ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 126 ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นแปด พระอาทิตย์สามดวง
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 126 ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นแปด พระอาทิตย์สามดวง
หานเจวี๋ยพับแขนเสื้อขึ้น เอ่ยราวสายลมอันแผ่วเบา ท่าน แพ้แล้ว
อย่าปรากฏระดับความเกลียดชัง!
หากปรากฏขึ้นมา เจ้าก็ตายแน่!
จี้เซียนเสินนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ราวกับถูกฟ้าผ่า แม้มุมปากของเขายังคงมีโลหิตไหลออกมา แต่เขากลับไม่ได้เช็ดมัน
สีหน้าของเขาประเดี๋ยวขึ้นสีประเดี๋ยวเผือดสีสลับไปสลับมา เห็นได้ชัดว่าภายในใจสับสนอย่างยิ่ง
จี้เซียนเสินกัดฟันเอ่ยถามว่า ท่านคือระดับมหายาน
แม้แต่ผู้บำเพ็ญสายมารระดับมหายานขั้นสี่เขาก็สังหารมาแล้ว จะพ่ายแพ้แก่คนตรงหน้าได้อย่างไร!
หรือคนผู้นี้คือระดับมหายานขั้นเก้า
หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าช้าๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ จี้เซียนเสินก็รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง แต่ยังไม่สามารถยอมรับได้ เขาพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด ข้าพ่ายแพ้แก่ผู้บำเพ็ญระดับมหายานได้อย่างไร… เพราะเหตุใดกัน …
หานเจวี๋ยอยากพูดมากว่า เพราะเจ้าอ่อนแอเกินไป!
ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นเก้าอย่างเจ้า เหตุใดถึงจะไม่มีทางพ่ายแพ้แก่ระดับมหายาน
แน่นอน ข้าเองก็ไม่ได้อยู่ในระดับมหายานเช่นกัน!
จี้เซียนเสินสูดหายใจเข้าลึกๆ จ้องมองไปที่หานเจวี๋ยแน่นิ่ง เอยว่า กวนอวี่ ท่านเป็นคนแรกที่เอาชนะข้าได้ แต่ข้าจะเอาชนะท่านสักครั้ง ข้าถูกลิขิตให้ไร้ผู้ต่อต้าน! ข้าเกิดมาก็เพื่อเป็นเทพเซียน!
หานเจวี๋ยพยักหน้าลง เอ่ยว่า ข้าเชื่อท่าน พรสวรรค์ของท่านไม่มีใครเทียบได้อย่างแท้จริง อนาคตเป็นของท่านแล้ว
สีหน้าของจี้เซียนเสินแปรเปลี่ยนเป็นดีขึ้น
[จี้เซียนเสินเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]
จี้เซียนเสินทิ้งคำพูดไว้ก่อนจากไปว่า ข้าจะพิสูจน์ว่าคำพูดของท่านนั้นถูกต้อง!
พริบตาเดียว เขาก็หายตัวไปที่ริมขอบฟ้า
หานเจวี๋ยกลับมายังถ้ำเทวาฟ้าประทาน ไม่สนใจทุกคนในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์
อู้เต้าเจี้ยนรีบวิ่งกลับเข้าไปในถ้ำเทวา เอ่ยถามด้วยความสงสัย คนเมื่อครู่นั้นแข็งแกร่งมากหรือ
หานเจวี๋ยตอบว่า แข็งแกร่งมาก เทียบได้กับระดับมหายาน
อู้เต้าเจี้ยนตกใจ
แข็งแกร่งเพียงนี้เชียว
นางก็รู้ว่าระดับมหายานเป็นขอบเขตพลังที่สูงที่สุดในโลกมนุษย์
นั่นก็หมายความว่า…
นายท่านของนางคือระดับมหายานแล้ว?
หานเจวี๋ยส่ายหน้าและยิ้มเอ่ย ข้ายังห่างไกลจากระดับมหายานนัก
แล้วเหตุใดท่านถึงโจมตีจนเขาล่าถอยได้
เพราะข้าตรากตรำฝึกฝน การสั่งสมของข้ามีมากกว่าเขา เพราะอย่างนั้นจากนี้ไปเจ้าก็จะเป็นเช่นข้า เพียงแค่เจ้าไม่หยุดฝึกฝน สะสมพลังมรรค ถึงจะสามารถเอาชนะการดำรงอยู่ของขอบเขตที่สูงกว่าเจ้า
อู้เต้าเจี้ยนจมดิ่งสู่ห้วงความคิด
หานเจวี๋ยกล่าวต่อว่า ระดับมหายานในโลกนี้ไม่มีหนึ่งแสน ก็น่าจะมีหนึ่งหมื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์และระดับรวมกายา แม้เจ้าจะแปลงกายแล้ว แต่ในความเป็นจริงก็ยังเป็นของล้ำค่าฟ้าดิน หากมีผู้ทรงพลังพบเข้า เขาจะต้องกินเจ้าแน่
อู้เต้าเจี้ยนได้ยิน ใบหน้าที่สวยงามก็ซีดเผือด
หานเจวี๋ยหลับตาลงและเริ่มฝึกฝนต่อ
การเอาชนะจี้เซียนเสินไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าตนนั้นยอดเยี่ยม ไม่สู้การรีบทะลวงระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นแปดให้ได้ในเร็ววัน ความน่าปีติยินดียิ่งใหญ่กว่า
…..
เรื่องการเอาชนะจี้เซียนเสินไม่ได้ทำให้ในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ตกอกตกใจ หลังจากที่นักพรตเต๋าจิ่วติ่งได้รู้สถานะตัวตนของจี้เซียนเสินแล้ว เขาก็แทบตกใจตาย จึงปิดบังเรื่องนี้ทันที เพราะเกรงว่าจะแพร่ออกไป
สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ห่างไกลจากจวนเซียนสวรรค์นัก ผลการต่อสู้ครั้งนี้เป็นดั่งคมมีด คมมีดที่จ่ออยู่ที่คอ!
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งให้ความสำคัญกับหานเจวี๋ยยิ่งขึ้น บางครั้งเขาก็ยังมาเปลี่ยนของล้ำค่าฟ้าดินที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนด้วยตนเอง ทั้งยังพูดคุยกับไก่คุกรัตติกาล หยางเทียนตงและสวินฉางอัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น
มู่หรงฉี่ยิ่งได้รับความสำคัญจากเขา รวมทั้งสถานะและอำนาจดั่งน้ำสูงเรือยิ่งสูงขึ้นตาม
เวลาส่วนใหญ่ของมู่หรงฉี่ก็จะกลับไปฝึกฝนที่ใต้ต้นฝูซัง จนกระทั่งจะออกไปปฏิบัติภารกิจของสำนัก
หานเจวี๋ยอุทิศตนเพื่อการฝึกฝน เตรียมที่จะฝึกฝนถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นแปดภายในครั้งเดียว
เวลาสิบสามปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด หานเจวี๋ยก็ทะลวงสู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นแปดแล้ว!
บัดนี้ เขามีอายุย่างเข้าหกร้อยปี
หานเจวี๋ยตรวจสอบตบะของสิงหงเสวียน เซียนซีเสวียน โม่จู๋และฉางเยวี่ยเอ๋อร์เล็กน้อย
ระดับต่ำสุดคือระดับปราณก่อกำเนิดขั้นห้า เซียนซีเสวียนนำหน้าไปก่อนในระดับเปลี่ยนวิญญาณ ซึ่งนับว่าไม่เลวทีเดียว
พวกนางมีความก้าวหน้าระดับนี้ นอกจากโอกาสวาสนาแล้ว ยังเป็นเพราะโชคดีได้พลังวิญญาณจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนด้วย
หานเจวี๋ยเองก็หวังว่าพวกนางจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะแข็งแกร่งมากขึ้น
เขาไม่ใช่หลงเอ้าเทียน[1] ระบบนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นระบบสมดังใจปรารถนา เขาไม่สามารถคิดค้นยาอายุวัฒนะหรือยาที่ทำให้กลายเป็นเซียนได้
หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งจี้ไน่เหอ
เขาสาปแช่งไปพลางตรวจสอบจดหมาย
[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x53111
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x58934
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x467
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านพบถ้ำเทวาของราชาปีศาจโดยบังเอิญ ได้รับโอสถปีศาจหมื่นปี]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x107666
[จี้เซียนเสินสหายของท่านล้างบางสำนักมารกลุ่มหนึ่ง ดวงชะตาเพิ่มพูน]
[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x5873
[นักพรตเต๋าชิงเสียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร ตัวตายมรรคผลสลาย]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านพบสถานที่ถกมรรคทรงพลังบรรพกาล ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของฟ้าดิน พลังมรรคพุ่งทะยาน]
…..
อ่านข้อความทั้งหมดแล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นมาร!
จำนวนครั้งที่จี้เซียนเสินถูกโจมตีก็เกินจริงไปแล้ว
บนหน้าผาเป็นเขาที่ไปเยือนถึงที่ และเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมารนับแสน
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นการตายของนักพรตเต๋าชิงเสียน คนผู้นี้คือผู้อาวุโสของสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต ครานั้นแอบเข้าไปในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เพื่อต้องการจะสังหารหานเจวี๋ย แต่สุดท้ายกลับถูกสังหารเสียเอง หลังจากนั้นก็ไม่กล้าอีก กลับช่วยให้สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตยอมจำนนต่อสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์
การตายของเขาอาจจะทำให้หลิ่วปู๋เมี่ยเสียใจมาก
นี่ก็คือดินแดนบำเพ็ญพรต ย่อมมีคนตายตกทุกเมื่อเชื่อวัน
หานเจวี๋ยเปิดดูค่าความสัมพันธ์อีกครั้ง มักจะรู้สึกว่ามีรูปประจำตัวบางส่วนหายไป โชคดีที่คนที่เขาสนใจยังคงอยู่ครบ
‘ผงคลีคละคลุ้ง คลื่นใหญ่ซัดทราย สหายเต๋าทั้งหลาย ทางของพวกท่านข้าจะก้าวแทน’
หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ เขายกมือทั้งสองขึ้น ประสานหมัดเพื่อแสดงความเคารพต่อเบื้องหน้า
ในโลกมนุษย์นี้หากจากไปครั้งหนึ่ง ยากนักที่จะมีโอกาสได้พบเจอกันอีก ยิ่งต้องชื่นชมท่านให้มากขึ้น รู้สึกประทับใจข้า ข้าจำเป็นต้องขอบคุณ
หานเจวี๋ยทอดถอนหายใจ
อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยถามด้วยความสงสัย นายท่าน ท่านกำลังทำอะไรหรือ
หานเจวี๋ยตอบว่า บอกลาสหายเต๋าผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
ใครตายหรือ
คนที่ไม่คุ้นเคยท่านหนึ่ง และอีกหลายท่านที่ข้าจดจำไม่ได้
ในเมื่อไม่คุ้นเคย ซ้ำยังจำไม่ได้ เหตุใดท่านจึงต้องบอกลา
เป็นการเตือนสติตนว่าเส้นทางบำเพ็ญนั้นอันตรายยิ่งนัก จำต้องระมัดระวังอยู่เสมอ อย่าสูญเสียความเคารพยำเกรง
อู้เต้าเจี้ยนเกิดความเคารพอย่างสุดซึ้ง ขอบเขตพลังของนายท่านสูงมากจริงๆ!
หานเจวี๋ยลุกขึ้น เดินออกไปจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน
เพิ่งจะเดินออกไป เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น
ไก่คุกรัตติกาลกลับไม่ได้อยู่บนต้นไม้ แต่กำลังนอนพังพาบฝึกฝนอยู่ที่ชายป่าในระยะไกลออกไป
หานเจวี๋ยเดินเข้าไปที่ด้านหลังของสวินฉางอัน เอ่ยถามว่า ช่วงนี้ต้นฝูซังมีการสั่นไหวหรือไม่
สวินฉางอันกำลังฝึกฝนอยู่ จึงตกใจกับเสียงของหานเจวี๋ย เขาตอบออกไปทันทีว่า มี!
เขาหันหลังกลับไปมอง เมื่อพบว่าเป็นหานเจวี๋ย จึงรีบร้อนคุกเข่าลงคารวะ
หยางเทียนตงเองก็ตกใจไปตามๆ กัน คุกเข่าลงคารวะหานเจวี๋ย
ไก่คุกรัตติกาลลืมตาไก่ของมันขึ้น เมื่อมองเห็นหานเจวี๋ย ก็รีบร้อนบินไปที่ต้นฝูซัง
หานเจวี๋ยยกมือขึ้นดึงมันมาไว้ในมือ เขาคว้าคอไก่คุกรัตติกาล แล้วเอ่ยถามว่า นานเพียงใดแล้ว
กี่ปี…
กี่ปี?
ดูเหมือนจะห้าปีแล้ว…
เจ้าเคยได้ยินไก่อบหม้อ ไก่พะโล้ ไก่ย่าง ไก่ตุ๋นเห็ดหรือไม่
หา… นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้วจริงๆ!
ไก่คุกรัตติกาลตกใจกลัวจนแทบจะร้องไห้ น้ำเสียงสะอึกสะอื้น
สิ่งที่มันกลัวที่สุดก็คือหานเจวี๋ย
แม้ว่าหยางเทียนตงและสวินฉางอันจะไม่ชอบมัน แต่เมื่อได้ยินวาจาของหานเจวี๋ย ก็รีบพากันห้ามปราม
โทษนี้ไม่ถึงตายนะ!
หานเจวี๋ยพลันเงยหน้าขึ้นทันที
ไก่คุกรัตติกาลยังคงร้องขอความเมตตา
หยางเทียนตงและสวินฉางอันเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว สวินฉางอันมีสีหน้าแปลกประหลาด เอ่ยถามเสียงต่ำว่า ข้าตายลายหรืออย่างไร เหตุใดบนท้องฟ้าถึงมีพระอาทิตย์สามดวง
………………………………………………………………………………….
[1] หลงเอ้าเทียน ใช้เพื่อเสียดสีตัวละครบางตัวในนวนิยาย การ์ตูน หรือแอนิเมชันที่มีพลังมากทันทีที่ปรากฏตัว กระทำสิ่งต่างๆ โดยไม่มีเหตุผลและสามารถฆ่าศัตรูที่ทรงพลังได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องคิด