ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 23 ได้ถ้ำเทวาฟ้าประทาน เป้าหมายคือระดับรวมแก่นปราณ
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 23 ได้ถ้ำเทวาฟ้าประทาน เป้าหมายคือระดับรวมแก่นปราณ
หานเจวี๋ยกล่าวตอบว่า “ผู้เยาว์ไม่ได้ดีใจเพราะได้อันดับสาม เพียงแค่ตื่นเต้นมากที่ได้มาเยือนยอดเขาหลักเป็นครั้งแรก อาจารย์ก็ไม่ได้สั่งให้ข้าชิงแค่สามอันดับแรกเช่นกัน ข้าเข้าเป็นศิษย์ในยอดเขาช้า แม้ว่าจะได้เป็นศิษย์สืบทอด แต่อาจารย์บอกให้พยายามเต็มที่ก็พอแล้ว”
เซียนเฒ่าเต้าเหลยแค่นเสียงหยัน ชัดเจนว่าไม่เชื่อ
โจวฝานเป็นศิษย์สืบทอดของเขา หานเจวี๋ยเอาชนะโจวฝานได้ แต่กลับขอยอมแพ้ นี่เป็นการหักหน้ายอดเขาอัสนีสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเขาเป็นผู้อาวุโส จึงไม่อาจตำหนิตรงๆ ได้
หานเจวี๋ยส่งยิ้มสุภาพไปให้ศิษย์สองคนนั้น
คนทั้งสามไม่ได้สนทนากันมากนัก สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่เหมาะจะพูดคุยกันด้วย
ไม่นานนัก
พวกเขาก็เข้าไปยังยอดเขาหลัก
เซียนเฒ่าเต้าเหลยพาพวกเขาไปพบนักพรตเต๋าจิ้งซวี จากนั้นตนเองจึงออกไปก่อน
“สามอันดับแรกของการทดสอบสำนักฝ่ายในจะได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์อัจฉริยะ นอกจากนั้น พวกเจ้ายังเลือกถ้ำเทวาฟ้าประทานได้ โดยให้อันดับที่หนึ่งเป็นผู้เลือกก่อน”
นักพรตเต๋าจิ้งซวีกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก นางชำเลืองมองหานเจวี๋ยอย่างไร้พิรุธ
เจ้าเด็กคนนี้ได้อันดับสามเสียด้วย
ดูท่าเสวียนเอ๋อร์จะมองคนไม่ผิด
พรสวรรค์ของเขาดีเยี่ยมจริงๆ
ศิษย์อีกสองคนไม่แปลกใจอะไร เห็นได้ชัดมากว่าพวกเขารู้เรื่องถ้ำเทวาฟ้าประทานมาก่อนแล้ว
นักพรตเต๋าจิ้งซวีโบกมือขวาหนึ่งที เบื้องหน้าปรากฏภาพขึ้นมา แบ่งเป็นถ้ำเทวาฟ้าประทานสามแห่ง
ถ้ำเทวาฟ้าประทานทั้งสามนี้อยู่รอบขอบนอกของภูเขากลุ่มหนึ่ง หานเจวี๋ยกวาดตามอง คาดว่าน่าจะเป็นแผนที่ของสำนักหยกพิสุทธิ์
‘นี่เตรียมจะให้พวกเราเป็นคนอารักขาหรือ’
หานเจวี๋ยแขวะในใจ ถ้ำเทวาทั้งสามอยู่รอบยอดเขาทั้งสิบแปดอย่างพอดิบพอดี
แขวะก็ส่วนแขวะ แต่ถ้ำเทวาฟ้าประทานก็มีแรงดึงดูดสูงจริงๆ เทียบเท่ากับสระวิญญาณที่ต้องเสียเงินเลย หานเจวี๋ยแข็งใจอดทนไว้
ตอนนี้เขามีอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทอง ไม่กลัวการคุกคามอีก
นักพรตเต๋าจิ้งซวีเริ่มแนะนำถ้ำเทวาทั้งสามแห่ง
ถ้ำเทวาฟ้าประทานแห่งแรกมีพลังวิญญาณอัคคีและพลังวิญญาณวายุหนาแน่นยิ่ง
ถ้ำเทวาฟ้าประทานแห่งที่สองมีพลังวิญญาณวารี พลังวิญญาณอัคคี และพลังวิญญาณพฤกษาค่อนข้างมาก
ถ้ำเทวาฟ้าประทานแห่งที่สาม แม้ว่าความหนาแน่นของพลังวิญญาณจะมากถึงระดับสระวิญญาณ แต่ธาตุของพลังวิญญาณผสมปนเปกัน
ไม่ผิดจากที่คาดไว้
ถ้ำเทวาฟ้าประทานแห่งที่สามตกเป็นของหานเจวี๋ย
ผู้บำเพ็ญที่มาถึงจุดนี้ได้ล้วนเป็นอัจฉริยะที่มีรากวิญญาณสามหรือสี่สาย ทว่าฝึกฝนพลังวิญญาณสายเดียว ดังนั้นต้องเลือกถ้ำเทวาฟ้าประทานสองแห่งแรกอยู่แล้ว
หานเจวี๋ยไม่มีสิทธิ์เลือก แต่กลับได้ถ้ำเทวาฟ้าประทานที่เหมาะกับตนเองที่สุดมา
หลังจากเลือกถ้ำเทวาฟ้าประทานเสร็จสิ้น หานเจวี๋ยก็ได้รับยันต์หนึ่งแผ่น
เมื่อฉีกยันต์ออกจะพบจุดหมาย
ทั้งสามคนคารวะแล้วจากไป
เมื่อออกมาจากตำหนักใหญ่ หานเจวี๋ยฉีกยันต์ทันที นกพิราบสีทองตัวหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะบินไปยังที่ไกลๆ หานเจวี๋ยรีบตามไปโดยเร็ว
อีกสองคนที่เหลือก็คำนับกันและกัน จากนั้นแยกย้ายไป
…
หลังจากบินตามพิราบทองไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดหานเจวี๋ยก็หาถ้ำเทวาฟ้าประทานพบ
ถ้ำเทวานี้ตั้งอยู่กลางป่าเขา ครั้นพิราบทองบินเข้าไปในกำแพงภูเขา กำแพงภูเขาพลันเปล่งแสงประกาย หานเจวี๋ยรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณ คาดว่าเมื่อก่อนคงมีค่ายกลวางไว้
กำแพงภูเขาแปรเปลี่ยนเป็นปากถ้ำ หานเจวี๋ยเดินเข้าไปด้านในทันที
ทางเดินในถ้ำรองรับคนได้สามสี่คนพร้อมกัน เดินไปได้ห้าสิบก้าว เขาก็เห็นห้องด้านในถ้ำ ห้องด้านในใหญ่มาก ผนังถ้ำเปียกชื้น ยอดบนสุดมีช่อง มีลมหนาวพัดเข้ามา ตรงกลางห้องยังมีสระน้ำไอร้อนลอยกรุ่น มีพืชน้ำขึ้นอยู่ไม่น้อย
หานเจวี๋ยสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่หนาแน่น ไม่ด้อยไปกว่าสระวิญญาณของสำนักฝ่ายในเลย ถึงขั้นเข้มข้นกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ
พลังวิญญาณทั้งหกสายล้วนมีหมด!
หานเจวี๋ยพอใจยิ่งนัก
เขานำอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองออกมาสวมใส่ แล้วจึงค่อยคลุมด้วยชุดคลุมของสำนักหยกพิสุทธิ์
เมื่อสวมใส่สมบัติวิญญาณชิ้นนี้ หานเจวี๋ยรู้สึกได้ว่าคุณลักษณะประจำตัวเปลี่ยนไป
รู้สึกว่าปลอดภัยมาก!
หานเจวี๋ยยิ้มดีอกดีใจ ก่อนจะเดินไปที่ปากถ้ำอีกครั้ง
เขาเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน
ถ้ำเทวาที่เป็นของเขาโดยเฉพาะ ถึงอย่างไรก็ต้องมีชื่อ!
เขาใช้นิ้วแทนกระบี่ สลักอักษรไว้บนปากถ้ำ
อดทนเพื่อทะเลกว้างฟ้ากระจ่าง[1]!
หานเจวี๋ยพยักหน้าอย่างพอใจ เขียนตัวอักษรได้ไม่เลว ยิ่งใหญ่ทรงพลัง สะท้อนให้เห็นปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งของเขาได้
หลังจากตั้งชื่อเรียบร้อย หานเจวี๋ยตัดต้นไม้แถวนั้นมา เขาต้องการสร้างพวกโต๊ะเก้าอี้ตั่งเตียง
…
ณ ตำหนักหยกวิเวก
เซียนซีเสวียนมีสีหน้าเรียบนิ่ง
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กำลังเล่าเรื่องการทดสอบของสำนักฝ่ายในอยู่ด้านหน้านาง
เมื่อได้ยินว่าหานเจวี๋ยเข้ารอบสามอันดับแรกแล้วขอยอมแพ้ มุมปากของนางกระตุกอย่างอดไม่ได้
‘เจ้าเด็กนี่…
จะไร้ความเด็ดเดี่ยวเกินไปแล้ว!’
เซียนซีเสวียนชื่นชมใจที่มุ่งสู่มรรคของหานเจวี๋ย แต่ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดเขาถึงกลัวการเป็นจุดสนใจถึงเพียงนี้
ปอดแหกอย่างไม่มีเหตุผล!
จุดสำคัญคือรูปร่างหน้าตาของหานเจวี๋ยสะดุดตาอย่างยิ่ง ไม่อยากเป็นที่สนใจนั้นคงยาก
“ท่านอาจารย์ หรือว่าศิษย์น้องหานจะเคยถูกข่มเหงในวัยเด็ก” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ถาม
เซียนซีเสวียนคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง
ดูเหมือนว่าต้องไปถามผู้เฒ่าเถี่ยเสียหน่อย
หรือว่าผู้เฒ่าเถี่ยจะเคยกดขี่ข่มเหงหานเจวี๋ย?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของเซียนซีเสวียนเย็นชาขึ้นทันที
เดิมทีนางก็ไม่ได้ชอบผู้เฒ่าเถี่ยอยู่แล้ว หากไม่ใช่ว่าเขาสร้างคุณงามความดีไว้นอกสำนักละก็ แม้จะเข้าสำนักฝ่ายในได้ด้วยระดับสร้างฐาน ก็ไม่มีใครเต็มใจรับไว้ เพราะว่าคุณสมบัติต่ำเกินไป
…
หลังการทดสอบของสำนักฝ่ายในสิ้นสุด หานเจวี๋ยไม่ได้ทำอะไรที่ส่งผลกระทบมากเกินไป ศิษย์ทั้งหลายพูดถึงเขาก็เพียงหัวเราะแล้วปล่อยผ่าน
หานเจวี๋ยไม่ได้ไปที่เมืองสำนักฝ่ายในอีกเช่นกัน เอาแต่ฝึกบำเพ็ญอยู่ในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
เขาเตรียมจะเข้าสู่ระดับรวมแก่นปราณในเร็ววัน!
พลังวิญญาณทั้งหกสายของเขาถึงระดับสร้างฐานขั้นเก้าแล้ว ต้องทำเพียงฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์ ก็จะสำเร็จระดับรวมแก่นปราณได้
หานเจวี๋ยฮึกเหิมฮึดสู้
หากทะลวงถึงรวมแก่นปราณ เขาจะสำแดงพลังวิเศษของวิชาวัฏจักรหกวิถีได้
วิชาวัฏจักรหกวิถีมีพลังวิเศษในตัวเอง แต่ต้องไปถึงขอบเขตพลังระดับหนึ่งก่อน เมื่อถึงระดับรวมแก่นปราณจะได้พลังวิเศษชนิดหนึ่งเอง!
ครึ่งเดือนต่อมา
มีคนมาเยี่ยมเยือน
นั่นคือโม่ฟู่โฉวกับโจวฝาน
ทั้งสองมองตัวอักษรที่สลักบนปากถ้ำ พลันตกอยู่ในสภาพพูดไม่ออก
อดทนเพื่อทะเลกว้างฟ้ากระจ่าง…
ก็สมกับความแข็งแกร่งของเขาแล้ว
“สหายหาน โม่ฟู่โฉวมาเยี่ยมเยียน!” โม่ฟู่โฉวคารวะพลางตะโกนบอก
ผ่านไปหลายอึดใจ ประตูถ้ำถึงเปิดออก
ทั้งสองคนเดินเข้าไปทันที
ได้พบกับหานเจวี๋ยอีกครั้ง ทั้งสองเห็นเขานั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่ริมสระ
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นพลางถาม “สหายทั้งสองมาหาข้ามีเรื่องอันใด”
โจวฝานจ้องมองหานเจวี๋ยด้วยความสับสน
โม่ฟู่โฉวยิ้มเอ่ยว่า “ระยะนี้ความขัดแย้งระหว่างลัทธิมารฟ้ามืดกับสำนักหยกพิสุทธิ์ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกที ไม่รู้เมื่อใดจะเกิดสงครามเต็มรูปแบบ พวกเราอยากชวนท่านมาทำภารกิจด้วยกัน ไปกำจัดสาขาของลัทธิมารฟ้ามืดแห่งหนึ่ง เล่ากันว่าสาขานั้นมียาวิเศษโอสถวิญญาณไม่น้อย สามารถช่วยท่านฝึกฝนได้”
ก่อนมาที่นี่ โม่ฟู่โฉวคิดเอาไว้แล้ว
หากอยากจะกระตุ้นหานเจวี๋ย อย่างไรก็ต้องหยิบยกเรื่องการฝึกฝนมาพูด
หานเจวี๋ยส่ายหน้าตอบกลับ “ขอบใจในน้ำใจของพวกท่านมาก แต่ช่วงนี้ข้ายังไม่อยากออกไป ข้าต้องปิดด่านทะลวงระดับ”
ปิดด่านทะลวงระดับ?
ทั้งสองชะงักไป
โจวฝานทนไม่ไหวถามขึ้นมา “ท่านจะทะลวงระดับรวมแก่นปราณรึ”
หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ
“ไม่ง่ายนักที่จะทะลวงระดับรวมแก่นปราณ เคราะห์สวรรค์ที่ต้องเผชิญน่ากลัวยิ่งกว่าระดับสร้างฐาน ท่านจำต้องพึ่งโอสถฝ่าด่านเคราะห์ ลดทอนพลังอัสนีสวรรค์ ทำมรรคจิตให้เสถียร” โม่ฟู่โฉวกล่าวเตือน
โจวฝานเสริมตามว่า “ภารกิจครั้งนี้สำคัญอย่างยิ่ง หากพวกเราทำออกมาดี ต้องสร้างคุณงามความดีได้แน่ วันหน้าฐานะตำแหน่งในสำนักหยกพิสุทธิ์ก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังได้สร้างชื่อเสียงในแดนบำเพ็ญพรตด้วย”
[ท่านได้รับคำเชิญชวนของศิษย์สำนักเดียวกัน เผชิญหน้ากับลาภยศชื่อเสียง ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ตอบรับพวกเขา ร่วมสร้างคุณูปการ จะได้รับหินวิญญาณชั้นต่ำหนึ่งก้อน]
[สอง ปฏิเสธพวกเขา ฝึกฝนอย่างเงียบๆ จะได้รับอาวุธเวทหนึ่งชิ้น]
จู่ๆ เบื้องหน้าหานเจวี๋ยก็ปรากฏตัวอักษรขึ้นสามบรรทัด
นี่…
ยังต้องเลือกอีกหรือ?
หานเจวี๋ยกล่าวด้วยวาจาอันชอบธรรม “ต้องขออภัยด้วย ข้าไม่สนใจลาภยศชื่อเสียง เพียงอยากตั้งใจฝึกฝน หากในอนาคตสำนักหยกพิสุทธิ์พบเรื่องลำบาก ข้าจะบุกไปโดยไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ แต่ในตอนนี้ ข้าไม่อยากไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์!”
………………………………………………………………
[1]มาจากประโยคเต็มคือ อดทนเพียงนิดคลื่นลมสงบ ยอมถอยหนึ่งก้าวผืนฟ้าทะเลจะเปิดกว้าง หมายถึง หากสงบใจอดทนไว้และยอมถอยให้อีกฝ่าย ก็จะผ่านเรื่องราวไปได้อย่างราบรื่น