ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 313 ระดับความประทับใจจากเซียนกระบี่อันดับหนึ่ง
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 313 ระดับความประทับใจจากเซียนกระบี่อันดับหนึ่ง
[ตรวจสอบพบว่าท่านได้พบกับมรรคกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้มรรคาสวรรค์ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ทันที ช่วงชิงดวงชะตายิ่งใหญ่ พิสูจน์ว่าท่านต่างหากคือเซียนกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด จะได้รับมรดกพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น ของล้ำค่าในฟ้าดินแบบสุ่มหนึ่งชิ้น]
[สอง เก็บตัวฝึกบำเพ็ญ มองข้ามมรรคกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]
เมื่อหานเจวี๋ยเห็นตัวเลือกข้างหน้า ก็เลือกตัวเลือกที่สองโดยไม่ลังเลเลย
ไปต่อกรกับมรรคกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด?
นั่นไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ
[ท่านเลือกเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ ได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]
[ยินดีด้วย ท่านได้รับไหมเมฆฟ้าปรารถนา]
[ไหมเมฆฟ้าปรารถนา: สมบัติวิญญาณป้องกันระดับเทพ สร้างขึ้นจากเมฆเทพฟ้าประทานและกุศลมรรคาสวรรค์ สามารถต้านทานการโจมตีทั้งหมดตั้งแต่ระดับเทพลงไป และต้านทานการโจมตีจากระดับเทพทั่วไปได้]
สมบัติวิญญาณป้องกันระดับเทพ!
ไม่เลวทีเดียวๆ!
หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาไม่ได้นำไหมเมฆฟ้าปรารถนาออกมา ถึงอย่างไรหลิวเป้ยก็ยังอยู่ข้างๆ เขา
คนทั้งสองเริ่มตั้งตาคอย
โชคดีที่อานุภาพมรรคกระบี่ลึกลับเกิดขึ้นได้ไม่นาน เมื่อทุกอย่างสงบลง ทั้งสองคนก็กลับไปยังแม่น้ำมรรคกระบี่
หานเจวี๋ยอึ้งตะลึง
แม่น้ำมรรคกระบี่พังถล่มลงมาแล้ว กลายเป็นเศษเสี้ยวเมฆหลายแผ่น ท่ามกลางมิติลึกลับที่มืดสลัวช่างดูยุ่งเหยิงและน่าปวดใจทว่าก็ยังงดงาม
หลิวเป้ยก็ตกใจเช่นกัน ได้แต่มองไปทางหานเจวี๋ยเท่านั้น
หานเจวี๋ยหยักนิ้วคำนวณ โชคชะตาของเขาไม่ได้เสียหาย
เขารับช่วงต่อปกครองแม่น้ำมรรคกระบี่ หากแม่น้ำมรรคกระบี่ถูกทำลาย โชคของเขาจะได้รับความเสียหายแน่นอน
เขาสังเกตอย่างถี่ถ้วน ไม่นานก็พบว่าแม่น้ำมรรคกระบี่อยู่ในระหว่างซ่อมแซมตัวเอง เศษเมฆค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหากัน
“ไม่เป็นไร อีกประเดี๋ยวก็ดีขึ้น เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ ถ้าเจออันตรายที่ต้านทานไม่ได้ เจ้าสามารถหนีไปได้ทุกเมื่อ” หานเจวี๋ยพูดแล้วหายตัวไป
เมื่อได้รับอนุญาตจากหานเจวี๋ย หลิวเป้ยก็ถอนหายใจโล่งอก
แม้ว่าเขาจะมีกายเนื้อของพุทธะพิชิตชัยแล้ว แต่นิสัยของเขาก็ยังคล้ายกับหานเจวี๋ยมาก กลัวตายเป็นที่สุด
……
จิตดั้งเดิมกลับสู่ร่าง หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าอู้เต้าเจี้ยนยังกำลังตระหนักรู้ฟ้าดินบุพกาล จึงนำไหมเมฆฟ้าปรารถนาออกมา
ไหมเมฆฟ้าปรารถนาเป็นผ้าไหมยาวสีเขียวผืนหนึ่ง บางเท่าปีกจักจั่น ยามโบกสะบัดไม่เกิดลม
หานเจวี๋ยทำให้มันยอมรับตนเป็นนาย จากนั้นจึงเอาพันรอบตัว
ไหมเมฆฟ้าปรารถนาเสมือนมีจิตวิญญาณ ไม่ได้พันมัดหานเจวี๋ยแน่นนัก ครั้นกระพือเบาๆ เมฆทอแสงเรืองรองระลอกหนึ่งก็ลอยขึ้นมาอำพรางร่างของหานเจวี๋ย ทำให้เขาดูลึกลับเกินบรรยาย
หานเจวี๋ยพึงพอใจ สิ่งนี้น่าสนใจมาก สามารถซ่อนโฉมหน้าที่แท้จริงได้ด้วย
ไม่เลวเลย!
เมื่อเห็นว่าอู้เต้าเจี้ยนยังไม่ตื่นจากสมาธิ หานเจวี๋ยก็เข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญ ฝึกไปพลางตรวจดูจดหมายไปพลาง
ความเคลื่อนไหวที่เกิดจากผู้ฝึกกระบี่ลึกลับคนนั้นเอิกเกริกเกินไป ก็ไม่รู้ว่าจะสืบรอยจากจดหมายได้หรือไม่
หานเจวี๋ยไล่อ่านลงมา และสะดุดกับจดหมายฉบับหนึ่ง
[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน ตัวตายมรรคผลสลาย]
อย่าบอกนะว่าเป็นหลี่เต้าคง?
หลี่เต้าคงเหมือนจะเป็นผู้ฝึกกระบี่
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หัวใจของเขาเจ็บปวดอยู่บ้าง
เขามีความประทับใจต่อจักรพรรดิเทพกระบี่อยู่มาก เมื่อตอนที่จั้งกูซิงถูกจับตัวไป จักรพรรดิเทพกระบี่เป็นผู้ส่งต่อแม่น้ำมรรคกระบี่ให้กับเขา
ไม่นึกเลยว่าจักรพรรดิเทพกระบี่จะร่วงโรยเช่นนี้
หานเจวี๋ยเรียกค่าความสัมพันธ์ออกมาตรวจดู
ภาพประจำตัวหายไปแล้ว
หานเจวี๋ยตกอยู่ในความเศร้าโศก
สหายบางคนยังไม่ทันได้พบหน้าก็หายไปเสียแล้ว
อารมณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นนานเกินไปนัก ไม่นานหานเจวี๋ยก็ปรับสภาพจิตใจแล้วฝึกบำเพ็ญอย่างจริงจัง
…….
วังเทพ ภายในโถงตำหนักที่มืดสลัว
เจ้าแห่งวังเทพนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง มีร่างหลายร้อยร่างยืนอยู่บนตำหนัก บรรยากาศกดดันอย่างมาก
สีหน้าของเจ้าแห่งวังเทพมืดมนหาที่เปรียบไม่ได้
สองมือของเขากำพนักวางแขนไว้แน่น ไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาจากในร่าง แผ่กระจายเต็มตำหนัก
“ครั้งนี้วังเทพสูญเสียจักรพรรดิเซียนไปเท่าใด” เจ้าแห่งวังเทพถามเสียงเข้ม
ชายในชุดเกราะเงินกล่าวตอบอย่างระมัดระวัง “จักรพรรดิเซียนสิบเก้าคน จักรพรรดิเทพยี่สิบแปดคนที่ติดตามไปด้วยก็ถูกสังหารเช่นกัน โชคดีที่ร่างแยกต้นกำเนิดของพวกเขายังอยู่ในวังเทพ”
ทุกคนในโถงตำหนักพากันหนังตากระตุก
พวกเขาต่างรู้ว่าคนนิกายเหรินสองคนนั้นแข็งแกร่งมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะเหนือธรรมดาขนาดนี้
เจ้าแห่งวังเทพถามด้วยเสียงกรุ่นโกรธ “พวกเขาทั้งหมดตายภายใต้กระบี่ของหลี่เต้าคง?”
“ใช่……”
โครม!
จู่ๆ เจ้าแห่งวังเทพก็ผุดลุกขึ้นมา อานุภาพกดดันอันน่ากลัวระเบิดปะทุ กดดันจนคนหลายร้อยคนพากันคุกเข่าลง
“หลี่เต้าคงตัวดี! นิกายเหรินตัวดี! ดีมาก!
ข้าโกรธจริงๆ แล้ว สั่งการลงไปยังจักรพรรดิเทพทั้งหมดในวังเทพ ผู้ใดสังหารหลี่เต้าคงสำเร็จจะได้เป็นรองเจ้าวังเทพ ข้าอยากให้สังหารหลี่เต้าคงโดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใด! ให้เหล่าจักรพรรดิเทพไปพร้อมกัน!”
เจ้าแห่งวังเทพแทบจะตะโกนแล้ว และก็ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง
วังเทพไม่ได้สูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้มาเป็นเวลานานนัก!
…….
วังปีศาจ
เมื่อจักรพรรดิปีศาจที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในตำหนักได้ยินรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา สีหน้าของเขาก็แปลกไป
“หลี่เต้าคงร้ายกาจขนาดนี้เชียว มิน่านิกายเหรินถึงกล้าเข้าสู่เคราะห์ คราวนี้วุ่นแล้ว วังเทพคงไม่ได้เกลียดชังเราหรอกกระมัง” จักรพรรดิปีศาจพึมพำกับตัวเอง
เขาสาบานว่าเขาไม่ได้คิดจะวางหลุมพรางวังเทพจริงๆ
ถ้าวังปีศาจสูญเสียมากขนาดนี้บ้าง เขาต้องบ้าคลั่งอย่างแน่นอน
ปีศาจน้อยในตำหนักพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ว่ากันว่าหลี่เต้าคงใช้กระบี่เพียงเล่มเดียวสังหารผู้แข็งแกร่งของวังเทพหลายสิบคน การต่อสู้นี้จะลุกลามไปทั่วแดนเซียนในไม่ช้า”
จักรพรรดิปีศาจหรี่ตาลง พูดกับตัวเองว่า “กระบี่เดียว เจ้านี่กลัวว่าคงเป็นระดับครึ่งต้าหลัวแล้ว”
จู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
นอกจากวังเทพ สำนักพุทธ และวังสวรรค์ ตอนนี้เขายังต้องเผชิญหน้ากับนิกายเหริน เผ่าพันธุ์บรรพกาล และเผ่ามนุษย์อีก
สำนักเต๋าอีกสองสำนักก็ตั้งท่าพร้อมสู้ทุกเมื่อ
สถานการณ์ของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้ซับซ้อนกว่าที่เคยเป็นมา
จักรพรรดิปีศาจลอบด่า
เจ้าพวกนี้นัดกันต่อสู้ช่วงชิงโชคชะตาพร้อมกันหรือ
ในมหาเคราะห์ครั้งก่อน แต่ละคนซื่อตรงปานเต่า เหตุใดครั้งนี้ถึงโผล่หัวมาได้
“ต้องเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่สมควรตายนั่นแน่ๆ ต้องเป็นมันที่คอยปลุกปั่นแน่!”
เมื่อจักรพรรดิปีศาจนึกถึงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ตาสองข้างก็แทบลุกเป็นไฟ
……
หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในถ้ำเทวาอดลืมตาขึ้นไม่ได้ ไม่รู้เพราะเหตุใดเขามักรู้สึกว่ามีคนกำลังด่าเขาอยู่
อู้เต้าเจี้ยนออกจากถ้ำเทวาไปแล้ว เตรียมพร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้มรรคกระบี่กับศิษย์คนอื่นๆ
หานเจวี๋ยกำลังจะฝึกบำเพ็ญต่อ จู่ๆ ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ก็ร้อนระอุขึ้นมา
เขาเชื่อมต่อพลังจิต
“หลี่เต้าคงสำเร็จเป็นเซียนกระบี่อันดับหนึ่งในแดนเซียนแล้ว ฝ่าบาทให้ข้ามาบอกเจ้า หลังจากเจ้ารู้เรื่องนี้แล้วยังจะกราบหลี่เต้าคงเป็นอาจารย์หรือไม่ ฝ่าบาทช่วยเจ้าพูดได้” ตี้ไท่ไป๋ยิ้มกล่าว น้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย
ช่างรู้จักเสแสร้งจริง!
ทำตัวเสียเหมือนสุนัขรับใช้ของจักรพรรดิสวรรค์
หานเจวี๋ยถามด้วยความสงสัย “ก่อนหน้านี้หลี่เต้าคงต่อสู้อยู่กับใครหรือ อานุภาพกระบี่นั้นถึงขั้นกระทบไปถึงแม่น้ำมรรคกระบี่”
ตี้ไท่ไป๋ตอบว่า “วังเทพ เขาฆ่าจักรพรรดิเซียนและระดับเทพไปหลายสิบคนด้วยกระบี่เล่มเดียว”
เมื่อได้ยิน หานเจวี๋ยหนังตากระตุกอย่างแรง
‘สุดยอดขนาดนี้เลยหรือ
ข้าอยากกราบเป็นอาจารย์!’
หานเจวี๋ยเกือบหลุดปากออกมาแล้ว
จากนั้นเขาก็ระมัดระวังตัวขึ้น
ตอนนี้เป็นช่วงมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต หลี่เต้าคงอวดดีเช่นนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะรอดชีวิตจากมหาเคราะห์ไปได้
หานเจวี๋ยปฏิเสธอย่างสุภาพ “ตอนนี้พลังมรรคข้ายังไม่มากพอ กราบผู้อาวุโสหลี่เป็นอาจารย์เกรงว่าจะทำให้วังสวรรค์ขายหน้า ข้าจะบำเพ็ญต่ออีกสักหน่อย”
“เจ้าเด็กคนนี้ อย่าบอกนะว่ายังกลัวอยู่อีกว่าติดตามหลี่เต้าคงแล้วจะตาย”
“พี่ใหญ่ พวกเราล้วนเป็นคนกันเอง ท่านคิดว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเลยหรือ”
“นั่นก็ใช่…”
“ผู้อาวุโสหลี่รอดชีวิตน่ะไม่มีปัญหา แต่ข้ากลัวว่าจะถูกศัตรูของเขาหมายหัว ไม่เพียงเท่านั้น ข้าจะต้องเป็นตัวถ่วงของผู้อาวุโสหลี่อย่างแน่นอน เช่นนี้ไม่ดีเลย เสียแรงที่ผู้อาวุโสหลี่ชื่นชมข้า ทั้งยังช่วยขอบพระทัยความหวังดีของฝ่าบาทแทนข้าด้วย”
“ได้”
การสนทนาระหว่างทั้งสองคนสั้นมาก
หานเจวี๋ยวางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลงพลางขมวดคิ้วมุ่น
เขาถอนหายใจเบาๆ รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ถ้าตอนนี้ไม่ได้มีมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต เช่นนั้นเขาก็ยังสามารถกราบอาจารย์ได้!
ในเวลานี้ เบื้องหน้าหานเจวี๋ยมีตัวอักษรประโยคหนึ่งเด้งขึ้นมา
[ความประทับใจที่หลี่เต้าคงมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4 ดาว]
………………………………………………..