ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 154 ระดับจักรพรรดิ ระดับเทพ เซียนทองต้าหลัว
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 154 ระดับจักรพรรดิ ระดับเทพ เซียนทองต้าหลัว
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงให้กับอู้เต้าเจี้ยน เป็นสัญญาณให้นางเข้ามาได้
เมื่ออู้เต้าเจี้ยนได้ยินก็รีบหยัดกายลุกขึ้นด้วยความดีใจ พุ่งมาทางถ้ำเทวาฟ้าประทาน
คนอื่นๆ เห็นเช่นนั้นก็เข้าใจว่าหานเจวี๋ยปิดด่านฝึกฝนเสร็จแล้ว
มู่หรงฉี่เดาะลิ้นกล่าวขึ้นว่า “ยามนี้อาจารย์ปู่จะแข็งแกร่งเพียงใดกัน นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาปิดด่านฝึกฝนนานถึงเพียงนี้”
ถึงแม้หานเจวี๋ยจะเพียรบำเพ็ญมาโดยตลอด แต่ในยามปกติก็จะสามารถมาเยี่ยมเยียนเขาได้ทุกเมื่อ
ไม่เหมือนกับครั้งนี้ หลายปีห้ามรบกวน แม้แต่อู้เต้าเจี้ยนก็ยังถูกไล่ออกมา
“ไม่แน่ใจ เกรงว่าตบะคงสูงกว่าระดับมหายานขั้นห้าแล้วกระมัง” ฟางเหลียงส่ายหน้ากล่าวขึ้น
ระดับมหายานขั้นห้า?
ราชามังกรสามหัวลอบยิ้มเยาะกับตนเอง
‘เกรงว่าอาจารย์ปู่ของพวกเจ้าคงบรรลุระดับมหายานขั้นเก้าแล้ว!’
ราชามังกรสามหัวสงสัยยิ่งนัก ทั้งที่หานเจวี๋ยเป็นผู้ที่เพียรบำเพ็ญแท้ๆ ตบะบรรลุถึงขอบเขตสูงสุดของโลกมนุษย์ แล้วเหตุใดถึงไม่ขึ้นสวรรค์
หรือว่าอยากสัมผัสประสบการณ์ไร้ศัตรูในใต้หล้า
แต่หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกนี่!
ถูหลิงเอ๋อร์เองก็ใคร่รู้เช่นกันว่าตบะของหานเจวี๋ยสูงถึงระดับใดกันแน่
อีกด้านหนึ่ง
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
อู้เต้าเจี้ยนนั่งบนเบาะรองนั่งของตนเอง มองมาทางหานเจวี๋ยอย่างสงสัยใคร่รู้ เอ่ยถามขึ้นว่า “นายท่าน ที่ท่านทะลวงคือขอบเขตพลัง หรือว่าพลังวิเศษ”
หานเจวี๋ยกำลังหลับตาฝึกบำเพ็ญ เอ่ยตอบว่า “ขอบเขตพลัง”
เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าสิ่งที่ต้นฝูซังแผ่ออกมาไม่ใช่เพียงพลังวิญญาณฟ้าดินเท่านั้น แต่ยังมีพลังวิญญาณที่มีระดับสูงยิ่งกว่าประเภทหนึ่ง พลังวิญญาณชนิดนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังวิญญาณทั่วไปมากมายหลายโข
หรือนี่ก็คือไอเซียนของแดนเซียน
มีความเป็นไปได้มาก!
ต้นฝูซังสามารถดึงดูดอีกาทองจากสวรรค์เบื้องบนให้มายังโลกมนุษย์ได้ นี่ก็หมายความว่าต้นฝูซังมีพลังวิญญาณที่สามารถช่วยสิ่งมีชีวิตบนสวรรค์ฝึกบำเพ็ญได้
หานเจวี๋ยวางใจอย่างสมบูรณ์ แม้จะเหยียบย่างเข้าสู่ระดับเซียนอิสระวัฏจักรแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถฝึกบำเพ็ญในโลกมนุษย์ได้
เขามีจุดหนึ่งที่แคลงใจเป็นอย่างมาก
ระดับเซียนอิสระวัฏจักรนั้นเท่ากับระดับเซียนอิสระหรือไม่
วัฏจักรหกระดับแบ่งออกเป็นเซียนอิสระ เซียนพิภพ เซียนสวรรค์ เซียนแท้ เซียนลึกล้ำ เซียนทอง
วัฏจักรเซียนพิภพเท่ากับเซียนพิภพไท่อี่หรือไม่
นี่ยังต้องสอบถามพี่ใหญ่
“ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเถิด ข้าต้องหยั่งรู้พลังวิเศษอีก”
หานเจวี๋ยเอ่ยตัดบทอู้เต้าเจี้ยนที่พูดจ้อไม่หยุด จากนั้นก็เริ่มหยั่งรู้ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ
อู้เต้าเจี้ยนข่มกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ และเริ่มฝึกบำเพ็ญเช่นกัน
หลายวันต่อมา
หานเจวี๋ยเข้าสู่แม่น้ำมรรคกระบี่ ครั้งนี้ เขาไม่ได้ดึงดูดเหตุการณ์ประหลาดฟ้าดิน เพราะเขาอยู่เหนือสรรพชีวิตแล้ว มรรคาสวรรค์ไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว
เขาเร่งฝีเท้ามาหยุดลงตรงหน้าจั้งกูซิง
จั้งกูซิงเอ่ยขึ้นยิ้มๆ ว่า “เจ้าหนูนี่มาอีกแล้ว เจ้า…ระดับเซียนอิสระ! เจ้าขึ้นสวรรค์แล้วหรือ”
ประโยคหน้าเขายังเอ่ยอย่างราบเรียบยิ่งนัก ทว่าน้ำเสียงครึ่งประโยคหลังกลับแผดสูงขึ้นฉับพลัน
หานเจวี๋ยเอ่ยถามยิ้มๆ ว่า “ผู้อาวุโส ข้าอยากจะถามท่าน เหนือเซียนอิสระคือเซียนพิภพ หรือว่าเซียนพิภพไท่อี่”
จั้งกูซิงสงบสติอารมณ์ เอ่ยตอบว่า “ย่อมเป็นเซียนพิภพไท่อี่อยู่แล้ว เหนือขึ้นไปคือเซียนสวรรค์ไท่อี่ เซียนแท้ไท่อี่ เซียนลึกล้ำไท่อี่และเซียนทองไท่อี่”
“ไท่อี่คือผลมรรค รังสรรค์ขึ้นโดยสำนักเต๋า ยามเมื่อสำนักเต๋าเจริญรุ่งเรือง บุกเบิกระบบฝึกบำเพ็ญ ผลมรรคไท่อี่หยั่งลึกในกฎเกณฑ์มรรคาสวรรค์”
หานเจวี๋ยเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
เขายังคิดว่าเหนือวัฏจักรหกระดับถึงจะเป็นระดับไท่อี่ วาจาเช่นนั้นช่างขู่ขวัญคนเกินไปแล้ว
ก็จริง
เขาเป็นเซียนกระบี่หวนคืน ทางที่ก้าวเดินไม่ใช่ระบบทั่วไป
หานเจวี๋ยถามต่อว่า “เหนือไท่อี่คือต้าหลัว?”
ในนิยายเทพเซียนล้วนเป็นระบบเช่นนี้ทั้งนั้น ในเอกสารลัทธิเต๋าก็เคยกล่าวถึงไท่อี่และต้าหลัวว่าเทียบเคียงกัน เพียงแต่ไม่ใช่ระบบเดียวกัน
จั้งกูซิงเอ่ยตอบว่า “ในยุคไร้อารยะ จริงอยู่ที่เหนือไท่อี่คือต้าหลัว ทว่าในกาลเวลาอันยาวนานปรากฏผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาใช้พลังมรรคของตนยกระดับความแข็งแกร่งของขอบเขตพลัง ถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น เปลี่ยนแปลงระดับฝึกบำเพ็ญ ยามนี้ระหว่างไท่อี่และต้าหลัวยังคั่นกลางด้วยระดับจักรพรรดิ ระดับเทพ บรรลุจักรพรรดิเซียน สามารถกระโจนพ้นออกจากหกแดน ทะลวงผ่านหมื่นโลกใต้หล้าอย่างอิสระ ไม่ติดข้อจำกัดกฎเกณฑ์มรรคาสวรรค์ ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องอายุขัยอีกต่อไป จักรพรรดิเซียนเป็นการมีอยู่ที่เหนือสุดในสวรรค์เบื้องบน แม้ว่าตัวจักรพรรดิเซียนจะตายไป แต่หากวิญญาณของเขายังมีอยู่เพียงเสี้ยว ก็สามารถบุกฝ่าออกมาจากวัฏจักรได้ใหม่ โดยไม่ถูกวัฏจักรดับกลืนจิตมรรค”
เมื่อเอ่ยถึงจักรพรรดิเซียน น้ำเสียงของจั้งกูซิงก็เปี่ยมไปด้วยความอิจฉา
หานเจวี๋ยอดนึกถึงมู่หรงฉี่ไม่ได้
ชาติก่อนเจ้าหมอนี่ถูกจักรพรรดิเซียนกลุ่มหนึ่งล้อมโจมตีจนตาย หรือเขาจะบรรลุถึงระดับที่สูงยิ่งกว่าระดับเทพแล้ว
หานเจวี๋ยเอ่ยถามว่า “ระดับเทพเล่า อะไรคือระดับเทพ”
จั้งกูซิงเอ่ยตอบว่า “ระดับเทพคือเพลิดเพลินโชคชะตา สร้างขึ้นจากเครื่องบูชาโลกมนุษย์ โชคชะตาไม่มอดดับ ต่อให้ขวัญหลุดวิญญาณกระเจิงก็ยังสามารถฟื้นคืนชีพใหม่ได้ โค่นยากยิ่งกว่าจักรพรรดิเซียน ด้านความแข็งแกร่งในพลังเวท ก็กล้าแกร่งยิ่งกว่าระดับจักรพรรดิ ผู้ทรงพลังที่บรรลุระดับเทพในอดีตล้วนรังสรรค์ฟ้าดินที่เป็นของตนขึ้นมาแห่งหนึ่ง”
“ส่วนเซียนทองต้าหลัว นั่นก็คือการมีอยู่ระดับสูงสุด ตำนานกล่าวว่าเซียนทองต้าหลัวแล่นโคจรอยู่เหนือสามพันกฎเกณฑ์ สามารถเหาะเหินอยู่ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์ ผลกรรมกาลเวลา”
หานเจวี๋ยฟังจนรู้สึกทึ่งทั้งที่ไม่เข้าใจ
ในใจกำหนดเป้าหมายเล็กๆ หนึ่งเป้าหมาย
เซียนทองต้าหลัว!
จั้งกูซิงเปลี่ยนประเด็น เอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจว่า “เจ้าอายุยังไม่ถึงพันปีก็บรรลุเซียนอิสระแล้ว ด้วยคุณสมบัติของเจ้าหากข้ามผ่านเคราะห์แห่งการสำเร็จมรรคผลได้ ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถบรรลุเซียนพิภพไท่อี่ได้ทันที เจ้าไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรือ”
หานเจวี๋ยพยักหน้า กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกท่านหรือว่า จูเชวี่ยกำลังรอข้าอยู่บนสวรรค์ ข้าไม่อยากส่งตัวเองไปตาย และยิ่งไม่อยากลบชื่อเพื่อเริ่มใหม่”
“ลบชื่อเพื่อเริ่มใหม่?”
“กลับมาเกิดใหม่นั่นแหละ”
“อ้อ”
ทั้งคู่จมสู่ความเงียบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง
หานเจวี๋ยเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า “วังสวรรค์กวาดล้างโลกมนุษย์คือกวาดล้างอย่างไรหรือ เผาทำลายโลกมนุษย์ทันที หรือว่าฆ่าล้างเหล่าสรรพชีวิต”
จั้งกูซิงเอ่ยตอบว่า “ฆ่าล้างสรรพชีวิต การก่อร่างสร้างฟ้าดินโลกมนุษย์แห่งหนึ่งต้องใช้เวลามากมายหลายปี มูลค่าของการเผาทำลายสูงเกินไป โดยทั่วไปแล้วเพียงส่งแม่ทัพสวรรค์ทหารสวรรค์ไปสังหารสรรพชีวิตให้สิ้นซาก แล้วค่อยนำเอาสิ่งมีชีวิตจากโลกมนุษย์อื่นๆ เข้ามา เริ่มวงจรวัฏจักรใหม่ สำหรับมรรคาสวรรค์โลกมนุษย์แล้ว สรรพชีวิตก็คือมรรคาสวรรค์ สรรพชีวิตดับสิ้น มรรคาสวรรค์มอดดับ”
“แล้วแม่ทัพสวรรค์ทหารสวรรค์ที่วังสวรรค์ส่งมาแข็งแกร่งเพียงใดกัน”
“ส่วนใหญ่เป็นเซียนพิภพไท่อี่ที่นำทัพ ภายใต้สถานการณ์ขั้นสูงสุดบางอย่าง ก็จะส่งให้เซียนสวรรค์ไท่อี่ออกโรง”
หานเจวี๋ยรู้สึกถึงแรงกดดัน
เขาเอ่ยถามอีกสองสามคำถาม จั้งกูซิงบอกทุกสิ่งที่รู้แก่เขาทุกอย่าง
หานเจวี๋ยขอตัวลา ก่อนมุ่งหน้าเดินต่อไป
หลังจากบรรลุเซียนอิสระวัฏจักร เขากลับอยากลองดูว่าตนจะเดินไปได้ไกลสักเพียงใด
จั้งกูซิงมองเงาร่างของหานเจวี๋ย ลอบตั้งตาคอยกับตัวเอง
‘เจ้าหนูนี่จะไปได้ไกลสักเพียงใด’
เบื้องหน้าหานเจวี๋ยพลันผุดอักขระบรรทัดหนึ่งขึ้นมา
[ความประทับใจที่จั้งกูซิงมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3.5 ดาว]
หานเจวี๋ยระบายยิ้มออกมาน้อยๆ
คิดไว้ไม่มีผิด!
ความแข็งแกร่งถึงจะเป็นทักษะการเข้าสังคมที่ดีที่สุด!
…
เมื่อกลับมาภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพของหานเจวี๋ยเกิดการเปลี่ยนแปลง ไกลลิบกว่าที่ผ่านมา!
หลังจากเพิ่มความแข็งแกร่งในการรู้แจ้งแล้ว หานเจวี๋ยรีบจำลองการทดสอบทันที ประลองกับยายเมิ่งหนึ่งยก
เฮือก ถูกยายเมิ่งปลิดชีพในพริบตาอีกครั้ง!
หานเจวี๋ยประลองกับเซวียนฉิงจวินอีกหนึ่งยก ปลิดชีพในทันที
ไม่ตื่นเต้นเลย
หานเจวี๋ยอยากเจอกับเซียนอิสระสักท่านหนึ่งโดยเร็ว เพื่ออยากทดสอบความแข็งแกร่งของตน
‘แย่แล้ว มรรคจิตไม่นิ่งแล้ว ข้าไม่ควรหนีห่างอันตรายหรือ’
หานเจวี๋ยลอบระวังตนเอง รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก
‘มรรคาสวรรค์หลอกล่อข้าอีกแล้ว!’
หานเจวี๋ยสงบสติอารมณ์ ไม่คิดอะไรอีก และไม่ทำอะไรทั้งนั้น
กระทั่งหลังจากที่จิตใจของเขานิ่งดุจสายน้ำ คราวนี้เขาจึงหยัดกายลุกเดินออกไป
เมื่อออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน กลุ่มคนที่อยู่ใต้ต้นฝูซังก็พากันหยัดกายลุกขึ้น
“อาจารย์!”
“อาจารย์ปู่!”
เมื่อถูหลิงเอ๋อร์ได้ยิน ก็พลอยลืมตามองไปทางหานเจวี๋ยด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับหานเจวี๋ย
‘ช่างเป็นบุรุษที่รูปงามนัก!’
ถูหลิงเอ๋อร์ถูกทำให้ตกตะลึงนิ่งอึ้ง ต่อใหเป็นจวนเซียนสวรรค์ก็ไม่มีชายหนุ่มใดที่หล่อเหลาได้ถึงเพียงนี้
[ถูหลิงเอ๋อร์เกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความความประทับใจขณะนี้คือ 4 ดาว]
………………………………………………………………