ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1116 ผู้สร้างปรากฏ หวาดหวั่นทั่วหัวระแหง!
บทที่ 116 ผู้สร้างปรากฏ หวาดหวั่นทั่วหัวระแหง!
ความแข็งแกร่งของอนธการสิ้นแสงและความผยองของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทำให้ผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลและอนธการอกสั่นขวัญแขวนสลับกับโมโหโกรธเคือง
แน่นอนว่าอนธการสิ้นแสงหาได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ไม่ แต่เป็นเพราะได้รับพลังเสี้ยวหนึ่งจากหานเจวี๋ยมา
“พวกเราหมดทางถอยแล้ว ละทิ้งความกลัวเสีย สู้จนตัวตาย!”
เสียงของเทพมหาทัณฑ์ดังขึ้นมา มีอิทธิพลยิ่งกว่าหานฮวงและจ้าวซวงเฉวียนมากนัก ถึงอย่างไรในฉากหน้าเขาก็ก็นับเป็นตัวตนที่มีตำแหน่งสูงสุดในฟ้าบุพกาล เป็นผู้นำเหล่าดวงจิตมหามรรคทั้งปวง
ดวงจิตมหามรรคทั้งหมดและเทวทัณฑ์เริ่มสำแดงพลังวิเศษประจำตัว มหามรรคสามพันวิถีและเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดสั่นสะเทือน พลังนับไม่ถ้วนหลั่งไหลลงมา พร่างพรมลงสู่ร่างอริยะมหามรรคทั้งหมด
หานเจวี๋ยรับชมอย่างได้อรรถรส ไม่ได้รีบร้อนลงมือ
ชัดเจนยิ่งนักว่าเบื้องหลังเรื่องนี้มีเจ้านวฟ้าบุพกาลคอยให้การสนับสนุนอยู่ มิเช่นนั้นแม้จะเป็นดวงจิตมหามรรคก็ยากจะหยิบยืมพลังกฎเกณฑ์ที่แกร่งกล้าถึงเพียงนี้มาใช้ได้
เทพมหาทัณฑ์อัญเชิญขุนพลศักดิ์สิทธิ์ห้าหมื่นตนออกมา ร่างแยกของเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลก็อัญเชิญขุนพลพินาศห้าหมื่นตนออกมาเช่นกัน เงาร่างที่ห้อมล้อมอนธการสิ้นแสงอยู่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟิ้ว…
มีเสียงแหวกอากาศแว่วเข้ามา ธนูแสงสีแดงสายหนึ่งถูกยิงเข้ามา พุ่งตรงเข้าหาหานเจวี๋ย รวดเร็วจนแม้แต่อนธการสิ้นแสงก็ตอบสนองไม่ทัน แต่น่าเสียดายเพราะในขณะที่ลูกธนูกำลังจะโดนร่างหานเจวี๋ยก็สลายหายไป สร้างความเสียหายใดๆ ไม่ได้เลย
“อะไรกัน”
หานเย่มีสีหน้าตกใจ เขาทุ่มพลังทั้งหมดที่มีแล้ว ซ้ำยังยิงออกไปในจุดที่ไม่ทันสังเกตด้วย
เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศด้านหลังซูฉี จ้าวซวงเฉวียนยื่นมือคว้าตัวซูฉี ส่วนเต้าจื้อจุนและเจียงอี้สำแดงพลังแห่งโลกมหามรรคเข้าโจมตีหานเจวี๋ย
ภาพมายาโลกมหามรรคสองแห่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือพวกเขา ถูกซัดออกไปพร้อมฝ่ามือ แต่ก็เป็นเช่นเดียวกับธนูของหานเย่ ยามที่ใกล้จะไปถึงร่างของหานเจวี๋ยก็สลายหายไปเอง
เต้าจื้อจุนและเจียงอี้มองเห็นรัศมีแสงสีแดงฉานนั้นของหานเจวี๋ยแล้ว หัวใจพลันเต้นกระหน่ำขึ้นมา
“แย่แล้ว! พาตัวไปไม่ได้!”
จ้าวเซวียนหยวนตะโกนด้วยเสียงร้อนใจ น้ำเสียงแฝงความตระหนกลนลานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“หนี!”
เต้าจื้อจุนออกคำสั่งทันที สามพี่น้องเคลื่อนย้ายในทันใด ผลคือการเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาของพวกเขาเผชิญแรงกระแทกจากพลังอันน่าหวาดหวั่น ร่วงหล่นลงสู่แม่น้ำดวงชะตา หายลับไปในกระแสมิติเวลาอันปั่นป่วน
หานเจวี๋ยหันกลับไป พบว่าพลังวิเศษสารพัดรูปแบบพุ่งโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทาง แสงหลากสีสันเจิดจ้าแยงตาแผ่ไปทั่วห้วงอวกาศมืดมิด
อนธการสิ้นแสงอ้าปากกว้าง เกิดแรงดูดดึง พลังวิเศษสารพัดอย่างล้วนถูกดูดเข้าสู่ปาก
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์และขุนพลพินาศกระโจนเข้าใส่ร่างอนธการสิ้นแสงราวกับฝูงตั๊กแตน
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์และขุนพลพินาศที่มุ่งหน้าเข้าหาร่างอนธการสิ้นแสงดูเล็กจ้อยเหมือนมดปลวกอย่างแท้จริง เทพมหาทัณฑ์และร่างแยกของเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลสำแดงพลังวิเศษ อัญเชิญขุนพลศักดิ์สิทธิ์และขุนพลพินาศออกมาเรื่อยๆ มุ่งหน้าตามกันเข้าไปไม่ขาดสาย เป็นฉากที่ตระการตาอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยนั่งอยู่บนหัวของอนธการสิ้นแสง ชมศึกอย่างได้อรรถรสนัก
“ให้สรรพสิ่งได้เห็นความสามารถของพวกเจ้าไปพร้อมกันเถิด”
เสียงของหานเจวี๋ยดังขึ้น สำแดงพลังวิเศษเข้าฝันเข้าครอบงำสรรพสิ่ง
ทันใดนั้นสรรพสิ่งล้วนเข้าสู่ภวังค์ฝัน ต่างได้ดื่มด่ำรับชมการต่อสู้
ชั่วขณะนั้นทั่วทั้งฟ้าบุพกาลตกอยู่ในความตะลึง
หลังจากข่าวแพร่สะพัดออกไป ก็มีสรรพสิ่งเข้าชมการต่อสู้ในภวังค์ฝันมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สาวกลัทธิอันธการก็มีคนอดใจไม่ไหวเลิกต่อสู้มาชมศึกอยู่มากมายเช่นกัน พวกเขาอยากจะเห็นพลังที่แท้จริงของเจ้าแดนต้องห้ามอันธนการ
หานฮวง สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียน สามเทพมารอนธการโจมตีเข้ามาทางด้านหน้าอนธการสิ้นแสง ต่างก็สำแดงพลังวิเศษ ต้องการจะปราบอนธการสิ้นแสงให้สงบลง
อนธการสิ้นแสงที่ได้รับพลังจากเทพผู้สร้างบ้าคลั่งอย่างยิ่ง ร่างกายสั่นไหวแผ่แรงกรรมนับไม่ถ้วนออกมาในทันใด แรงกรรมผันแปรเป็นคลื่นยักษ์ซัดโถมออกไปทั่วทิศทางอย่างต่อเนื่อง
พวกหานฮวงทั้งสามถูกกดดันให้ต้องถอยหลังไป
หานหลิงปรากฏตัวขึ้นด้านบน เรือนร่างบางอ้อนแอ้นก้มมองอนธการสิ้นแสง ราวกับเทพที่ทอดมองมารร้ายในแดนมนุษย์ กองทหารจักรพรรดิพุ่งดิ่งลงมาดั่งหยาดพิรุณ เป้าหมายก็คือหานเจวี๋ย
ดวงตาทั้งสิบแปดข้างของอนธการสิ้นแสงมองขึ้นไปด้านบนอย่างพร้อมเพียง แสงสีโลหิตสายแล้วสายเล่าพุ่งออกไป มากมายนับไม่ถ้วน ทำลายกองทหารจักรพรรดิไปเรื่อยๆ ผ่านไปไม่ถึงสองลมหายใจ กองทหารจักรพรรดินับสิบล้านวอดวายลงจนสิ้น
สถานการณ์ร้ายแรงนัก!
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการยังไม่ลงมือเลยด้วยซ้ำ อาศัยเพียงอนธการสิ้นแสงก็ทำให้ฟ้าบุพกาลและอนธการจนตรอกได้แล้ว
หานฮวงโกรธเกรี้ยวนัก ไม่สามารถเข้าประชิดตัวเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้ ทำให้เขาคลุ้มคลั่งไป เขาทำได้เพียงกระตุ้นพลังวิเศษที่ไม่ได้ใช้มาเนิ่นนานขึ้นมา!
พลังปฐมยุค!
หานเจวี๋ยรับรู้ได้ว่ามีคนหยิบยืมพลังของตนอยู่ แต่เขาเมินเฉย
หากปล่อยให้หานฮวงใช้พลังปฐมยุคก็ยังพอได้ แต่ตอนนี้หานเจวี๋ยเป็นเทพผู้สร้างแล้ว
สีหน้าหานฮวงแปรเปลี่ยนมหันต์ สิ้นหวังทันที
….
ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม สิงหงเสวียน เซวียนฉิงจวิน อู้เต้าเจี้ยนและเหล่าคู่บำเพ็ญเพียรชมการต่อสู้อยู่ด้วยกัน
“ไม่อาจมองในแง่ดีได้แล้ว ผู้ทรงพลังมากขนาดนี้ลงมือพร้อมกันก็ยังทำอันใดอนธการสิ้นแสงไม่ได้เลย”
อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยอย่างเป็นกังวลนัก
สิงหงเสวียนขมวดคิ้วมองไปที่อนธการสิ้นแสง
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด นางมีความรู้สึกผูกพันกับอนธการสิ้นแสงอย่างน่าประหลาด ถึงแม้เจ้าตัวนี้จะดุร้ายยิ่ง แต่นางมองอย่างไรก็ไม่รู้สึกรังเกียจเลย
หรือจะเป็นเพราะอนธการสิ้นแสงถูกสร้างขึ้นโดยหานฮวง
“มองจากตอนนี้แล้ว ระดับห่างชั้นกันมากเหลือเกิน มีเพียงตัวตนระดับท่านพี่เท่านั้นถึงจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้” เซวียนฉิงจวินเอ่ยอย่างสะท้อนใจ
เมื่อโกลาหลผู้ทรงพลังก็ต้องออกโรง
ก่อนหน้านี้หานฮวงออกศึกเพียงคนเดียวก็ทำให้สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลหวาดผวากันมากพอแล้ว ไม่คิดเลยว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะปรากฏตัวขึ้นมาอีก
ขณะที่เหล่าสตรีวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นั้น สถานการณ์ศึกก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ฟ้าบุพกาลเริ่มปรากฏความสูญเสียแล้ว
อนธการสิ้นแสงแลบลิ้นยาวออกมา ดูราวกับสายธารแห่งดวงชะตา ตวัดม้วนไปในอวกาศ ม้วนเอาอริยะมหามรรคหลายสิบคนเข้ามา กลืนกินเข้าไป ขบเคี้ยวดังสนั่น ฉากนี้ทำให้สรรพสิ่งนับไม่ถ้วนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ฝันไม่กล้าชมต่อแล้ว
ชิงหลวนเอ๋อร์เห็นแล้วอึดอัดนักจึงเบี่ยงเบนสายตาไป
เหตุการณ์พลิกผันนี้ทำให้ฝั่งฟ้าบุพกาลรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาอย่างแท้จริง
เทพมารอนธการสามตน เก้ามหาฟ้าบุพกาลเข้าปิดล้อมโจมตีอนธการสิ้นแสงอย่างบ้าคลั่ง แต่สร้างความเสียหายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาต้องพ่ายแพ้แน่นอน
มหามรรคอัมพรโจวซ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ห่างชั้นกันมากเหลือเกิน”
ซูฉีเงียบงัน เขายังคงไม่หมดหวัง
เนื่องจากในใจเขามีความหวังอย่างหนึ่งเสมอมา
นั่นก็คือท่านอาจารย์ของเขา
ปัญาที่ฟ้าบุพกาลและอนธการจัดการไม่ได้ ขอเพียงท่านอาจารย์เขายอมออกโรงจะต้องจัดการได้แน่นอน
“พวกเจ้าก็เป็นเพียงมดปลวก อาจหาญมาต่อกรกับข้าอย่างนั้นหรือ รนหาที่ตาย!
“เหล่าผู้สร้างมรรคาที่อยู่เหนือขึ้นไปจากยอดมหามรรคเอ๋ย พวกเจ้าจะเฝ้ามองไปอีกนานเพียงใดเล่า”
เสียงของหานเจวี๋ยแว่วดังขึ้น ทำให้สีหน้าของเหล่าผู้ทรงพลังที่ต่อสู้อยู่ฉายแววตกตะลึง
เหล่าผู้สร้างมรรคาหรือ
นั่นคือระดับที่เหนือขึ้นไปจากยอดมหามรรคอย่างนั้นหรือ
หานฮวงมีสีหน้ามืดครึ้ม หรือว่าจะมีตัวตนระดับนั้นอยู่ไม่น้อยเลย
“ฮึ่ม!”
เสียงแค่นหัวเราะเย็นชาสายหนึ่งแว่วขึ้น ทำให้อริยะมหามรรคทั้งหมดจิตใจสั่นไหว
ความมืดมิดด้านบนพลันปริแยกออก ดวงตาคู่หนึ่งที่ใหญ่โตกว่าอนธการสิ้นแสงจนไม่อาจประเมินขนาดได้ปรากฏขึ้นมา ดูราวกับดวงตาสวรรค์ เย็นชาทรงอำนาจ
ผู้สร้างมรรคา มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ!
อนธการสิ้นแสงไม่สนใจผู้สร้างมรรคาอันใด ยังคงกวาดล้างอริยะมหามรรคอย่างบ้าคลั่ง เหล่าอริยะมหามรรคที่ถูกกวาดต้อนยังไม่ทันหายตกตะลึงจากการปรากฏตัวขึ้นของมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญดีก็ต้องต่อกรกับอนธการสิ้นแสงต่อ
“มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ ผู้สร้างผลาญนภา ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโผล่หัวออกมาเป็นคนแรก”
หานเจวี๋ยเผยตัวตนของอีกฝ่ายออกมาอย่างเฉยเมย สร้างความตกตะลึงให้แก่เหล่าอริยะมหามรรคจากโลกผลาญนภา
ที่แท้ก็มีผู้สร้างผลาญนภาอยู่จริงๆ!
มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญแค่นเสียงเอ่ย “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เจ้าบังอาจก่อกวนมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น!”
พอสิ้นเสียงเขา ดวงตาคู่นั้นก็หายไป มือใหญ่ยักษ์ข้างหนึ่งที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าฟ้าบุพกาลตบลงมา ฉากนี้ทำให้หานฮวงนึกถึงสถานการณ์ตอนที่เผชิญหน้ากับผู้เป็นบิดาในแบบจำลองการทดสอบก่อนหน้านี้
ใช่จริงๆ เป็นตัวตนระดับเดียวกับท่านพ่อ!