ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 235 พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ หานเจวี๋ยที่ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 235 พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ หานเจวี๋ยที่ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา
“ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเจ้าก็ฝึกบำเพ็ญอยู่บนเขา หากไม่มีการยินยอมจากข้าห้ามลงเขาไป เข้าใจหรือไม่”
หานเจวี๋ยมองพี่น้องทั้งแปดที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ
สีหน้าของเขาอ่อนโยน แต่น้ำเสียงน่าเกรงขามมาก
พี่น้องทั้งแปดคนรีบรับรองว่าจะไม่ลงจากเขาเด็ดขาด
พวกเขายังไม่ตระหนักว่ากฎข้อนี้เป็นเวลานานเพียงไหน ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หลังจากเปลี่ยนร่างแล้วทุกสิ่งล้วนน่าสนใจไปหมด
หานเจวี๋ยเดินมานั่งขัดสมาธิใต้ต้นฝูซัง โบกมือเป็นสัญญาณบอกให้แปดพี่น้องเข้ามา
พี่น้องทั้งแปดเข้ามาหาอย่างว่านอนสอนง่าย อยากรู้มากว่าหานเจวี๋ยจะพูดอะไร
คนอื่นๆ กลับเข้าใจดีว่าหานเจวี๋ยจะถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้กับพวกเขา
หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจถ่ายทอดวิชาวัฏจักรหกวิถีให้พวกเขา
เขาฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถีใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ที่พึ่งที่สำคัญที่สุดของเขาไม่ใช่วิชาวัฏจักรหกวิถี และก็ไม่กลัวพี่น้องทั้งแปดจะเหนือกว่าด้วย
อีกอย่าง เขาค่อยๆ สอนทีละขั้นได้
วิชายุทธ์อื่นของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็ไม่เหมาะกับพี่น้องทั้งแปดคน
พี่น้องทั้งแปดไม่เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ละคนมีวิชาสืบทอดระดับเซียนของตัวเอง
หานเจวี๋ยไม่กังวลว่าแปดพี่น้องน้ำเต้าจะทรยศตัวเอง เขาลงตราประทับหกวิถีไว้ก่อนที่พวกเขาจะถือกำเนิดออกมาแล้ว
ใช้เวลาไปหนึ่งวัน หลังจากถ่ายทอดเคล็ดพลังภายในของวิชาวัฏจักรหกวิถีให้พี่น้องน้ำเต้าทั้งแปดคนแล้ว หานเจวี๋ยก็กลับไปฝึกบำเพ็ญในถ้ำต่อ
หานเจวี๋ยคาดหวังในตัวพี่น้องทั้งแปดมาก
ด้วยคุณสมบัติของพวกเขา น่าจะผงาดขึ้นมาได้ในอีกไม่ช้า
วันหน้าหากโลกเขย่าพิภพมีภัย พวกเขาก็ช่วยลงมือได้
พรสวรรค์ของพี่น้องน้ำเต้าทั้งแปดทำให้คนที่เหลือรู้สึกได้ถึงวิกฤต รวมถึงหลงเฮ่าด้วย
……
สี่สิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับเซียนทองวัฏจักรขั้นสมบูรณ์แล้ว
ในวันนี้ เขาลืมตาขึ้นแล้วนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบจดหมายไปด้วย
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญนิกายเจี๋ย ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ลี่เหยาสหายของท่านเข้าร่วมวังสวรรค์]
[ฟางเหลียงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x140,234
[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านสำเร็จดวงชะตาเทพสงคราม พลังมรรคเพิ่มพูน]
[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียน] x17
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง]
[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเผชิญกับการโจมตีจากทหารสวรรค์] x3,281
[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกดูดซับความโชคร้าย คุณสมบัติเทพอ่อนแอลง]
……
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
‘เกิดอะไรขึ้นกับซูฉี ความโชคร้ายถูกดูดซับหรือ’
หานเจวี๋ยกังวลมาก แต่เขาไม่รู้ว่าซูฉีอยู่ที่ไหน อยากจะช่วยก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
‘เหตุใดเจ้าเด็กนี่ถึงไม่ใช้วิชาอัญเชิญเทพ
หรือว่าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์นั่นจะมีจักรพรรดิเซียน’
หานเจวี๋ยยังเห็นด้วยว่านิกายเจี๋ยเปิดศึกกับวังสวรรค์แล้ว
หานเจวี๋ยนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาติดต่อกับตี้ไท่ไป๋
ไม่นานนัก พลังจิตของตี้ไท่ไป๋ก็ส่งเสียงมา “รอข้าติดต่อกลับไป กำลังยุ่งกับการรบสุดชีวิต!”
เมื่อสิ้นเสียง ตี้ไท่ไป๋ก็ตัดการเชื่อมต่อพลังจิตทันที
หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ
‘สถานการณ์อันตรายเพียงนี้เชียวหรือ หรือว่านิกายเจี๋ยจะทรงพลังกว่าวังสวรรค์?’
หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบผู้แข็งแกร่งที่สุดรอบๆ โลกเขย่าพิภพ แต่ไม่พบศัตรูแต่อย่างใด
ต่อมาหานเจวี๋ยใช้ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์สังเกตสภาพการณ์ฟ้าดิน พุทธะอาภรณ์ขาวกลับไปอยู่อย่างสันโดษแล้ว รากของนิกายฉ่านหยั่งลึกลงในฟ้าดิน
นิกายฉ่าน นิกายเจี๋ย และนิกายเหรินล้วนเป็นสำนักเต๋าดั้งเดิม เพียงแค่ชื่อไม่เหมือนกันเท่านั้น
มรรควิถีของนิกายฉ่านมีประวัติศาสตร์ยาวนานในโลกมนุษย์ ผู้บำเพ็ญจำนวนมากยึดมรรควิถีของนิกายฉ่านเป็นพื้นฐานในการสร้างวิธีการฝึกบำเพ็ญ วิชาเวท รวมถึงพลังวิเศษแบบต่างๆ
ช่วงหลายปีมานี้ โลกมนุษย์เข้าสู่ยุคร้อยสำนักประชันขันแข่ง กระแสการบำเพ็ญตบะก็พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ต้องยอมรับเลยว่าพุทธะอาภรณ์ขาวมีของจริงๆ อาศัยพลังของตัวเองคนเดียวเสริมความแข็งแกร่งให้โลกเขย่าพิภพ
‘จะต้องคิดหาวิธีทำให้พุทธะอาภรณ์ขาวยอมศิโรราบ’
หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ
จากนั้นเขาไม่คิดมากอีก เก็บป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์แล้วก็ฝึกบำเพ็ญต่อ
……
วังสวรรค์ พระราชวังเทียมเมฆา
จักรพรรดิสวรรค์นั่งอยู่บนบัลลังก์จักรพรรดิ ใบหน้าไร้ความรู้สึก เมื่อมองตามสายตาของเขาไป ท้องฟ้านอกพระราชวังเต็มไปด้วยร่างที่กำลังต่อสู้ ชุลมุนอย่างหาที่เปรียบมิได้
เงาร่างหนึ่งกลายเป็นเสี้ยวเงาหลายสายพุ่งเข้ามาในพระราชวังเทียมเมฆา
อีกฝ่ายคือบุรุษในชุดนักพรตเต๋าสีทองผู้หนึ่ง ด้านหลังมีกระบี่วิเศษลอยอยู่สามเล่ม ฝักกระบี่เปล่งแสงเจิดจ้า แขนเสื้อทั้งสองข้างสะบัดตามลม ทั้งสง่างามและทรงพลัง
สายตาของเขาจับจ้องไปที่จักรพรรดิสวรรค์พลางเอ่ยปาก “จักรพรรดิสวรรค์ ศึกครั้งนี้ยังจะดำเนินต่อหรือไม่ ปล่อยวิญญาณศิษย์นิกายเจี๋ยของข้าออกมา แล้วข้าจะนำศิษย์นิกายเจี๋ยถอยทัพออกไป”
จักรพรรดิสวรรค์หัวเราะเบาๆ และตอบว่า “เซียนเฉินจื่อ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพวกเจ้านิกายเจี๋ยแค่ไม่กี่คนก็สั่นสะเทือนวังสวรรค์ได้”
เซียนเฉินจื่อลูบเครากล่าว “นิกายเจี๋ยไม่อยากรบกวนมรรคาสวรรค์ แค่อยากช่วยศิษย์และกลับไปฝึกบำเพ็ญนอกโลกียวิสัยอย่างสบายใจเท่านั้น”
จักรพรรดิสวรรค์กล่าว “ศิษย์นิกายเจี๋ยเหล่านั้นจะปล่อยออกมาไม่ได้ นั่นคือเวรกรรมที่พวกเจ้าสร้างไว้ในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต นี่คือทัณฑ์ของมรรคาสวรรค์ เราขอแนะนำเจ้าสักนิด จงอย่าได้ขัดขืนคำสั่งสวรรค์!”
เซียนเฉินจื่อแววตาเคร่งขรึม พอยกมือขวาขึ้น กระบี่สามเล่มที่อยู่ด้านหลังก็แยกออกเป็นเงากระบี่หลายสิบเล่มอย่างรวดเร็วราวกับบุปผากระบี่ผลิบาน
ขณะนั้นเอง!
ลำแสงสี่สายร่วงลงมาจากเพดานพระราชวังเทียมเมฆา เข้าโอบล้อมเซียนเฉินจื่อไว้
พลานุภาพน่าหวาดกลัวปกคลุมทั่วทั้งตำหนักใหญ่
เซียนเฉินจื่อเปลี่ยนสีหน้า กล่าวเสียงขรึมว่า “สี่ยอดมหาจักรพรรดิ! จักรพรรดิสวรรค์ นี่เจ้าจงใจรอให้ข้ามาหรือ”
จักรพรรดิสวรรค์พูดอย่างสงบ “นิกายเจี๋ยวางไส้ศึกไว้ในวังสวรรค์ เหตุใดเราจะวางกำลังคนไว้ในนิกายเจี๋ยบ้างไม่ได้
สี่ยอดมหาจักรพรรดิ เราขอให้พวกท่านสังหารคนผู้นี้ แล้วผนึกวิญญาณของเขาไว้ในเสาพระราชวังเทียมเมฆา ไม่ให้มีอิสระชั่วนิจนิรันดร์!”
น้ำเสียงของจักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนเป็นเผด็จการอย่างยิ่ง ไม่อนุญาตให้สงสัยใดๆ
สี่ยอดมหาจักรพรรดิตะโกนออกมาจากลำแสงอย่างพร้อมเพรียงกัน “สังหาร!”
ตู้ม…
……
สี่ปีต่อมา
หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ ก็พลันสัมผัสกลิ่นอายสายหนึ่งได้
เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
กลิ่นอายนี้คือเซวียนฉิงจวิน!
‘เหตุใดนางถึงลงมาที่โลกมนุษย์
เดี๋ยวก่อน! ทำไมนางถึงหลบจอมเทพอู่เต๋อมาถึงโลกมนุษย์ได้’
เวลานี้เซวียนฉิงจวินนั่งสมาธิอยู่ในป่าละแวกสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ นางกำลังดูดซับไอเซียนจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
หานเจวี๋ยพลันปรากฏตัวตรงหน้านาง
เซวียนฉิงจวินลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า “เซียนแท้ไท่อี่หรือ”
‘เจ้าเด็กนี่…’
นางทุ่มเทฝึกฝนด้วยกำลังทั้งหมดในแดนเซียน ได้รับโชควาสนาแบบต่างๆ เพิ่งฝืนทะลวงสู่ระดับเซียนแท้ไท่อี่เมื่อไม่นานมานี้ แต่หานเจวี๋ยอยู่ที่โลกมนุษย์ก็…
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นบาดแผลของนาง ก็อดไม่ได้เอามือกดลงบนศีรษะนาง และใช้พลังเวทของตนรักษาอาการบาดเจ็บให้
ดวงตางดงามของเซวียนฉิงจวินเบิกกว้าง
พลังเวทนี้…
พลังเวทของหานเจวี๋ยลึกล้ำยากเกินหยั่ง ทำให้นางรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับอาจารย์ที่นิกายเจี๋ยของตัวเอง
เซวียนฉิงจวินตระหนกตกใจ ยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
หานเจวี๋ยรักษาอาการบาดเจ็บให้นางพลางถามว่า “ทำไมเจ้าถึงลงมา”
เซวียนฉิงจวินถอนหายใจกล่าว “ข้าหนีมาด้วยวิธีการพิเศษ คิดดูแล้วมีแค่โลกมนุษย์ที่ปลอดภัย ข้าเข้าร่วมนิกายหนึ่ง ทว่านิกายนี้กลับกล้าโจมตีวังสวรรค์ ข้าถูกบังคับให้เข้าร่วมด้วย สุดท้าย…พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ…”
พ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพ?
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว
วังสวรรค์ยอดเยี่ยมขนาดนี้หรือ ก่อนหน้านี้โจมตีวังปีศาจทำไมถึงไม่ได้เรื่องนัก
หรือว่านิกายเจี๋ยไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนยุคสถาปนาเทพแล้ว?
“ศึกใหญ่ก่อนหน้านี้ทำให้ข้าได้เห็นความแข็งแกร่งของเทพเซียน มิน่าล่ะวังสวรรค์ถึงควบคุมกฎสวรรค์ได้” เซวียนฉิงจวินกลัดกลุ้มมาก
ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าร่วมนิกายที่แข็งแกร่งนิกายหนึ่ง สุดท้ายอยู่ได้ไม่นานก็เผชิญกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่เช่นนี้ แม้นิกายเจี๋ยจะไม่ได้พินาศย่อยยับ แต่คนที่ถูกส่งไปล้วนถูกปราบปราม รวมถึงศิษย์ร่วมอาจารย์ของนางด้วย
ตอนนี้เท่ากับว่านางไม่มีที่ไป และยังต้องระวังการตามล่าของวังสวรรค์อีก
หานเจวี๋ยเอ่ย “ไม่เป็นไร ข้าปกป้องเจ้าได้ ว่าแต่เจ้าหลบเทพเซียนด้านนอกหนีเข้ามาได้อย่างไร”
เขาต้องถามให้ชัดเจน ป้องกันไม่ให้มีศัตรูแอบเข้ามาในภายหลัง
……………………………………….