ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 360 หานเจวี๋ยในอนาคต มองเห็นทุกสิ่งทะลุปรุโปร่ง!
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 360 หานเจวี๋ยในอนาคต มองเห็นทุกสิ่งทะลุปรุโปร่ง!
อันที่จริงการถูกมรรคาสวรรค์ควบคุมก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย สรรพสัตว์มากมายที่เวียนว่ายถือกำเนิดมาสิบชาติ ร้อยชาติ หรือพันชาติล้วนบรรลุถึงระดับเทพได้ยากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับต้าหลัว ไปจนถึงอริยะเลย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่กล้าจินตนการเลยว่าเหนือกว่ามรรคาสวรรค์ขึ้นไปจะเป็นฉากอย่างไร
ก็เหมือนการที่มนุษย์ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าสรุปแล้วนอกอวกาศเป็นแบบไหน
เมื่อพลังบรรลุถึงขีดสูงสุด ย่อมไม่อาจแบ่งแยกสูงต่ำได้ ขั้นอริยะเดิมทีก็สามารถทำได้ทุกอย่าง เป็นอมตะยืนยง แล้วตัวตนที่อยู่เหนือกว่าอริยะขึ้นไปจะแข็งแกร่งเพียงใดกันเล่า
ต่อให้เป็นหานเจวี๋ยในตอนนี้ก็ไม่อาจจินตนาการได้เช่นกัน
หานเจวี๋ยถามด้วยความสงสัย “มีหนทางบรรลุมรรคาโดยไม่ต้องพึ่งพาผลบุญหรือไม่”
“มี บนตัวเจ้ามีกลิ่นไอของมรรคาแห่งกรรม คาดว่าเคยไปพบปรมาจารย์ลัญจกรสรวง ณ ตำหนักเอกอนันต์ที่ชั้นดาวดึงส์มาแล้ว”
คำตอบของจักรพรรดินีผืนพิภพสร้างความประหลาดใจให้แก่หานเจวี๋ย
‘ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเก่งกาจขนาดนี้เชียวหรือ’
หานเจวี๋ยถามต่อ “เช่นนั้นบรรพชนเต๋าเล่า”
จักรพรรดินีผืนพิภพเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “บรรพชนเต๋าหรือ แน่นอนว่านั่นคือตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของการบำเพ็ญ ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว เขารวมเป็นหนึ่งเดียวกับมรรคาสวรรค์ มหาเคราะห์ผันผ่านห้าคราเขาก็มิเคยปรากฏตัวขึ้นอีกเลย เบาะแสของเขา แม้จะเป็นอริยะก็ยากที่จะสืบพบ”
หานเจวี๋ยยิ่งรู้สึกสนใจใคร่รู้ในตัวบรรพชนเต๋าขึ้นไปอีก
‘ห้ามหาเคราะห์ผันผ่านก็มิเคยปรากฏตัวขึ้นอีก เช่นนั้นจักรพรรดิสวรรค์พบบรรพชนเต๋าได้อย่างไร’
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่พบเขามาก่อน เพียงแต่มรดกวิชาของวังสวรรค์ทำให้เขาทราบว่ามีบรรพชนเต๋าคอยหนุนหลังวังสวรรค์อยู่
มีความเป็นไปได้สูง
หานเจวี๋ยรู้สึกอยู่เสมอว่าจักรพรรดิสวรรค์มีข้อเสียตรงที่ชอบคุยโม้โอ้อวด จึงทำให้ถูกหักหน้าอยู่บ่อยครั้ง
ก่อนที่มหาเคราะห์จะเริ่มขึ้น จักรพรรดิสวรรค์ก็คุยโม้อยู่หลายครั้งว่าจะกวาดล้างวังปีศาจเอย นิกายเจวี๋ยเอย ผลคือสลายศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้อยู่บ่อยครั้ง
“เจ้าต้องการออกมาพบพวกเขาหรือไม่” จักรพรรดินีผืนพิภพเอ่ยถาม
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ “ช่างเถิด ให้พวกเขาคอยบำเพ็ญให้ดีไปเถอะ ข้าก็ไม่อยากขออะไรเกินไปนัก”
“ได้ ว่ากันตามนี้เถิด หากแดนชำระบาปเก้าขุมประสบปัญหา ข้าจะออกโรงแน่ เจ้าวางใจเถอะ”
ครั้นจักรพรรดินีผืนพิภพเอ่ยจบ กลิ่นอายของนางก็เลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง
หานเจวี๋ยเก็บจิตรับรู้กลับมา พลันตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตน
บทสนทนาในครั้งนี้สอดแทรกสาระสำคัญไว้มากโข เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยได้สัมผัสถึงผลบุญแห่งมรรคาสวรรค์ ทำให้เขามีความเข้าใจขั้นต้นเกี่ยวกับอริยะและมรรคาสวรรค์แล้ว
ในเวลานี้เอง
เสียงหัวเราะดังลั่นแว่วเข้ามา “เจ้าเด็กเวร ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ ดูสิว่าเจ้าจะหลบต่อไปได้หรือไม่!”
ตูม!
ค่ายกลของเกาะสำนักซ่อนเร้นถูกโจมตี ผู้โจมตีคือผานซิน
ผานซินคิดจะบุกฝ่าเข้ามา!
หานเจวี๋ยรู้สึกโกรธเกรี้ยวยิ่ง ไอ้หมอนี่ไม่ปกติหรือไง
เขากระตุ้นจิต ส่งหลี่ว์ปู้ออกไปต้านผานซินไว้ก่อนทันที
ในห้วงอวกาศอันมืดมัว ผานซินวาดไม้วาดมือใส่หินก้อนหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นเงาร่างสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา คือหลี่ว์ปู้นั่นเอง
ผานซินเบิกตากว้าง เขาถอยกรูดทันที สีหน้าครึ้มลงพลางกัดฟันกล่าว “เจ้าหนูจู่ถู เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
จู่ถูสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงมือทันที
พลังเวทระดับมหาศาลสองสายเข้าปะทะกัน สะท้านสะเทือนห้วงอวกาศของแดนชำระบาปเก้าขุม ดุจมังกรไหวกาย
ผานซินตะโกนเสียงดังลั่น “ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะมาหลบอยู่ที่นี่! ใต้เท้าอย่างข้าไม่เล่นกับเจ้าแล้ว!”
พอกล่าวจบ เขาก็หนีไปทันที
หานเจวี๋ยพูดไม่ออกสักนิด
ความกล้าของไอ้หมอนี่มันช่างน้อยนิดเสียจริง
เมื่อครู่หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบคัดลอกระดับบำเพ็ญของผานซินไว้แล้ว หลังจากแน่ใจว่าผานซินหนีไปแล้วจริงๆ เขาจึงเรียกหลี่ว์ปู้กลับมา จากนั้นก็เริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบกับตัวเอง ต่อสู้กับผานซิน!
เขาอยากวัดพลังของผานซินดูสักหน่อย
มีบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรค้ำจุนอยู่ ผานซินแม้จะไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันของยอดสมบัติมรรคาสวรรค์ได้ แต่ก็ยังสร้างความสะเทือนขวัญให้กับหานเจวี๋ยได้อยู่ดี
หลังจากผ่านไปหลายนาที เกราะป้องกันของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรก็ถูกทำลาย หานเจวี๋ยถูกสังหารในเสี้ยววินาที
อะไรกัน!
เจ้าหมอนี่น่าจะแข็งแกร่งกว่าจู่ถูอีกกระมัง
ถึงขั้นที่ว่าถ้าจัดวางไว้ในในหมู่ผู้สดับเต๋าของตำหนักเอกอนันต์ จะอยู่ในระดับแนวหน้าเลยก็ว่าได้
แต่เพราะเหตุใดเขาถึงกลัวจู่ถูขนาดนั้นกัน
เพียงเพราะขี้ขลาด หรือเป็นเพราะจู่ถูมีภูมิหลังอย่างอื่นอยู่อีก
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง
เขาเคยทำนายอนาคตดูแล้ว จู่ถูมีความเกี่ยวข้องกับวังปีศาจแห่งนั้น คาดว่าน่าจะได้รับการสนับสนุนจากวังปีศาจแล้ว
พอนึกถึงเรื่องนี้ หานเจวี๋ยพบว่าตนไม่ได้ใช้ระบบวิวัฒนาการมานานมากแล้ว
เช่นนั้นก็เอาเถอะ!
‘ข้าอยากรู้ว่าผู้มีชัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้คือผู้ใด’
หานเจวี๋ยคาดคิดอยู่ในใจ เมื่อมหาเคราะห์สิ้นสุดลง ผู้ชนะย่อมมีมากกว่าหนึ่งคนเป็นแน่ อาจนับรวมบรรดามิตรสหายลูกน้องในสังกัดด้วย อย่างที่กล่าวกันว่าหนึ่งคนบรรลุธรรมลิ่วล้อพลอยขึ้นสวรรค์ไปด้วย
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
มากขนาดนี้เชียวหรือ
หานเจวี๋ยเลือกดำเนินการต่ออย่างเงียบๆ
ทันใดนั้น เขาพลันรู้สึกว่าฟ้าดินพลิกหมุนกลับตาลปัตร
….
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง หานเจวี๋ยมองเห็นนภากว้างคลุมโลกา รายล้อมด้วยภูเขาเขียวสายธารสีมรกต ทิวทัศน์งดงามดั่งภาพวาด
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเทียบกับฉากโลกาวินาศหลายครั้งก่อน ฉากนี้ย่อมงดงามอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ดูเหมือนเขาจะกอบกู้โลกได้สำเร็จสินะ
ปวงชนเอ๋ย
พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่พวกเจ้าเดียดฉันท์ทำอะไรเพื่อพวกเจ้าบ้าง
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาก คอยเปลี่ยนแปลงแนวโน้มสถานการณ์ของมรรคาสวรรค์อย่างเงียบเชียบ ช่วยแดนเซียนและสวรรค์เอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ในเวลานี้
หานเจวี๋ยมองเห็นเงาร่างสองสายร่อนลงมา
เขาเบิกตากว้าง สีหน้าตกตะลึง
ทั้งสองคนที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาคือหานเจวี๋ยและอู้เต้าเจี้ยน!
หานเจวี๋ยคนนี้สวมชุดขาว สง่างามเจิดจรัส ทุกอากัปกิริยาแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิสวรรค์เสียอีก
อู้เต้าเจี้ยนมีบุคลิกเย็นชา เดินเคียงไหล่เสมอกับหานเจวี๋ย ไม่มีความพินอบอ่อนน้อมเลยสักนิด ไม่เหมือนตัวนางในถ้ำเทวาฟ้าประทานเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสองร่อนลงบนไหล่เขา หันกลับไปมองโลกหล้า
อู้เต้าเจี้ยนเปิดปากเอ่ย “พลังวิเศษนี้ของท่านคงสภาพไว้ได้นานแค่ไหน”
หานเจวี๋ยในอนาคตเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชั่วนิรันดร์”
เขายกสองแขนขึ้นมา บิดขี้เกียจคราหนึ่ง เอ่ยยิ้มๆ “ข้าโอบอุ้มเวไนยสัตว์ด้วยพลังวิเศษของข้า ตัวข้าก็คือมรรคาสวรรค์!”
“นับจากนี้ไป ข้าจะควบคุมมรรคาสวรรค์ เวไนยสัตว์ไม่ต้องเผชิญมหาเคราะห์อีกต่อไป เว้นแต่ข้าจะไม่ชอบพวกเขา”
ถ้อยคำของเขาเปี่ยมด้วยความลำพองใจ
หานเจวี๋ยฟังแล้วขมวดคิ้ว
ตัวเขาในอนาคตจองหองขนาดนี้เชียวหรือ
ยังมีพลังวิเศษนั่นอีกหมายความว่าอย่างไรกัน
โลกดาราที่อยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณเขาหรือ
ไม่ถูกแล้ว!
เขาไม่มีทางเป็นแบบนี้ไปได้!
เจ้าหมอนี่ไม่ใช่เขาสินะ
หานเจวี๋ยครุ่นคิดด้วยความหวาดผวาอย่างยิ่ง คงไม่ใช่ว่าตนถูกยึดร่างไปแล้วกระมัง
“ถึงอริยะเหล่านั้นจะไปที่แดนตะวันออกแล้ว แต่ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าคิดจะเข้าแทนที่มรรคาสวรรค์ไม่ง่ายดายถึงขนาดนั้น มิเช่นนั้นเหตุใดในอดีตจึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเล่า” อู้เต้าเจี้ยนขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นมา
หานเจวี๋ยในอนาคตยิ้มหยันกล่าววาจา “มหาเคราะห์จบลงแล้ว แดนสวรรค์นอกจากเจ้ากับข้า รวมถึงเหล่าเวไนยสัตว์ในการควบคุมของข้า พวกที่เหลือล้วนตายไปหมดแล้ว ผู้ใดจะมาคุกคามพวกเราได้ มรรคาสวรรค์ก็เป็นแค่กฎเท่านั้น!”
อู้เต้าเจี้ยนส่ายหน้า
หานเจวี๋ยในอนาคตเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว งั้นก่อตั้งวังสวรรค์สักแห่ง แล้วให้เจ้าดำรงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ดีหรือไม่”
อู้เต้าเจี้ยนแค่นเสียงเอ่ยว่า “ไม่ดี ท่านระวังเจ้าคนผู้นั้นไว้จะดีที่สุด เขามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวังสวรรค์ ท่านล้างบางวังสวรรค์รวมถึงลูกศิษย์ของเขา เขาไม่มีทางปล่อยท่านไป เขาต้องซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดแน่ ไม่แน่ว่าอาจมาสร้างปัญหาให้ท่านได้ทุกเมื่อ”
“ข้ารู้จักเขาดี เขารักตัวกลัวตาย ไม่มีทางมาหาเรื่องตัวข้าในตอนนี้หรอก”
หานเจวี๋ยในอนาคตส่ายหน้าพลางหลุดขำ
หายเจวี๋ยเปลี่ยนสีหน้า ขณะที่คิดจะดูต่อไป ฉากตรงหน้าก็พังทลายลง
จิตสำนึกกลับสู่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น
ไอ้หมาตัวนั้นมันเป็นใครกัน
เท่าที่ฟังจากบทสนทนาของพวกเขา วังสวรรค์ถูกทำลายไปแล้ว!
เจ้าคนผู้นั้นที่ซ่อนอยู่ในมุมมืดหรือจะเป็นตัวเขาหานเจวี๋ย
ไอ้หมอนี่ไม่ใช่เขาแน่นอน!
หานเจวี๋ยรู้สึกโกรธจัด ทำไมจู่ๆ ถึงมีปัญหาโผล่ออกมาอีกแล้ว
หานเจวี๋ยและอู้เต้าเจี้ยนตัวปลอมพวกนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่
หานเจวี๋ยนึกต่อไปอย่างเงียบๆ ‘ข้าอยากรู้ว่าใครที่อาจจะกลายเป็นตัวข้ารวมถึงอู้เต้าเจี้ยน!’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
หืม?
ทำไมราคาถึงเป็นสองเท่าเลยล่ะ!
หัวคิ้วของหานเจวี๋ยขมวดแน่นยิ่งขึ้น
เขาไม่ชอบการติดกับอยู่ในแผนร้าย เขาต้องการมองเห็นทุกสิ่งอย่างทะลุปรุโปร่ง!
ดำเนินการต่อ!
………………………………………………………………