ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 398 คำสอนมรรค อาจารย์ของจักรพรรดิสวรรค์
“แต่ถึงอย่างไรก็ต้องระวังตัวเอาไว้ พยายามอย่าเข้าไปข้องเกี่ยวกับบรรพชนเต๋าในอนคต ปากมากจะพาซวย”
หานเจวี๋ยแอบคิดว่าอย่าได้ถูกความประทับใจหนึ่งดาวนี้หลอกเอาเชียว หากทำอะไรไม่ถูกใจบรรพชนเต๋าเข้า อาจจะหายไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้
แต่บรรพชนเต๋าไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น แผนการของอริยะคือมุ่งเป้าไปที่การทำให้บรรพชนเต๋าหายไป หากบรรพชนเต๋าเป็นพวกที่ไม่พอใจใครก็ฆ่าทิ้งจริง คงไม่หลอมรวมกับมรรคาสวรรค์อันเที่ยงธรรม และคงไม่มีความคิดที่จะสร้างวังสวรรค์ และเทพเซียนขึ้นมาเป็นแน่
หานเจวี๋ยเลิกคิดมากอีก และหันไปฝึกบำเพ็ญต่อ
บางทีบรรพชนเต๋าอาจจะเฝ้ามองเขาอยู่ก็เป็นได้!
อาณาเขตเต๋าสามารถป้องกันการสอดแนมจิตนึกคิดของอริยะได้ แต่บรรพชนเต๋าไม่ใช่อริยะ!
กลับกัน บรรพชนเต๋าเป็นถึงเทพมารฟ้าบุพกาล! เช่นนั้นก็แสดงว่าอยู่ในรุ่นเดียวกันกับเทพยักษ์ผานกู่น่ะสิ
หากตอนนั้นเขาไม่ตายด้วยน้ำมือของผานกู่ ก็ต้องแพ้ราบคาบ หรือไม่ก็ไม่เข้าร่วมสงครามตั้งแต่แรก ทว่ากลับชิงชัยไปได้ในภายหลัง สมกับเป็นบรรพชนเต๋าผู้ไม่สนโลก
…
สิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยอ่านจดหมายหลังการฝึกบำเพ็ญ
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่ามังกรแท้] x102980
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านได้รับคำชี้แนะจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[เต้าจื้อจุนสหายของท่านเข้าสู่แดนเทพหวนปัจฉิม]
[โจวฝานสหายของท่านดูดซับเพลิงแท้สุริยะ กายเนื้อเกิดการแปรเปลี่ยน เป็นอมตะ]
[ตี้หล่านเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[ต้วนหงเฉินสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[เซวี่ยหมิงเหอสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากตี้หล่านเทียนสหายของท่าน]
[บรรพชนเต๋าสหายของท่านดวงชะตาตกต่ำ]
[เต้าจื้อจุนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ร่างกายบาดเจ็บสาหัส ถูกจองจำในยอดสมบัติ]
…
โจวฝานกำลังจะโจมตีกลับอีกครั้ง
หานเจวี๋ยในตอนนี้ไม่สนใจอดีตที่ผ่านมาของเขา ตรงกันข้ามเขากลับตั้งตารอคอยว่าในอนาคตอีกฝ่ายจะเติบโตได้สูงเพียงใด
บรรพชนเต๋าดวงชะตาตกต่ำ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าขบคิด
ดวงชะตาของบรรพชนเต๋าคือดวงชะตาของมรรคาสวรรค์ทั้งหมด ทว่าเมื่อพูดถึงดวงชะตาของบรรพชนเต๋าแล้ว แค่นี้นับว่าเล็กน้อยอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยไล่สายตาลงไป เต้าจื้อจุนถูกโจมตีอีกแล้ว
สมควรแล้ว! เจ้าคนชาติหมา ดีแต่จะลากข้าลงไปซวยด้วย!
หานเจวี๋ยรู้สึกยินดีปรีดาในความทุกข์ของอีกฝ่าย จนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
สมควรแล้ว!
แต่ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
เจ้านี่คงไม่มาขอให้เขาช่วยเหลืออีกใช่หรือไม่
ยิ่งคิด หานเจวี๋ยก็ยิ่งเห็นถึงความเป็นไปได้มากขึ้น
เขาไล่สายตาอ่านจดหมายลงมาเรื่อยๆ สถานการณ์ในวังสวรรค์นับว่าดีใช้ได้ ตั้งแต่เปลี่ยนตัวจักรพรรดิสวรรค์ ก็ไม่มีการล้อมโจมตี ตรงกันข้ามเผ่าเทพอีกาทองและหลงเฮ่ากลับตกเป็นเป้าโจมตีแทน อาจเป็นเพราะพวกเขาเป็นฝ่ายรุกราน และมีอัตราการปรากฏตัวสูงลิ่ว
ตั้งแต่จักรพรรดิสวรรค์แกล้งตาย หานเจวี๋ยก็เบาใจขึ้นเยอะ อย่างน้อยจักรพรรดิสวรรค์ก็หลีกหนีเคราะห์กรรมได้แล้วครึ่งหนึ่ง
หลังจากอ่านจดหมายแล้ว หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ
อาศัยอยู่ที่แดนต้องห้ามอันธการนั้นช่างแสนสบาย เกาะสำนักซ่อนเร้นไม่ได้ประสบพบเจอกับปัญหามานาน
เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายแต่อย่างใด ทว่ากลับแข่งขันกันอย่างลับๆ การต่อสู้ที่มองไม่เห็นกำลังปะทุขึ้นในเกาะสำนักซ่อนเร้น
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือโลกเขย่าพิภพในส่วนลึกวิญญาณของหานเจวี๋ยกำลังพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งหานเจวี๋ยแข็งแกร่งขึ้น สายสัมพันธ์ระหว่างโลกเขย่าพิภพและมรรคาสวรรค์ก็ยิ่งอ่อนแอลง พลังเวทปฐมเทพของหานเจวี๋ยสามารถแบ่งออกส่วนหนึ่งเพื่อรองรับโลกเขย่าพิภพ หานเจวี๋ยรู้สึกเขาต้องหยุดผลกระทบของมรรคาสวรรค์ต่อโลกเขย่าพิภพไปอย่างจำใจ
และแล้ววันหนึ่งโลกเขย่าพิภพก็ตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์
ด้วยการดูแลของพุทธะอาภรณ์ขาว ทำให้โลกเขย่าพิภพอยู่ในสภาพที่เฟื่องฟูอยู่เสมอ โลกาสวรรค์ของเขาเองก็ขยายขอบเขตออกไปด้วยพลังเวทปฐมเทพของหานเจวี๋ย
พุทธะอาภรณ์ขาวแทบไม่เคยเรียกหาหานเจวี๋ย เขาเข้าใจดีว่าหากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ก็อย่ารบกวนหานเจวี๋ย
หลังจากผ่านไปอีกหลายปี สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแรกในโลกเขย่าพิภพ นักพรตเต๋าจิ่วติ่งสละตำแหน่งไปนานแล้ว เจ้าสำนักถูกเปลี่ยนมือไปถึงเจ็ดคน บ้างก็ล้มหายตายจาก บ้างก็ถอนตัวไปฝึกบำเพ็ญ
ในโลกเขย่าพิภพทั้งใบ กรรมระหว่างสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์และหานเจวี๋ยนั้นยิ่งใหญ่พอสมควร
ส่วนพุทธะอาภรณ์ขาวก็ค่อนข้างจะเข้าใจเรื่องราวต่างๆ มากทีเดียว
…
ยี่สิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยที่กำลังสาปแช่งหลี่เสวียนเอ้าอยู่ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีใครบางคนในอาณาเขตฟ้าบุพกาลกำลังเรียกเขา
ไม่รู้ว่าเป็นจ้าวเซวียนหยวนหรือเต้าจื้อจุนกันแน่
หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง และส่งจิตรับรู้เข้าไปยังอาณาเขตฟ้าบุพกาล
เขาอยากรู้ว่าเต้าจื้อจุนจะเป็นทุกข์มากเพียงใด
เต้าจื้อจุนและจ้าวเซวียนหยวนต่างอยู่กันพร้อมหน้า
หานเจวี๋ยยิ้มแล้วเอ่ยถาม “วังสวรรค์เปลี่ยนจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ท่านจะขอให้ข้าหาใครหน้าไหนมาช่วยเหลือท่านอีก”
เต้าจื้อจุนตอบกลับด้วยความเกี้ยวกราด “ท่านหมายความว่าอย่างไร คิดว่าข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่านงั้นหรือ”
“แล้วไม่ต้องการหรือ”
หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก
เต้าจื้อจุนแค่นเสียงกล่าว “ท่านคิดว่าข้าเป็นใคร ข้าค้นพบคำสอนมรรคที่บรรพชนเต๋าหลงเหลือไว้ในแดนเทพหวนปัจฉิม นี่อาจเป็นโอกาสวาสนาครั้งใหญ่เชียว!”
หานเจวี๋ยตอบกลับ “ข้าไม่ไป”
“จริงๆ เลย มันจารึกวิชาแห่งต้าหลัวเอาไว้ด้วยนะ!”
“ไม่ไปก็คือไม่ไป”
“ท่านคิดว่าข้าโกหกเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“แล้วเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่”
“ไม่จำเป็น!”
เต้าจื้อจุนโกรธจัดที่หานเจวี๋ยดูถูกเขา!
จ้าวเซวียนหยวนที่ปิดปากเงียบมานานทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยขึ้นมา “ศิษย์พี่เต๋า ท่านเลิกวางท่าได้แล้ว ข้าชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ รีบขอความช่วยเหลือเร็วเข้า!”
เขามองหานเจวี๋ยแล้วเอ่ย “อันที่จริงข้าพบคำสอนมรรคแล้ว ทว่าข้อต้องห้ามของมันรุนแรงเกินไป พวกเราคิดจะกลับไปหาคนมาช่วย แต่ระหว่างทางพบต้าหลัวขวางทางไว้ เขามองออกถึงผลกรรมระหว่างเรากับคำสอนมรรค”
คำพูดต่อจากนั้นไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมา ไม่มีอะไรมากไปกว่าถูกบังคับให้สารภาพ
หานเจวี๋ยกล่าว “พวกท่านพูดออกมาเถิด ข้าช่วยอะไรพวกท่านไม่ได้อยู่แล้ว”
วังสวรรค์ในตอนนี้ไม่อาจช่วยเหลือเต้าจื้อจุนได้
เต้าจื้อจุนกล่าว “หากท่านช่วยหาทางติดต่อหลี่เต้าคงได้ เขาต้องสนใจแน่”
หานเจวี๋ยกล่าว “จะมาขอให้ข้าช่วยเหลือตลอดไม่ได้ พวกท่านต้องมีสิ่งตอบแทนบ้าง”
เต้าจื้อจุนนิ่งเงียบไป
จ้าวเซวียนหยวนกล่าว “หากรอดชีวิตไปได้ เรายินดีที่จะแบ่งปันคำสอนมรรคกับท่าน”
“แบ่งปันกันในอาณาเขตฟ้าบุพกาลได้เลยหรือ’’
“แน่นอน แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ เรายังไม่มีเวลาหยั่งรู้”
“อืม”
หลังจากตอบรับ หานเจวี๋ยก็ไปจากอาณาเขตฟ้าบุพกาลทันที
เมื่อกลับคืนสู่ความเป็นจริง หานเจวี๋ยหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา และเริ่มใช้พลังเวท
หลังจากที่จักรพรรดิสวรรค์ลงจากบัลลังก์แล้ว ป้ายคำสั่งนี้น่าจะถูกส่งต่อให้กับฟางเหลียง
จิตนึกคิดเชื่อมต่อกันอย่างรวดเร็ว
เสียงที่คุ้นเคยลอยมา “อาจารย์ปู่”
ฟางเหลียงนั่นเอง!
เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังประหม่าอย่างมาก
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “รสชาติของจักรพรรดิสวรรค์เป็นเช่นไรบ้าง”
ฟางเหลียงยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่ดีเลยขอรับ ความกดดันสูงมาก ที่จริงข้าไม่อยากเป็นเลย แต่…อนิจจา!”
ความทุกข์ยากเหลือแสนทั้งปวงอัดแน่นอยู่ในอกของเขา
หานเจวี๋ยคร้านจะไต่ถามต่อ จึงบอกเรื่องที่เต้าจื้อจุนร้องขอออกไปตรงๆ เขาขอให้ฟางเหลียงบอกกล่าวต่อหลี่เต้าคง ส่วนหลี่เต้าคงจะไปหรือไม่ไปนั้น ก็สุดแล้วแต่เขา หานเจวี๋ยไม่มีสิทธิ์ไปบังคับ
“ไม่มีปัญหา” ฟางเหลียงตอบรับอย่างง่ายดาย
เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า “ท่านกับหลี่เต้าคงมีความสัมพันธ์กันอย่างไรหรือขอรับ เขายกย่องท่านมาก หวังว่าจะได้พบท่านอีกสักครั้ง”
หานเจวี๋ยตอบกลับ “ฝากขอบคุณในความปรารถนาดีของเขาแทนข้าด้วย ข้ากำลังหลีกหนีเคราะห์กรรม เมื่อมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตสิ้นสุดลง ข้าจะไปเยี่ยมเยือนเขาด้วยตนเอง รวมถึงวังสวรรค์ด้วย”
ฟางเหลียงยิ้มกล่าว “ได้ขอรับ ถึงตอนนั้นข้าจะมอบตำแหน่งให้ท่านเป็นอาจารย์ของจักรพรรดิสวรรค์!”
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอก ข้าไม่ต้องการของพวกนั้น แค่นี้แหละ”
หานเจวี๋ยรีบตัดการเชื่อมต่อจิตนึกคิด และเข้าสู่การฝึกบำเพ็ญต่อทันที
วังสวรรค์
ฟางเหลียงมาถึงพระราชวังที่หลี่เต้าคงอาศัยอยู่ และบอกเรื่องที่หานเจวี๋ยขอร้องมากับอีกฝ่าย
หลี่เต้าคงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ปรมาจารย์ของเจ้าไปหลบเคราะห์กรรมอยู่ที่ใดกัน ทำไมข้าถึงสัมผัสไม่ได้ อยู่ในแดนชำระบาปเก้าขุมงั้นหรือ หรือว่าอยู่ในแดนต้องห้ามอันธการ”
ฟางเหลียงส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ไม่น่าจะใช่แดนชำระบาปเก้าขุม เพราะแดนชำระบาปเก้าขุมโกลาหลใหญ่แล้ว ส่วนแดนต้องห้ามอันธการ ที่นั่นเหมาะแก่การฝึกบำเพ็ญด้วยหรือ”
……………………………………