ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 123 ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นหก พิทักษ์มรรคกระบี่ล้านปี
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 123 ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นหก พิทักษ์มรรคกระบี่ล้านปี
หานเจวี๋ยถ่ายทอดสามกระบี่แยกเงา ย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น มหาวายุอัสนีและวิชาเทพวายุให้กับฟางเหลียงและมู่หรงฉี่
ทั้งคู่ต่างสมกับเป็นอัจฉริยะ เวลาเพียงครึ่งปีก็เชี่ยวชาญทั้งหมด
พวกเขาล้วนมีตบะอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิด หากออกไปด้านนอกเวลานี้ก็คงมีพลังที่จะปกป้องตนเองได้
ฟางเหลียงคงมีประสบการณ์ในการออกไปด้านนอกแล้วกระมัง กระทั่งเจ้ารู้ซึ้งทางโลกและละทางโลกได้แล้ว ค่อยกลับมาบำเพ็ญเพียร จะสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของฟ้าดินได้อย่างแน่นอน
มู่หรงฉี่ จากนี้ไปเจ้าก็สามารถมีส่วนร่วมในภารกิจของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ได้ จะไม่ถูกผูกมัดใดๆ จากเขาลูกนี้อีก
หานเจวี๋ยไพล่มือทั้งคู่ไว้ด้านหลัง หันหลังคุยกับทั้งสองคน
สวินฉางอันและหยางเทียนตงที่อยู่ใต้ต้นฝูซังอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้น
หานเจวี๋ยจะให้ฟางเหลียงออกไปข้างนอกหรือ
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยยอมปล่อยให้ใครลงจากเขาด้วยตนเองเช่นนี้
นัยน์ตาของหยางเทียนตงเต็มไปด้วยความอิจฉา เขาเองก็เข้าใจดีว่าตนนั้นเทียบกับฟางเหลียงไม่ได้
ฟางเหลียงตระหนกตกใจ ก่อนรีบร้อนเอ่ยขึ้น อาจารย์ปู่…เหตุใดท่านถึงไล่ข้า
มู่หรงฉี่ก็แอบประหลาดใจเช่นกัน ท่าทีของเขาไม่ต่างอะไรกับฟางเหลียง
ฟางเหลียงระมัดระวังรอบคอบ แต่มู่หรงฉี่กลับไม่ใช่ แม้กระทั่งเขายังมีความถือดีอยู่บ้าง ภายในเนื้อแท้มีความหยิ่งยโสบางส่วน เป็นความหยิ่งยโสที่ไม่ว่าสวินฉางอันจะพร่ำสอนอย่างไร ก็ไม่สามารถกำจัดความยโสนั้นออกไปได้
จากมุมของมู่หรงฉี่ พรสวรรค์ของตนโดดเด่นเป็นหนึ่ง และเขาควรจะมีชื่อเสียงทั่วทั้งใต้หล้า หาใช่มังกรที่ซ่อนอยู่ในน้ำลึก!
เหตุผลที่เขายินยอมที่จะรั้งอยู่ ก็เป็นเพราะรู้สึกว่าตบะของตนยังไม่เพียงพอ
ออกไปฝึกฝนประสบการณ์ดูสักครั้ง เมื่อใดที่คิดอยากกลับมาก็กลับมาได้ทุกเมื่อ หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ
เมื่อเป็นเช่นนี้ฟางเหลียงถึงได้รู้สึกโล่งใจ
หานเจวี๋ยไม่สนใจพวกเขาอีก หันกายกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทานทันที
อู้เต้าเจี้ยนยังคงเข้าฌานฝึกฝน นางไปเดินเล่นที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มาแล้วรอบหนึ่ง เพียงไม่นานก็รู้สึกเบื่อหน่าย เพราะอย่างนั้นนางจึงเริ่มฝึกฝนอย่างว่าง่าย
หานเจวี๋ยนั่งสมาธิบนเตียงและเริ่มฝึกฝนเช่นกัน
แม้ภายในถ้ำเทวาจะมีอู้เต้าเจี้ยนเพิ่มเข้ามา แต่ทั้งคู่พูดคุยกันน้อยมาก เวลาส่วนใหญ่ต่างคนล้วนต่างเงียบไม่กล่าววาจา ซึ่งเป็นสิ่งที่หานเจวี๋ยชอบมาก
ฟางเหลียงอยู่ต่ออีกเจ็ดวัน ก่อนจะลงจากเขาไปเพียงลำพัง
สวินฉางอันยืนอยู่ที่ริมหน้าผา เฝ้ามองเขาจากไป บนใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
เห็นท่าทางของเขาเช่นนี้แล้ว ไก่คุกรัตติกาลก็ไม่ได้หาเรื่องเขาเหมือนแต่ก่อน กลับถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า เฮ้อ เจ้าสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นนั่นจะตายแล้วหรือยังนะ เหตุใดยังไม่กลับมาอีก
หยางเทียนตงเอ่ยอย่างจนใจ ตายน่ะไม่น่าเป็นไปได้ เจ้านั่นโชคชะตาประเสริฐนัก คิดจะสังหารมันยากกว่าการปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก
ไก่คุกรัตติกาลไม่ได้โต้ตอบอะไร
…..
แปดเดือนต่อมา
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงสู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นหก
สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากการทะลวงคือใช้การแบบจำลองการทดสอบเพื่อต่อสู้กับเซวียนฉิงจวินซึ่งเขาปรับให้อยู่ในระดับมหายานขั้นสาม
ครั้งนี้ ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ไม่ได้พ่ายแพ้อีกต่อไป
หลังจากต่อสู้อยู่หลายนาที เขาก็สามารถสังหารเซวียนฉิงจวินได้สำเร็จ
หานเจวี๋ยยังคงรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แม้แต่พลังพิเศษไท่อี่ก็ถูกนำมาใช้แล้ว แต่ยังไร้หนทางที่จะสังหารเซวียนฉิงจวินในชั่ววินาที
จักรพรรดิมารเองก็คงมีตบะระดับนี้ เมื่อถึงเวลานั้นที่จักรพรรดิมารสังหารเขา หากไม่สามารถสังหารได้ภายในชั่ววินาทีคงจะยุ่งอยากไม่น้อย
ดูท่าคงถึงเวลาที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังวิเศษอีกครั้ง!
ครั้งก่อนที่เพิ่มความแข็งแกร่งนั้น ยังเป็นช่วงที่อยู่ในระดับรวมกายา ยามนี้ท่ามกลางแม่น้ำมรรคกระบี่น่าจะเข้าใกล้ได้อีกขั้นหนึ่ง
หานเจวี๋ยครุ่นคิดหลายตลบ ก่อนที่จะตัดสินใจเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ
พลังวิเศษนี้สามารถสังหารศัตรูจากระยะไกลได้ เช่นนี้หานเจวี๋ยก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยใบหน้าของตน
หานเจวี๋ยเริ่มใคร่ครวญ และหยั่งรู้ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ
เพียงไม่นานเขาก็เข้าสู่สภาวะแห่งการรู้แจ้ง
สองเดือนต่อมา
เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดขึ้นบนท้องนภา ทำให้ทั้งโลกมนุษย์เกิดความตกตะลึง แต่ในช่วงที่อยู่ในศึกสงครามระหว่างสายหลักกับสายมาร สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเป็นกังวลคือการที่ฝ่ายศัตรูมีผู้ทรงพลังทะลวงระดับ
ผู้ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ท้องฟ้าแปลกประหลาดนี้แน่นอนว่าย่อมเป็นหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยเดินทางมาที่แม่น้ำมรรคกระบี่ด้วยความรู้สึกคุ้นเคย คราวนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เขาสามารถควบคุมจิตรับรู้ของตนให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า และหยุดลงได้
ครั้งนี้ก็น่าจะได้พบกับคนผู้นั้นอีกกระมัง
หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ
เขาก้าวเดินไปข้างหน้า
เงามนุษย์เงาแล้วเงาเล่าถูกเขาแซงหน้าไปเรื่อยๆ เขาก้าวเดินไม่ช้าไม่เร็ว ในขณะที่กำลังตั้งใจอยู่นั้นภาพของผู้ฝึกสายกระบี่ก็วาบผ่านเข้ามา
ผ่านไปครู่หนึ่ง
หานเจวี๋ยมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย ปรากฏอยู่เบื้องหน้านั้น กำลังรอคอยเขาอยู่
เขารีบกล่าวทักทายในทันที ผู้อาวุโส ไม่เจอกันนาน ท่านยังสบายดีหรือไม่
อีกฝ่ายแค่นเสียงเอ่ย ก็ไม่นับว่านาน เจ้ามาอีกแล้วหรือ ครั้งนี้ข้าจะไม่ขวางเจ้า เจ้าไปรนหาที่ตายเถอะ
หานเจวี๋ยเดินมาเบื้องหน้าเขา ประสานมือยิ้มเอ่ย ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือข้าหลายครั้ง ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีนามว่าอันใด
อีกฝ่ายเงียบงัน ไม่ตอบคำถาม
ข้าบรรลุระดับฝ่าด่านเคราะห์แล้ว ไม่ช้าก็เร็วคงได้ขึ้นสวรรค์ หากมีโอกาสวันหน้าอยากตอบแทนผู้อาวุโส ด้วยตบะของผู้เยาว์ในตอนนี้ อาจไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโส แต่ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่
หานเจวี๋ยกล่าวต่อ อีกฝ่ายพิทักษ์อยู่ที่แม่น้ำมรรคกระบี่มาโดยตลอด แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่คนที่สัญจรไปมา บางทีเขาอาจจะเป็นผู้ทรงพลังที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ในแดนสวรรค์
บนแดนสวรรค์ก็มีศัตรูของหานเจวี๋ยอยู่แล้วสองคน หานเจวี๋ยก็ไม่อยากหัวเดียวกระเทียมลีบ
อีกฝ่ายแค่นเสียงเอ่ยว่า ช้าก่อน ข้าเฝ้าดูแม่น้ำมรรคกระบี่ เพียงต้องการพิทักษ์มรรคกระบี่เท่านั้น โลกมนุษย์ที่เจ้าอยู่ไม่ธรรมดา นอกจากเจ้าแล้วก่อนหน้านี้ก็เคยมีบุตรแห่งสวรรค์เดินทางมา แม้จะเดินได้ไม่ไกลเท่าเจ้า แต่ภายภาคหน้าการที่เขาจะกลายเป็นเซียนกระบี่ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
หานเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามด้วยความสงสัย คนผู้นั้นมีนามว่าอะไร
ข้าย่อมไม่อาจเอ่ยออกไปได้ แต่เขานั้นมีกรรมร่วมกับเจ้า
คำพูดนี้ทำให้หานเจวี๋ยนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา
หวงจี๋เฮ่า!
หวงจี๋เฮ่าที่มีจิตกระบี่ฟ้าประทานก็ได้ก้าวเข้าสู่ระดับสุญตาแล้ว แสดงให้เห็นถึงลักษณะของบุตรแห่งสวรรค์!
หานเจวี๋ยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก พลันเดินหน้าต่อไป
ขณะที่เขาก้าวผ่านชายลึกลับผู้นั้น เพียงแค่หนึ่งก้าวก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
เขาก้าวไปข้างหน้าต่อเนื่อง
ก้าวที่สอง!
ก้าวที่สาม!
ครั้งก่อนเขาหยุดอยู่ที่ก้าวที่สาม และไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้อีก
ครั้งนี้ หานเจวี๋ยเดินหน้าไปอีกก้าว
ก้าวที่สี่!
ก้าวที่ห้า!
แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปะทะเข้ามา ทำเอาหานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น
เขากัดฟันกรอด
เดินหน้าอีกก้าว!
ตู้ม!
จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยพลันเกิดเปลวเพลิงสีน้ำเงินลุกไหม้ขึ้นมาทันใด ทว่าเท้าของเขายังคงก้าวลงอย่างมั่นคง
เขารู้ดีว่าตนเองไม่สามารถเข้าไปได้อีกแล้ว
หลังขั้นไท่อี่ เดินหน้าอีกหกก้าว ก็เพียงพอแล้ว!
หานเจวี๋ยไม่ได้ถอยกลับในทันที แต่แบกรับแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวนั้น และค่อยๆ หันกายกลับมาอย่างช้าๆ
ชายลึกลับกล่าวชม ไม่ธรรมดา พรสวรรค์มรรคกระบี่ของเจ้า เหนือกว่าผู้ฝึกสายกระบี่ทุกคนในโลกมนุษย์
[จั้งกูซิงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
จั้งกูซิง?
กระบี่กูซิงจั้ง?
หานเจวี๋ยใคร่ครวญอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นเดินไปด้านหน้าจั้งกูซิง กล่าวว่า ขอบคุณผู้อาวุโสที่กล่าวชม ผู้เยาว์ไม่รบกวนการฝึกฝนของผู้อาวุโสแล้ว
จั้งกูซิงพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากนั้นหานเจวี๋ยจึงขับให้จิตรับรู้แตกสลายไป
ชั่วพริบตา แม่น้ำมรรคกระบี่แตกกระจายเป็นเสี่ยง หานเจวี๋ยกลับสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง
ตู้ม!
พลังวิญญาณหกสายภายในร่างของเขาพลันระเบิดออก!
ตบะของเขากลับเกิดความบ้าคลั่งขึ้น!
[ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพพลังวิเศษของท่านเพิ่มระดับขึ้นมหาศาล เลื่อนขั้นเป็นพลังวิเศษขั้นไท่อี่]
[ท่านรู้แจ้งมรรคกระบี่ พลังมรรคเพิ่มพูน]
หานเจวี๋ยโคจรวิชายุทธ์ในทันที เริ่มคล้อยตามการเลื่อนขั้น
อู้เต้าเจี้ยนลืมตาขึ้น มองไปยังหานเจวี๋ยด้วยความตกตะลึง ไม่ได้รบกวนแต่อย่างใด
เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะทำให้สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ต้องตื่นตระหนก หานเจวี๋ยเปิดเขตอาคมของระบบ ปิดกั้นถ้ำเทวาฟ้าประทาน
หลังจากผ่านไปเจ็ดวันเต็ม
ตบะของเขาไม่เพิ่มขึ้นอีก แม้ว่าเขาจะห่างจากระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นเจ็ดอีกเพียงช่วงหนึ่ง แต่ยังดีกว่าการเพียรบำเพ็ญหนักหลายปีแล้ว
ไม่เลวนี่!
หานเจวี๋ยเรียกดูค่าความสัมพันธ์เพื่อค้นหาจั้งกูซิง
[จั้งกูซิง: เซียนแท้ไท่อี่ระยะกลาง พิทักษ์มรรคกระบี่หลายล้านปีแล้ว เนื่องด้วยท่านมีคุณสมบัติมรรคกระบี่ที่ยอดเยี่ยมจึงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ทว่ายังมีความแคลงใจต่อนิสัยของท่านอย่างมาก หากท่านจงใจชวนเขาเสวนาอีกครั้ง จะทำให้เขาเกิดความเอือมระอา ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
เซียนแท้ไท่อี่!
สุดยอดไปเลย!
เมื่อหานเจวี๋ยมองเห็นหมายเหตุด้านหลัง สีหน้าท่าทางกระอักกระอ่วนอย่างอดไม่ได้
นี่ก็คือผู้แข็งแกร่งหรือ
เย็นชาชะมัด!
ครั้งหน้าหากเมินเขาไปเลย ระดับความประทับใจจะเพิ่มขึ้นหรือไม่นะ
……………………………………………………………………………………