ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 295 เฉาเชาที่ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้!
มองเห็นจี้เซียนเสินเจ็บปวดอย่างถึงขีดสุด จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็เผยสีหน้ามีความสุขออกมา
“น่าเสียดาย หากเจ้าเป็นเจ้าสุนัขตัวนั้น ข้าจะยิ่งมีความสุขมากกว่านี้!”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตกล่าวยั่วเย้าด้วยรอยยิ้ม
เงาร่างวิญญาณกล่าวอย่างเดือดดาล “เผ่าเทพอีกาทอง พวกเจ้าจะต้องชดใช้!”
มือซ้ายของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตกวาดเพียงครั้งเดียว ก็ขับไล่เงาร่างวิญญาณนั้นออกไปในทันที
เขาเตรียมที่จะดึงวิญญาณของจี้เซียนเสินออกมา เพื่อเรียกความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย
เขาก็ไม่เชื่อว่าจะหาหานเจวี๋ยไม่พบ!
เมื่อนึกถึงว่าตนเองถูกเจ้าสุนัขนั่นสาปแช่งจนพลังลดไปหนึ่งระดับใหญ่ ดวงตาของเขาก็แดงก่ำขึ้นมา
ขณะนั้นเอง กลิ่นอายที่คุ้นเคยสายหนึ่งเข้ามาใกล้
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตหันหน้าไปมอง เห็นเพียงเสี้ยววิญญาณของหานเจวี๋ยที่บินลอยเข้ามา
เขาเผยรอยยิ้มดีใจออกมาในทันที จากนั้นรอยยิ้มก็แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
ในที่สุดก็พบแล้ว!
หานเจวี๋ยเอ่ยปากขึ้นมาก่อนว่า “เจ้าอีกาเหม็น ปล่อยเขาเสีย พุ่งเป้ามาที่ข้า”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตบีบเค้นศีรษะของจี้เซียนเสินจนระเบิดออก เลือดเนื้อกระเด็นกระจัดกระจายไปทั่ว ในมือยังจับวิญญาณของจี้เซียนเสินไว้อยู่
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “หากเจ้าฆ่าเขา ร่างจริงของข้าจะไม่มาอีก เจ้าก็จงหาต่อไปเถิด!”
ได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาปล่อยวิญญาณของจี้เซียนเสินออก
หานเจวี๋ยกวักมือดูดวิญญาณของจี้เซินเสินเข้ามาในมือ
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตมองจ้องหานเจวี๋ย และถามขึ้นว่า “ในที่สุดเจ้าก็อดที่จะปรากฏตัวไม่ได้แล้วหรือ”
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างสงบ “ไม่ใช่ว่าเจ้าตามหาข้ามาโดยตลอดหรืออย่างไร”
วิญญาณของจี้เซียนเสินอ่อนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขามองไปทางหานเจวี๋ยอย่างยากลำบาก และกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง “รีบไป…เจ้าไม่ใช่…”
หานเจวี๋ยกล่าวเบาๆ “ไม่ต้องพูด พักผ่อนก่อน ให้ข้าจัดการเขาเอง”
จี้เซียนเสินนิ่งอึ้งไป มองเห็นหานเจวี๋ยที่สงบเช่นนี้ ความตื่นตระหนกในใจก็สงบลงอย่าน่าประหลาด
‘จริงสิ เจ้าหมอนี่ขี้ขลาดตาขาวถึงเพียงนี้ หากไม่มีความมั่นใจไหนเลยจะกล้าปรากฏกาย เพียงแต่…’
จี้เซียนเสินมองไปทางจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตอย่างอดไม่ได้ เห็นเพียงใบหน้าเจ้าหมอนั่นเต็มไปด้วยรอยยิ้มดูแคลน ไม่เก็บพวกเขามาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
ความโกรธคุกรุ่นขึ้นในใจของจี้เซียนเสินทันที ความโกรธแค้นปกคลุมหัวใจ ที่เขาโกรธที่สุดไม่ใช่จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต แต่กลับเป็นตัวเอง
เขาอ่อนเกินไป!
เขาอ่อนแอเกินไป!
คาดไม่ถึงว่าเขาจะหวาดกลัวฝ่ายตรงข้าม!
“เหตุใดเด็กเช่นเจ้าถึงไม่หลบอยู่ในที่มืดแล้วสาปแช่งข้าต่อเล่า” จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
หานเจวี๋ยลอบตกใจ เจ้าหมอนี่รู้ได้อย่างไรกัน
ไม่ถูกสิ!
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์และจักรพรรดิปีศาจยังไม่รู้ว่าเป็นเขา แล้วจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตรู้ได้อย่างไร
หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง “เจ้าก็ถูกสาปแช่งหรือ”
เขาเผยรอยยิ้มออกมาและกล่าวยั่วเย้า “เช่นนั้นข้าก็สบายใจ ที่แท้ไม่ใช่ข้าคนเดียวที่ถูกสาปแช่ง”
ได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็ขมวดคิ้วถาม “ไม่ใช่เจ้า เจ้าก็ถูกสาปแช่งหรือ”
หานเจวี๋ยยักไหล่กล่าว “เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการหรือ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการลอบสาปแช่งกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในปวงสวรรค์หมื่นโลกาอยู่ในที่มืด เจ้ากับข้าล้วนเป็นจักรพรรดิเซียน อาจถูกจับจ้องแล้วก็ได้กระมัง”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตขมวดคิ้วมุ่นยิ่งกว่าเดิม
“ก็จริง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า จะอาศัยเหตุผลอันใดมาสาปแช่งข้าจนพลังลดไปหนึ่งระดับใหญ่ๆ ได้” จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตคิดอย่างเงียบๆ
เขาเป็นเพียงจักรพรรดิเซียน แม้แต่หนังสือแห่งความโชคร้ายยังคำนวณไม่พบ ย่อมคำนวณไม่ถึงหานเจวี๋ย เขาก็เพียงแค่คาดเดาเท่านั้น
ยามนี้ดูแล้ว เหมือนว่าไม่ใช่หานเจวี๋ยที่สาปแช่งเขา
‘เจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่น่าขยะแขยงนั่น ข้าจดจำเจ้าไว้แล้ว!’
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตคิดเงียบๆ สายตาของเขายังคงจ้องนิ่งไปทางหานเจวี๋ย
ตอนนี้อย่าเพิ่งไปสนใจเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเลย ภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้คือสังหารเจ้าสุนัขนี่เสีย!
ไม่นาน เงาร่างหนึ่งก็พุ่งมาจากขอบฟ้า
นั่นก็คือร่างจริงของหานเจวี๋ย
ในมือของหานเจวี๋ยถือกระบี่พิพากษาอนธการเหินมาตรงหน้าเสี้ยววิญญาณ เขาดูดซับวิญญาณเข้าไป จากนั้นเดินผ่านอากาศก้าวเข้ามาหาจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตอย่างช้าๆ
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ที่จริงแล้วข้ากับเจ้าเดิมทีก็ไม่ได้มีความอาฆาตแค้นอันใดต่อกัน เหตุใดเจ้าจึงไล่ล่าข้าไม่เลิก”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตมองหานเจวี๋ยอย่างเหยียดหยาม เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้ากลัวหรือ”
“กลัวมากจริงๆ ไม่ทราบว่าจะสามารถ…”
“ไม่ได้! ข้าจะต้องฆ่า…”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตตะคอกอย่างรุนแรง แต่เขายังพูดไม่ทันจบหานเจวี๋ยก็ลงมือในฉับพลัน
หานเจวี๋ยฟันออกไปหนึ่งกระบี่ ฟ้าดินในยมโลกก็ปรากฏแถบแพรขาวขึ้นมาหนึ่งเส้น แฉลบผ่านจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต และผ่าทะเลหมอกกลางท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเบิกตาโพลง กายเนื้อสั่นสะท้าน
ปราณกระบี่นี้!
พริบตานั้น กายเนื้อของเขาระเบิดในฉับพลัน ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนประดุจดังดาบวายุทำลายวิญญาณของเขา
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตรีบสำแดงวิชาต้านทานในทันที แต่เพิ่งประสบกับคำสาปไม่นาน เดิมทีก็ตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บอยู่แล้ว ไม่มีพลังต่อต้านปราณกระบี่ของหานเจวี๋ยเลยแม้แต่น้อย
ยอดปราณกระบี่!
นี่ก็คือพลังวิเศษใหม่ของหานเจวี๋ย!
อาศัยความเร็วขีดสุดนำปราณกระบี่โจมตีเข้าไปในร่างของศัตรู แล้วอาศัยมหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่คุมขังศัตรูเอาไว้ อาศัยพลังระเบิดปราณกระบี่ของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิบีบอัดให้อยู่ในขอบเขตเล็กๆ และทำลายศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
“แย่แล้ว! แบกรับไม่ไหว!”
สีหน้าของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตแปรเปลี่ยนอย่างมากมาย ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนครอบคลุมจิตใจของเขา
ไม่นะ…
วิญญาณเทพของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตถูกยอดปราณกระบี่ทำลายล้างในทันที!
ระหว่างขั้นตอนนี้ ความจริงแล้วใช้เวลาไม่ถึงครึ่งอึดใจเท่านั้น จี้เซียนเสินยังไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น กายและวิญญาณของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็สลายไปแล้ว
หานเจวี๋ยถอนหายใจยาวออกมาคราหนึ่ง
หากจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยังมีตบะจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏอยู่ ยอดปราณกระบี่ของหานเจวี๋ยต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงสังหารเขาได้อย่างเด็ดขาด
โชคดีที่พลังของเจ้าหมอนี่เพิ่งลดไปหนึ่งระดับ ไม่เพียงแค่ตบะถดถอยเท่านั้น พลังเวทยังเหือดแห้งอยู่บ้าง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตไม่มีสิทธิ์ที่จะมารับมือกับพลังวิเศษระดับเทพของหานเจวี๋ยได้เลย
ไม่เพียงเท่านี้ ยอดปราณกระบี่เองยังเป็นพลังวิเศษแห่งกรรม ฟันสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตแล้ว เผ่าอีกาทองก็คำนวณไม่ได้ว่ามือสังหารเป็นผู้ใด
หานเจวี๋ยรีบพาจี้เซียนเสินหนีหายไปจากขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
……
ขอบเขตบริเวณรอบๆ ปรโลก
หานเจวี๋ยวางจี้เซียนเสินลง ใช้พลังเวทของตนเองช่วยเขาปั้นกายเนื้อขึ้นมาใหม่
จี้เซียนเสินยังตกอยู่ในสภาพล่องลอย
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตที่เหมือนจะไร้คู่ต่อกรถูกเฉาเชาสังหารภายในเสี้ยววินาทีหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน!
จี้เซียนเสินรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ราวกับฝันตื่นหนึ่ง
หานเจวี๋ยเอ่ยปากถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่อยู่ในวังสวรรค์ดีๆ”
จี้เซียนเสินได้สติกลับมา กล่าวอย่างขมขื่นว่า “ข้าอยากจะแสวงหาพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เฮ้อ!”
เสียงถอนหายใจนี้แฝงไปด้วยความไม่ยินยอมและเสียใจอย่างไร้ที่สิ้นสุด
หานเจวี๋ยหมดวาจาจะโต้ตอบ
ได้แต่กล่าวว่าจี้เซียนเสินโชคไม่ดี
“หลังจากนี้เจ้ามีแผนอย่างไร” หานเจวี๋ยถาม
เขาอยากรับจี้เซียนเสินเข้าสำนักซ่อนเร้น แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมอนี่ไม่ใช่ผู้ที่มุมานะบำเพ็ญ ไม่แน่ว่าอาจจะเปิดเผยตำแหน่งของเกาะสำนักซ่อนเร้นได้
จี้เซียนเสินกล่าวด้วยแววตาเยือกเย็น “พระกษิติครรภ์ยืนยันหนักแน่นว่าข้าคือผู้ฝ่าเคราะห์ ทรมานข้า หมิ่นประมาทข้า เช่นนั้นข้าก็จะเป็นผู้ฝ่าเคราะห์ ข้าจะเข้าร่วมเคราะห์ ข้าจะช่วงชิงดวงชะตา ข้าจะรวบรวมปวงสวรรค์ให้เป็นหนึ่ง!”
หานเจวี๋ยฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร หัวใจมุมานะ ดูท่าคงจะเกลี้ยกล่อมเขาได้ยาก
บรรยากาศเงียบสงัดตามลงมา
จี้เซียนเสินหันหน้ามาถามว่า “เฉาเชา ตอนนี้เจ้ามีตบะระดับใดแล้ว จักรพรรดิเซียนหรือ”
หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเล็กน้อย
จี้เซียนเสินเจ็บปวดใจ
ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่ลดลง แต่กลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เฉาเชาลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ!
ไม่ได้!
ข้าไม่อาจจิตใจห่อเหี่ยวได้!
จี้เซียนเสินถามด้วยสายตาแวววาวว่า “ไม่สู้เจ้ากับข้าร่วมมือกันผลักดันแดนเซียน ช่วงชิงดวงชะตา อยู่เหนือเวไนยสัตว์ เช่นนั้นไม่ดีหรอกหรือ”
……………………………………….