ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 285 จักรพรรดิเซียนสามวัฏ เป้าหมายคือปลิดชีพจักรพรรดิเทพอีกาทองในพริบตา
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 285 จักรพรรดิเซียนสามวัฏ เป้าหมายคือปลิดชีพจักรพรรดิเทพอีกาทองในพริบตา
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตบุกมาหา หานเจวี๋ยตึงเครียดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในตอนนี้เขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต
ในจังหวะที่หานเจวี๋ยกำลังหวั่นวิตก พลังจิตของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็หายไป
“หรือว่าเขาหาข้าไม่เจอ?”
หานเจวี๋ยพลันนึกขึ้นมาได้ว่าอาณาเขตเต๋าปิดกั้นพลังจิตได้ ตอนนี้เขาเป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว อาณาเขตเต๋าก็แข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย สามารถปิดกั้นการสอดแนมโดยพลังจิตของระดับเทพได้
เขาโล่งใจทันที!
ตราบใดที่จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตไม่ได้บุกเข้ามาในเกาะตรงๆ ก็น่าจะหาเขาไม่พบ
เกาะสำนักซ่อนเร้นดูเหมือนใหญ่ แต่จากภายนอกจะเห็นเป็นเพียงแนวปะการังอยู่กลางแม่น้ำปรโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล เล็กกระจิริดมาก
ในเวลาเดียวกัน
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยังคงลัดเลาะเหนือแม่น้ำปรโลก เขาขมวดคิ้วแน่น
“แปลก เหตุใดกลิ่นอายของเจ้านั่นถึงหายไปที่นี่ หรือว่ามันตกลงไปในแม่น้ำปรโลก”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตหงุดหงิดใจอย่างมาก
เขาตามหาหานเจวี๋ยมาหลายปีขนาดนี้แล้ว เหตุใดถึงหาไม่เจอเลย
เขามีลางสังหรณ์ว่าเจ้านั่นยังไม่ตายแน่นอน!
หากไม่ฆ่าหานเจวี๋ย ก็จะไม่สามารถกำจัดความชั่วร้ายที่อยู่ในใจจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตได้
นับตั้งแต่เขาได้พบกับหานเจวี๋ย เขาก็ถูกสาปแช่งเป็นระยะ
เจ้าสารเลวนั่นต้องเป็นคนสาปแช่งเขาแน่นอน!
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตไม่อาจรู้แน่ชัด แต่เขาเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง
การสาปแช่งไม่ใช่เรื่องแปลกในแดนเซียน ผู้บำเพ็ญหลายคนล้วนทำได้
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ให้ผู้อื่นรู้ เพราะเขาถูกสาปแช่งจนเกิดมารในใจ เรื่องนี้ก็อัปยศพออยู่แล้ว จะให้คนล่วงรู้ไม่ได้
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็ยิ่งอัดอั้นตันใจ พลันตะโกนเสียงลากยาวออกมา
เสียงร้องตะโกนของอีกาทองเทพมีพลังทะลุทะลวงสูงยิ่ง ดังก้องไปทั่วยมโลก
ทุกคนบนเกาะสำนักซ่อนเร้นต่างได้ยินและตกใจจนสะดุ้งโหยง
จอมปีศาจคุกรัตติกาลที่กำลังฝึกบำเพ็ญลืมตาขึ้นโดยพลัน สีหน้าฉายแววประหวั่นพรั่นพรึง
‘มันพบที่นี่ได้อย่างไร’
จอมปีศาจคุกรัตติกาลก็ตื่นตระหนกเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิเซียนห้าวัฏ แต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเลย
คนที่เหลือสับสนอลหม่านกันกว่าเดิม
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเป็นศัตรูทรงพลังคนแรกที่หานเจวี๋ยไม่อาจเอาชนะได้ ถึงขั้นบีบคั้นจนพวกเขาต้องหนีด้วยซ้ำ
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงไปหาพวกเขาทันที บอกให้พวกเขาอยู่ในความสงบและห้ามออกไปจากเกาะนี้ จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตจะไม่พบพวกเขาแน่นอน
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็พากันวางใจ
พวกเขารู้นิสัยของหานเจวี๋ย ถ้าเกิดอันตรายจริงๆ ไม่ต้องให้พวกเขาเร่งเร้า หานเจวี๋ยก็วิ่งหนีนำไปก่อนแล้ว
หานเจวี๋ยฝืนสงบจิตใจและรอคอย
เช่นนี้อันที่จริงก็ดีเหมือนกัน
เมื่อจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตค้นหาบริเวณนี้แล้วก็จะไม่กลับมาอีก
หลังจากเสียงคำรามหวีดแหลมดังต่อเนื่องระยะหนึ่ง ในที่สุดก็หยุดลง กลิ่นอายของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตหายไปอย่างสมบูรณ์
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
เจ้านี่แข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว!
ดูท่าทางหากไม่ได้สังหารเขา จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็จะไม่ยอมเลิกรา
หากว่ามีวันใดวันหนึ่งจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตมาหาถึงที่จริงๆ หานเจวี๋ยอยากหลบหลีกก็ไม่ทันแล้ว
[ตรวจสอบพบว่าท่านเผชิญวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ทันที มุ่งหน้าสู่แดนเซียน เข้าสู่เคราะห์ช่วงชิงดวงชะตา จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]
[สอง ยังไม่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ในตอนนี้ แต่เก็บตัวฝึกบำเพ็ญ รอคอยโอกาส จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ของล้ำค่าฟ้าดินแบบสุ่มหนึ่งชิ้น]
เมื่อหานเจวี๋ยเห็นตัวอักษรสามบรรทัดปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาอดเลิกคิ้วไม่ได้
ในที่สุดก็มีโอกาสได้เลือก!
แม้ว่ารางวัลจะไม่มากมายนัก แต่อย่างน้อยก็มีให้เลือก
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบๆ
[ยินดีด้วย ท่านได้รับของล้ำค่าฟ้าดิน–บุปผาเทพปู้โจว]
[บุปผาเทพปู้โจว: ของล้ำค่าบรรพกาล ถือกำเนิดบนเขาเทพปู้โจวในตำนาน ช่วงชิงแก่นสำคัญของฟ้าและดิน สามารถให้กำเนิดปราณฟ้าประทานอันยิ่งใหญ่มหาศาล]
หานเจวี๋ยหยิบบุปผาเทพปู้โจวออกมาทันที
เขาปลูกดอกไม้นี้ไว้ข้างวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าในตอนนี้ยังคงแผ่ไอเซียนออกมา แต่ไม่อาจส่องสะท้อนความเป็นไปของบุตรแห่งสวรรค์ออกมาได้อีก
“นายท่าน นี่คือสิ่งใด” อู้เต้าเจี้ยนถามอย่างสงสัย
หานเจวี๋ยแนะนำเพียงคร่าวๆ
เขาก็ไม่รู้ว่าปราณฟ้าประทานคืออะไร ดังนั้นจึงมีความคาดหวังบางส่วนในใจ
คงจะระดับสูงกว่าไอเซียนกระมัง
หลังจากปลูกบุปผาเทพปู้โจวแล้ว หานเจวี๋ยไม่ได้ฝึกบำเพ็ญเลยทันที หากแต่เฝ้ารออย่างอดทน
ผ่านไปครึ่งเดือนเต็ม หลังจากแน่ใจว่าจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตจากไปแล้ว หานเจวี๋ยจึงจะถอนหายใจโล่งอก ฝึกบำเพ็ญต่ออย่างอุ่นใจ
เวลาดำเนินต่อไป
ราวแปดปีต่อมา
ในที่สุดบุปผาเทพปู้โจวก็ให้กำเนิดปราณฟ้าประทาน แถมยังมีจำนวนมากอีกด้วย มันแผ่พุ่งออกมาโดยตรง กระจายตัวอยู่ในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
อู้เต้าเจี้ยนรู้สึกถึงบางอย่าง จึงอดลืมตาขึ้นมาไม่ได้ ใบหน้าฉายแววประหลาดใจ
หานเจวี๋ยก็ตกใจเช่นกัน
ปราณฟ้าประทานนี้ร้ายกาจมาก ตบะที่เขาได้รับจากการดูดซับหนึ่งครั้งเทียบเท่ากับการดูดซับไอเซียนสิบครั้ง
ประเด็นสำคัญที่สุดคือปราณฟ้าประทานบริสุทธิ์และเหนือชั้นยิ่งกว่าไอเซียน
คราวนี้หานเจวี๋ยมีวิธีเร่งความเร็วในการฝึกบำเพ็ญเพิ่มมาอีกหนึ่งวิธีแล้ว
หานเจวี๋ยยังคงฝึกฝนต่อไป และเริ่มดูดซับปราณฟ้าประทาน
ทว่าเขาดูดรับปราณเร็วเกินไป บุปผาเทพปู้โจวแบกรับไม่ไหว มันยังต้องเติบโตอีกสักระยะหนึ่ง
หานเจวี๋ยไม่ได้ผิดหวัง อย่างน้อยก็มีความหวังเพิ่มมากขึ้นหนึ่งส่วน
……
วังเทพ ภายในคุกที่มืดสลัวแห่งหนึ่ง
จั้งกูซิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น เงากระบี่นับไม่ถ้วนวนอยู่รอบกาย
เขาสวมชุดคลุมสีขาวที่เก่าเยิน ผมเผ้ายุ่งเหยิง แต่สีหน้าท่าทางนิ่งสงบ มีบุคลิกสุขุมราวกับเขาไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่สะทกสะท้าน
นอกประตูคุกมีร่างคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากความมืด
อีกฝ่ายเป็นชายผู้สวมชุดคลุมยาวหรูหรางดงาม กำลังเล่นแหวนหยกในมือ เขาจ้องไปที่จั้งกูซิง ในดวงตาเต็มไปด้วยความริษยา
“ช่วงนี้ได้ทะลวงระดับอีกหรือไม่” ชายในชุดคลุมยาวถามด้วยรอยยิ้ม
จั้งกูซิงไม่ตอบ
ชายในชุดคลุมยาวกล่าวต่อไป “วังเทพกับวังปีศาจเริ่มสงครามได้สักพักแล้ว เจ้าวังเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ต่อจากนี้อีกช่วงหนึ่งข้าจะดูแลวังเทพเอง เจ้าว่าข้าจะทรมานเจ้าอย่างไรดี”
เขาก็คืออวี้เทียนเป่าที่มีความแค้นต่อจั้งกูซิง!
จั้งกูซิงตอบว่า “วิธีการของเจ้าทำให้ข้าแตกสลายไม่ได้หรอก เจ้าทำได้แค่ทรมานกายและใจของข้า แต่ไม่สามารถทำลายมรรคจิตของข้าได้ ข้าไม่ตายหนึ่งวัน เจ้าก็กินไม่ได้นอนไม่หลับหนึ่งวัน เพราะเจ้ารู้ว่าข้าออกไปเมื่อใด เจ้าก็จบเห่เมื่อนั้น”
เมื่อได้ยิน สีหน้าของอวี้เทียนเป่าหนักอึ้งทันใด
นี่คือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดจริงๆ เขาอยากฆ่าจั้งกูซิงนานแล้ว แต่จนปัญญาที่ฝ่ายตรงข้ามมีคนคุ้มกะลาหัวอยู่
ต่อให้จั้งกูซิงทำผิดโทษฐานร้ายแรง ก็มีคนคุ้มครองไม่ให้ตาย
อวี้เทียนเป่าพลันหัวเราะเสียงเย็น “ถ้าข้าทำลายแม่น้ำมรรคกระบี่จะเกิดอะไรขึ้น”
จั้งกูซิงเปลี่ยนสีหน้า
“ข้าสงสัยความสัมพันธ์ของเจ้ากับแม่น้ำมรรคกระบี่มาโดยตลอด อะไรทำให้เจ้ายอมละทิ้งกายเนื้อเพื่อไปเฝ้าแม่น้ำมรรคกระบี่ได้” อวี้เทียนเป่าถามอย่างนึกสนุก
จั้งกูซิงนิ่งเงียบ
เมื่อเห็นสภาพดั่งปลาตายของเขาแล้ว อวี้เทียนเป่าหงุดหงิดยิ่งนัก
ดีมาก!
แม่น้ำมรรคกระบี่ เขาต้องทำลายให้จงได้!
…….
สี่สิบปีต่อมา
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็บรรลุจักรพรรดิเซียนสามวัฏ พลังเวทของเขาเพิ่มสูงขึ้น จิตวิญญาณก็พลอยแข็งแกร่งขึ้นด้วย
หลังใช้เวลาสามปีในการทำตบะให้เสถียร หานเจวี๋ยก็เริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบทันที
แม้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เป็นจักรพรรดิเซียนสองวัฏจะเอาชนะจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตไม่ได้ แต่ก็ไม่ถูกปลิดชีพในฉับพลันเช่นกัน
ครั้นบรรลุถึงจักรพรรดิเซียนสามวัฏ หานเจวี๋ยไม่เชื่อว่าตนจะยังถูกสังหารอีก
หนึ่งชั่วยามต่อมา
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น
เขาขมวดคิ้ว
หลังจากต่อสู้กันหนึ่งชั่วยาม ถึงแม้จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตจะไม่อาจฆ่าเขาได้ แต่เขาก็ทำร้ายฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เช่นเดียวกัน
นี่มันไม่ได้การแล้ว!
หานเจวี๋ยตัดสินใจว่าจะเริ่มสร้างพลังวิเศษมรรคกระบี่พลังใหม่ขึ้นมา แตกต่างไปจากมรรคกระบี่เทียมฟ้า เขาต้องการสร้างพลังวิเศษแบบระเบิดปะทุขั้นสูงสุด พลังวิเศษที่ปลิดชีพจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตได้ในพริบตา!
…………………………………………….