ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1119 พลังจากมิติเวลา!
บทที่ 1119 พลังจากมิติเวลา!
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล มหาเทวาพ้นนิวรณ์ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสุด จอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ไม่สามารถคุกคามหานเจวี๋ยได้เลย คู่ต่อสู้หลักของหานเจวี๋ยยังคงเป็นเจ้านวฟ้าบุพกาล
ต้องกล่าวเลยว่า เจ้านวฟ้าบุพกาลแข็งแกร่งมากจริงๆ แกร่งกว่าจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์มากนัก
ถึงจะสะกดตบะไว้แล้ว แต่พลังเวทของหานเจวี๋ยก็ยังสูงกว่าผู้สร้างมรรคามากจริงๆ แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ยังไม่สามารถข่มเจ้านวฟ้าบุพกาลได้ง่ายๆ
คุณสมบัติกายของเจ้านวฟ้าบุพกาลก็นับว่าเป็นคุณสมบัติชั้นเลิศเช่นกัน อย่างน้อยสรรพสิ่งในฟ้าบุพกาลก็เทียบเขาไม่ติด แม้แต่ฟ้าบุพกาลก็ยังถูกบุกเบิกขึ้นโดยเขา
หานเจวี๋ยไม่ได้สำแดงพลังวิเศษอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอริยะสวรรค์เกรียงไกร ใช้เพียงกฎเกณฑ์มาต่อสู้ เจ้านวฟ้าบุพกาลเองก็เช่นกัน
สำหรับพวกเขา พลังวิเศษเป็นของประดับบารมีเท่านั้น แกนหลักที่แท้จริงยังคงเป็นตัวกฎเกณฑ์
หานเจวี๋ยพลันหยุดนิ่งไป ร่างสั่นไหวเล็กน้อย ทำลายมิติเวลาอันปั่นป่วนของจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดก่อตัวเป็นมังกรยักษ์เจ็ดตัวที่มีอิริยาบถต่างกันออกไปเลื้อยวนอยู่รอบกายเขา
โลกปฐมยุคมีกฎเกณฑ์สูงสุดเก้าสาย แต่เพื่อไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผยดังนั้นเขาจึงใช้เพียงเจ็ดสาย
ผู้สร้างมรรคาล้วนมีกฎเกณฑ์เจ็ดสาย!
เจ็ดสายก็เพียงพอจะใช้ต่อกรกับเจ้านวฟ้าบุพกาลแล้ว!
เจ้านวฟ้าบุพกาลยกมือขึ้น คว้าจับกลางอากาศ ดึงกฎเกณฑ์สูงสุดเจ็ดสายที่อยู่รอบกายหานเจวี๋ยไป สาวเข้าสู่กลางฝ่ามือ แล้วซัดออกไปอย่างต่อเนื่อง แรงกดดันน่าหวาดหวั่นถาโถมใส่ผู้สร้างมรรคาอีกสี่ราย
หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายมาโผล่ด้านหลังเจ้านวฟ้าบุพกาล กลายร่างเป็นความมืดมิด เข้ากลืนกินเจ้านวฟ้าบุพกาล
ในชั่วพริบตานั้น หานเจวี๋ยชักนำเจ้านวฟ้าบุพกาลเข้าสู่ห้วงฝันอันไร้ที่สิ้นสุด เผชิญชีวิตอันผันผวนนับร้อยๆ ล้านชาติ กว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลจะทำลายความฝันอันธการได้ สี่ผู้สร้างมรรคาที่เหลือก็เพียงพอจะกลับมาทรงตัวอย่างมั่นคงได้
หานเจวี๋ยต่อสู้อย่างมีความสุขยิ่ง เจ้านวฟ้าบุพกาลไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังเลย
จากการประเมินของเขา หากเขามีตบะต่ำกว่าระดับผู้สร้างมรรคาระยะสมบูรณ์ถ้าต้องการสังหารเจ้านวฟ้าบุพกาลต้องใช้เวลาหนึ่งส่วนร้อยของหนึ่งลมหายใจ หากเปลี่ยนเป็นจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์ ในหนึ่งวินาทีเขาสามารถสังหารได้นับหมื่นนับพันครั้ง
แน่นอน นี่เป็นเพียงการสังหาร มิใช่การทำให้ดับสูญ
ผู้สร้างมรรคาสามารถฟื้นคืนชีพได้ไร้ขีดจำกัด มีชัยหรือพ่ายแพ้ไม่สามารถตัดสินกันได้ด้วยความตายเพียงครั้งเดียว
พอเห็นเจ้านวฟ้าบุพกาลถูกหานเจวี๋ยสังหารซ้ำไปซ้ำมา สี่ผู้สร้างมรรคาที่เหลือต่างอกสั่นขวัญแขวน
ที่แท้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็เหนือกว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลจริงๆ!
พวกเขาไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่านั้น ต่อให้เป็นแค่การถ่วงเวลาก็ต้องสู้ต่อไป!
บางทีหากรอจนสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลเอาชนะอนธการสิ้นแสงได้ ยุคสมัยไร้สิ้นสุดมาถึง เจ้านวฟ้าบุพกาลฝ่าทะลวงได้ในทันใดก็จะสามารถโต้กลับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้!
แผนการของพวกเขา หานเจวี๋ยย่อมเดาได้อยู่แล้ว
แต่น่าเสียดาย!
เจ้านวฟ้าบุพกาลคิดผิดไปเสียแล้ว ยุคสมัยไร้สิ้นสุดจะถูกบุกเบิกขึ้นโดยเทพผู้สร้างเท่านั้น!
….
ในส่วนลึกของฟ้าบุพกาล
อนธการสิ้นแสงที่คลุ้มคลั่งเริ่มออกอาละวาดในฟ้าบุพกาลอย่างไร้ความกริ่งเกรง มีเงาร่างนับไม่ถ้วนคอยตามติดมัน พลังวิเศษและมหามรรคนับไม่ถ้วนถาโถมลงบนร่างมัน แต่ไม่ทำให้ความเร็วของมันลดลงเลย
ระหว่างการโจมตี อนธการสิ้นแสงกลืนกินฟ้าดินและสิ่งมีชีวิตเข้าไปไม่รู้มากน้อยเพียงใดแล้ว ขนาดตัวของมันหากเทียบกับช่วงที่เพิ่งเริ่มศึก ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นเป็นร้อยเท่า มรรคาสวรรค์ทั้งใบเมื่ออยู่ต่อหน้ามันแล้วมีขนาดใหญ่เท่าดวงตาข้างหนึ่งของมันเท่านั้น
ครืน!
หานฮวงเผชิญหน้ากับอนธการสิ้นแสง สองมือโอบปากมันเอาไว้ บังคับไม่ให้มันอ้าปาก
หานฮวงที่ยามนี้อยู่ในร่างเทพมารอนธการก็มีร่างกายใหญ่มโหฬารเช่นกัน และที่เขากล้าทำลงมือเช่นนี้เพราะเห็นได้ชัดว่าอนธการสิ้นแสงจดจำเขาได้ ไม่ยอมทำร้ายเขา
ดวงตาทั้งสิบแปดข้างของอนธการสิ้นแสงมองไปที่ร่างของหานฮวง ดวงตาฉายแววสับสนไม่เข้าใจ
เมื่อหานฮวงสบตามันก็ตกอยู่ในภวังค์อย่างไม่อาจควบคุมได้
เพิ่งจะตกอยู่ในภวังค์ได้ครู่เดียว อนธการสิ้นแสงพลันสะบัดหัว เหวี่ยงหานฮวงลอยละลิ่วออกไป
สติปัญญาของอนธการสิ้นแสงต่ำเกินไป ตอนนี้มันอยู่ในสภาวะตื่นตัวตามสัญชาตญาณ ในมุมมองของมันนี่คืองานเลี้ยงอันโอชะ
หานฮวงหยุดตัวลง มองไปยังอนธการสิ้นแสง สีหน้าซับซ้อน
หากว่ากันไปแล้ว อนธการสิ้นแสงเพียงรับคำสั่งทำหน้าที่ตามที่เขามอบหมายให้ มิได้ทรยศต่อเขาเลย เพียงแต่จุดยืนในเรื่องราวนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทว่ามันไม่เข้าใจ
แสงกระบี่สายหนึ่งส่องวาบลงมาจากฟากฟ้า หวังจะฟันผ่าอนธการสิ้นแสงเป็นสองส่วน แต่ถูกลำแสงแรงกรรมที่พุ่งออกมาจากดวงตาข้างหนึ่งของอนธการสิ้นแสงทำลายล้างอย่างง่ายดาย
หลี่เต้าคงขมวดคิ้วแน่น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ
เขามั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง แต่สงครามนี้ต่อสู้กันมาเนิ่นนานปานนี้ ทุกการโจมตีของเขาล้วนล้มเหลวทั้งสิ้น
ในเวลานี้เอง มีเสียงหนึ่งแว่วเข้ามา “หลี่เต้าคง พวกเรามีวิธีแล้ว!”
หลี่เต้าคงหันหลังมองออกไป พวกเต้าจื้อจุนทั้งสามที่ถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการซัดตกสายธารกาลเวลาไปกลับมาได้แล้ว
“วิธีการใด”
หลี่เต้าคงขมวดคิ้วเอ่ยถาม เต้าจื้อจุนถ่ายทอดเสียงบอกวิธีต่อเขา พอเขาฟังจบสีหน้าพลันแปรเปลี่ยนมหันต์
เขาไม่ได้ตอบกลับในทันที แต่ตกอยู่ในความสับสนยุ่งเหยิง สีหน้าเปลี่ยนสลับไปมา
เจียงอี้ถามอย่างไม่มีความอดทน “ว่าอย่างไร ตัดสินใจได้หรือยัง”
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีเวลาให้พวกเขาคิดมากอีกต่อไป
หลี่เต้าคงมองไปยังอนธการสิ้นแสง เก้ามหาฟ้าบุพกาลถูกลิ้นยาวของอนธการสิ้นแสงโจมตีจนสลายเป็นหมอกควันไปอีกครั้ง
“ได้ ข้าเห็นด้วย!”
หลี่เต้าคงกัดฟันตอบ เต้าจื้อจุนพยักหน้ารับ จากนั้นทั้งสี่คนก็รวมตัวกัน นั่งสมาธิหันหน้าเข้าหากัน
พวกเขาเริ่มสำแดงพลังเวทก่อค่ายกล พลังรวมกันเป็นหนึ่ง ไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยไปกว่ากัน
การต่อสู้โกลาหล มีคนกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด มีคนที่รักษาอาการบาดเจ็บอยู่ มีคนที่กำลังหวาดกลัว ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขา
กองทัพส่วนใหญ่ของฟ้าบุพกาลและอนธการตามติดอนธการสิ้นแสงอยู่ตลอด ห่างไกลออกมา ผู้บำเพ็ญจากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ล้วนกระจายตัวอยู่ตามรายทางที่มุ่งไปสู่โลกมหามรรคต่างๆ สิ่งชีวิตสามัญมากมายไม่ทันตอบสนองใดๆ ก็ถูกผู้บำเพ็ญใช้สมบัติวิเศษพาหลบหนีไป นี่คือหายนะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ล้วนพุ่งเป้าไปที่สรรพสิ่งทั้งหมดไม่มีแบ่งแยก
ขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นซอกมุมใด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยมากขนาดไหน ขอเพียงมีสติปัญญาก็ล้วนรู้สึกหวาดกลัวทั้งสิ้น
กลุ่มอารยะธรรมต่างๆ ล้วนกำลังเผชิญกับความสิ้นหวังอยู่ภายในอาณาเขตความฝันของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
อารยธรรมเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ อารยธรรมชนชั้นทาส อารยธรรมเทพเซียนบำเพ็ญ วิทยาการต่างดาวตลอดจนอารยธรรมต่อสู้ชั้นสูง เมื่อตกอยู่ในหายนะครานี้ ล้วนกลายเป็นอ่อนแอเปราะบางยิ่ง
หานหลิงขวางอยู่ด้านหน้าอนธการสิ้นแสง กองทหารจักรพรรดินับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านหลังเหาะพุ่งเข้ามาพร้อมแสงเทพไร้สิ้นสุด ดวงตาของอนธการสิ้นแสงมองไปที่ร่างนาง เพิ่งจะแลบลิ้นออกมาแต่จู่ๆ ก็ชะงักไป
อนธการสิ้นแสงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นหันเหสายตาไปยังสิ่งมีชีวิตอื่น ตวัดลิ้นกวาดม้วนออกไป ม้วนเอาอริยะมหามรรคหลายคนกลับมา
คิ้วเรียวที่อยู่ภายใต้หน้ากากของหานหลิงขมวดมุ่น นางตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
นี่มิใช่ครั้งแรก มีอยู่หลายครั้งที่อนธการสิ้นแสงเกือบจะทำร้ายนางแต่ก็หยุดลงทันเวลาตลอด
นี่เป็นเพราะเหตุใดกัน
หรือว่าอนธการสิ้นแสงมีเจตจำนงส่วนหนึ่งที่หานฮวงทิ้งไว้ในร่างอยู่
หานฮวงสร้างอนธการสิ้นแสงขึ้นมาได้อย่างไร ไม่มีผู้ใดทราบ เขาเองก็ไม่ยอมบอกผู้ใดเช่นกัน
ครืน…
แรงกดดันน่าหวาดหวั่นแผ่เข้ามา ทำให้สรรพสิ่งทั้งหมดหันกลับไปมองด้วยความตกใจ แม้แต่อนธการสิ้นแสงก็หยุดลงเช่นกัน ก่อนค่อยๆ หันกลับไป
เห็นเพียงว่าเต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน เจียงอี้และหลี่เต้าคงทั้งสี่คนนั่งขัดสมาธิหันเข้าหากัน แสงเจิดจ้าแผ่ออกมาจากกายเนื้อ ก่อตัวเป็นเสาสูงใหญ่มหึมาเชื่อมต่อกับกฎเกณฑ์สูงสุด เสาลำแสงดูคล้ายบานประตูที่กำลังเปิดออกช้าๆ
เงาร่างน่าพรั่นพรึงปรากฏเลือนรางขึ้นภายในลำแสง
“นั่นคืออะไร”
จี้เซียนเสินแปลกใจ เขาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งมิติเวลา
ทันใดนั้นเขานึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าแปรเปลี่ยนมหันต์
หรือว่าเป็นคนผู้นั้น
เขาหาพวกเต้าจื้อจุนทั้งสี่พบได้อย่างไร
จี้เซียนเสินคิดไปสารพัด ล้วนไม่อาจเข้าใจได้
“คึกคักกันเสียจริง ในที่สุดข้าก็ได้มาถึงศึกบุกเบิกยุคสมัยไร้สิ้นสุดแล้ว”
น้ำเสียงเยียบเย็นแว่วดังขึ้น ในวาจาแฝงความบ้าคลั่งไว้เล็กน้อย