่งต่างๆ ที่ขาดหายไปก่อนหน้า นี่คือประโยชน์ของมหาเคราะห์
มหาเคราะห์ไม่เพียงแต่ช่วยจัดระเบียบต่างๆ ในโลกปฐมยุคเท่านั้น ในความสับสนวุ่นวายยังช่วยให้ค้นพบวิถีบำเพ็ญที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง อาศัยดวงชะตาหล่อเลี้ยงกฎเกณฑ์ อาศัยกฎเกณฑ์หนุนนำมหาโชค ทำให้โลกปฐมยุคก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร
เสียงตวาดสายหนึ่งปลุกหานเจวี๋ยให้ตื่นขึ้นมา
“ข้า หานฮวงเทพมารอนธการ นับจากวันนี้เป็นต้นไปจะนำพามหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาสู่ฟ้าบุพกาล พ้นนิวรณ์ อวิชชาตลอดจนผลาญนภา ข้าจะเป็นหัวหอกในการก่อสงครามทำลายล้างฟ้าบุพกาล บุกเบิกยุคสมัยไร้สิ้นสุด พวกเจ้าสามารถดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อหาความหมายในการดำรงอยู่ของตนได้!
“อนธการจงฟัง ศูนย์กลางอนธการจะเปิดศึกกับฟ้าบุพกาล เผชิญกับสิ่งมีชีวิตใดจะสังหารสิ่งมีชีวิตนั้น เข่นฆ่าล้างบาง ไม่ตายไม่เลิกรา!”
เสียงของหานฮวงดังก้องไปทั่วฟ้าบุพกาล สะท้อนกลับไปกลับมาอยู่เนิ่นนาน
ในอาณาเขตเต๋าของหานเจวี๋ยก็มีเสียงของเขาแว่วสะท้อนอยู่เช่นกัน
หานเจวี๋ยรับรู้ได้ว่าหานฮวงแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ประเมินจากค่าตัวอย่างน้อยก็คงใกล้บรรลุระดับเจ็ดร้อยล้านล้านปีแล้ว เข้าใกล้ผู้สร้างมรรคาไปเรื่อยๆ
ประหลาดจริงๆ โลกอนธการของเด็กคนนี้ก็ไม่ได้แข็งแกร่ง ถึงขั้นที่กฎระเบียบยุ่งเหยิง แต่พลังกลับเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
หรือนี่คือผลจากบ่วงกรรมไร้สิ้นสุดแห่งมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่
น่าสนใจอยู่บ้าง
หานเจวี๋ยตรวจสอบหน้าต่างค่าสถานะ เขาอายุสี่ร้อยสามสิบล้านกว่าปีแล้ว แปลว่าปิดด่านมากว่ายี่สิบล้านปีแล้ว
เขาเริ่มตรวจดูจดหมาย
ซั่นเอ้อร์เห็นเขาลืมตาขึ้นมาก็เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ท่านปฐมบรรพชน บรรพชนหานฮวงทรงอำนาจเหลือเกิน ข้าอยากจะทำงานเพื่อเขา แต่จนถึงตอนนี้ศัตรูที่กล้าลงมือกับบรรพชนหานฮวงมีน้อยยิ่งนัก ข้าหาเป้าหมายสาปแช่งไม่ได้เลยขอรับ!”
หานเจวี๋ยไม่สนใจเขา
“ใช่แล้ว บรรพชนหานหลิงก็ต้องการจัดการเขาขอรับ ข้าจำเป็นต้องสาปแช่งบรรพชนหานหลิงด้วยหรือไม่”
หานเจวี๋ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง
ซั่นเอ้อร์ตกใจขวัญหาย ยิ้มอย่างประดักประเดิด “ข้าทราบแล้ว ข้าทราบแล้วขอรับ”
ไร้สาระจริงๆ!
ธิดาหัวแก้วหัวแหวนของข้าใช่คนที่เจ้าจะสาปแช่งได้หรือ
หานเจวี๋ยไม่ส่งเสียง ตรวจดูจดหมายต่อไป
ซั่นเอ้อร์ไม่กล้ารบกวนเขาอีก เฝ้ามองฟ้าบุพกาลต่อไป ตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
เมื่อหานฮวงประกาศศึก มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ยอดมหามรรคของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันในห้วงมิติเหนือมหามรรคสามพันวิถีก่อน พวกจี้เซียนเสินและเต้าจื้อจุนล้วนเข้าร่วมศึกกันทั้งสิ้น ยอดมหามรรคเกือบร้อยคนต่อสู้ดุเดือด ทำให้มหามรรคสามพันวิถีสั่นคลอนเพราะการต่อสู้