ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 423 หนี่ว์วาเข้าฝัน จักรพรรดิสวรรค์เข้าสู่ด้านมืด
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 423 หนี่ว์วาเข้าฝัน จักรพรรดิสวรรค์เข้าสู่ด้านมืด
นอกจากเหล่าจื่อ ยังมีบุคคลที่ทิ้งร่องรอยไว้ในตำนานหวาเซี่ย เช่นตี้จวินและหนี่ว์วา
หนี่ว์วาที่ตอนนี้กำลังจะสละตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์ ก็ทรงพลังมากกว่าที่หานเจวี๋ยวาดภาพไว้
หานเจวี๋ยยิ่งรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าบุคคลต่างๆ ที่กล่าวถึงข้างต้นนั้นช่างสูงส่งเกินจะหยั่งถึงจริงๆ
เขายังสงสัยอีกว่าตนในฐานะตัวแปร แท้จริงแล้วมีสิ่งที่น่าประทับใจหรือมีบทบาทอย่างไรในสายตาของเหล่าอริยะกันแน่
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหลี่มู่อีดูแคลนเขา หนี่ว์วาแม้ว่าจะอยากได้เขามาเป็นพวก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับเขาขนาดนั้น
หรืออริยะเป็นพวกไร้หัวใจที่เที่ยงธรรม
ไม่มีทาง! พวกเขาเที่ยงธรรมเสียที่ไหนกัน
นับตั้งแต่เขาประสบกับมหาเคราะห์ครั้งนี้ หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าอริยะล้วนแต่ตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัว จนไม่สนความเป็นความตายของคนธรรมดา เรียกได้ว่าเห็นแก่ตัวก็ว่าได้
หานเจวี๋ยส่ายหน้า เลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงหวงจุนเทียนและซูฉีขึ้นมา ต้องเข้าฝันสองคนนั้นหรือไม่นะ
ซูฉีอยู่ในแดนต้องห้ามอันธการ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ตัวตนของหวงจุนเทียนในขณะนี้มีความเปราะบาง ไม่ใช่เวลาที่ดีนักที่หานเจวี๋ยจะเข้าฝันอีกฝ่าย บวกกับการมีตัวตนอยู่ของจิ่งเทียนกง หากถูกอีกฝ่ายโยงไปสู่ตัวตนของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการย่อมไม่เป็นการดี
หานเจวี๋ยไม่เข้าฝันใครอีก และกลับไปฝึกบำเพ็ญต่อแทน
สิ่งที่เขาพอทำได้มีเพียงเท่านี้
ต่อไปเขาก็เฝ้าคอยมหาเคราะห์แปรผันขึ้นลงอย่างสงบเสงี่ยม
…
โมงยามเคลื่อนคล้อย สิบปีผ่านไปในพริบตา
หานเจวี๋ยยังคงสาปแช่งศัตรูทุกๆ สิบปี จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนกลายเป็นมารสวรรค์ไปแล้ว แต่ภาพประจำตัวยังอยู่ ดังนั้นหานเจวี๋ยจึงสาปแช่งเขาต่อไป
หลายปีมานี้ เขาไม่เคยย่างกรายออกจากถ้ำเทวาเลยสักครั้ง เอาแต่ฝึกบำเพ็ญอย่างสงบ ตบะก็เพิ่มพูนขึ้นไม่น้อย
หานเจวี๋ยไม่มีทางเข้าใจในแดนเซียนได้เลย เนื่องจากตอนนี้มีแต่สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และวังสวรรค์ สถานการณ์สงครามปรากฏขึ้นในจดหมายมากมายจนล้น นอกจากการสู้รบแล้ว หานเจวี๋ยก็แทบไม่เห็นข่าวคราวเรื่องอื่นอีก
วันหนึ่ง ในที่สุดหานเจวี๋ยก็รู้สึกถึงสิงหงเสวียนที่สำแดงวิชาอัญเชิญเทพ
เพื่อความปลอดภัย หานเจวี๋ยลองคำนวณก่อนหนึ่งครั้ง
หลังจากหักอายุขัยไปหนึ่งร้อยล้านปี และยืนยันแล้วว่าไม่มีใครจับตามองสิงหงเสวียนอยู่ เขาก็รีบปรี่ไปยังห้วงอากาศว่างเปล่าทันที
เมื่อข้ามผ่านคลื่นวนสีดำ หานเจวี๋ยก็ได้พบกับสิงหงเสวียน
นางแต่งกายในชุดกระโปรงสีขาว เรือนกายผุดผ่องชวนมอง แช่มช้อยราวกับนางสวรรค์ งามปานล่มบ้านล่มเมือง
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัว สิงหงเสวียนก็โผเข้าไปหาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถิด”
หานเจวี๋ยพยักหน้า นำร่างของสิงหงเสวียนเก็บไว้ในแขนเสื้อ จากนั้นจึงก้าวสู่คลื่นวนสีดำ กลับไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทานดังเดิม
เมื่อหานเจวี๋ยปล่อยสิงหงเสวียนออกมาแล้ว ก็ทำการเคลื่อนย้ายเกาะสำนักซ่อนเร้นทันที แม้ว่าแดนต้องห้ามอันธการจะปลอดภัยอย่างยิ่ง แต่ระวังไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
สิงหงเสวียนเดินสำรวจภายในถ้ำเทวา นางเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “ผ่านมาตั้งหลายปี ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด”
ดวงจิตประหลาดจ้องมองสำรวจสิงหงเสวียนด้วยความสงสัย มันสงสัยมากว่าสิงหงเสวียนโผล่ออกมาจากแขนเสื้อของหานเจวี๋ยได้อย่างไร
“ถ้ำเทวาของเจ้ายังอยู่ เจ้าไปเถิด” หานเจวี๋ยเอ่ยปากไล่นางทันที
สิงหงเสวียนเบียดกายแนบชิด ดวงตาคู่งามวาววับ นางปิดปากพลางยิ้ม “พวกเรา…”
“ไม่มีเวลา!”
“ก็ได้”
สิงหงเสวียนเม้มปากแน่น จำใจจากไป
หานเจวี๋ยกำลังวุ่นอยู่กับการหนี มีเวลามาเล่นจ้ำจี้กับนางเสียเมื่อไรกัน
เมื่อก้าวออกจากถ้ำเทวา สิงหงเสวียนก็ดึงดูดสายตาของทุกคน
สิงหงเสวียนที่กลับชาติมาเกิด และเปลี่ยนร่างใหม่แล้ว จึงไม่มีใครจำนางได้
เป็นไก่คุกรัตติกาลที่จำนางได้ก่อนใครเพื่อน มันจำกลิ่นอายของนางได้ พูดให้ถูกต้องคือกลิ่นอายวิญญาณ
หลังจากตัวตนของสิงหงเสวียนถูกเปิดเผยแล้ว ทุกคนก็ตกใจกันยกใหญ่ แต่หลังจากทำความเข้าใจแล้ว พวกเขาก็พากันซุบซิบอยู่ในใจ
‘ล้างคุณสมบัติของตนเช่นนี้ได้ด้วยหรือ’
ฉู่ซื่อเหรินเอ่ยเป็นการคาดเดา “น่าจะมีอะไรมากกว่าการกลับชาติ”
เขาเดาว่าน่าจะเป็นฝีมือของจักรพรรดินีผืนพิภพ มิฉะนั้นจะมาเกิดในภพภูมิที่ดีอย่างรวดเร็วเช่นนี้เชียวหรือ
จินกังนู่ ถูหลิงเอ๋อร์มาจากเผ่าจอมเวท จักรพรรดินีผืนพิภพให้การช่วยเหลือหานเจวี๋ย ฟังดูสมเหตุสมผลดี
ไก่คุกรัตติกาลหันไปมองราชามังกรสามหัว ก่อนจะเอ่ย “เจ้าอยากกลับชาติไปเกิดใหม่บ้างหรือไม่”
ราชามังกรสามหัวโต้กลับด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ไม่อยาก!”
ตอนนี้ตัวเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลำดับศักดิ์ต่ำที่สุดในสำนักซ่อนเร้น เขาเดาได้อยู่แล้วว่าเมื่อครู่ไก่คุกรัตติกาลกำลังเยาะเย้ยเขา
สิงหงเสวียนไม่ได้อยู่นานนัก ไม่นานนางก็จากไป คนอื่นๆ จึงหันกลับมาพูดคุยกันต่อ
ครึ่งชั่วยามต่อมา
หานเจวี๋ยจึงหยุดการเคลื่อนย้ายเกาะสำนักซ่อนเร้น
เขาพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด ความกังวลใจสงบลงในที่สุด
สิงหงเสวียนกลับมาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว ต่อไปแม้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะพ่ายแพ้ ก็ไม่ใช่ธุระกงการของหานเจวี๋ยอีก
ส่วนสหายคนอื่นๆ หานเจวี๋ยเคยเกลี้ยมกล่อมทั้งหมดแล้ว หากว่าตัวตายจริงๆ หานเจวี๋ยก็ทำได้เพียงภาวนาเผื่อพวกเขาในขวบปีที่น่าเบื่อหน่ายไร้สิ้นสุด
‘หากเป็นสงครามของอริยะก็ขอให้มาถึงช้าหน่อย หากไม่ใช่ก็ขอให้ผ่านไปเร็วหน่อยแล้วกัน’
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ขณะที่ดูดซับแรงกรรมจากบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรไปด้วย
ครึ่งปีต่อมา
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญ ก็เห็นตัวอักษรแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้า
[หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
หานเจวี๋ยไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เขาแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นและดูดซับแรงกรรมต่อไป
[หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
เอาอีกแล้ว!
หานเจวี๋ยไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ยอมรับ
ไม่กี่วันต่อมา หนี่ว์วาก็ขอเข้าฝันเขาเป็นครั้งคราว ส่งคำขอมาถี่ยิ่งกว่าตี้จวินเสียอีก
เขาไม่สบายใจที่จะดึงสิงหงเสวียนมาเกี่ยวข้องด้วย แต่หานเจวี๋ยไม่อยากก้าวสู่เคราะห์
หากวันหน้าต้องพิสูจน์มรรค และหนี่ว์วาถามเขาถึงเรื่องนี้ เขาจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไปเสีย
บอกว่าแดนต้องห้ามอันธการสัญญาณไม่ค่อยดี
สิบวันต่อมา หนี่ว์วาก็ล้มเลิกการเข้าฝันไปในที่สุด
หานเจวี๋ยไม่ได้รับความเกลียดชังจากนาง สมแล้วที่เป็นอริยะ ไม่ใจร้อนด่วนตัดสินในสถานการณ์ที่ยังไม่รู้ความจริงแน่ชัด
ระหว่างนั้น หานเจวี๋ยเปิดจดหมายขึ้นอ่าน
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเจียงตู๋กูสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากระดับเทพเผ่าพันธุ์มนุษย์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ผานซินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังแห่งวังสวรรค์]
[ซูฉีลูกศิษย์ของท่านทะลวงขีดจำกัด สร้างมรรควิถีของตนขึ้นมา]
[จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่าน จิตอาฆาตพุ่งพล่าน เข่นฆ่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน จึงถูกอริยะเผ่าพันธุ์มนุษย์สะกด]
[โจวฝานสหายของท่านได้รับวิชาสืบทอดจากจักรพรรดิมนุษย์ เข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดวงชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลง]
[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดวงชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลง]
…
เห็นจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนถูกฝูซีเทียนสะกดเอาไว้ หานเจวี๋ยก็รู้สึกเป็นสุขแล้ว
ไอ้ชาติสุนัข! สมควรแล้ว!
หานเจวี๋ยยังพบว่าโจวฝานและโม่ฟู่โฉวแปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์
พวกหนอนบ่อนไส้
ไม่ใช่แค่เขา แต่เทพเซียนหลายคนก็พากันหันหลังให้
หากไม่คำนวณจุดจบของมหาเคราะห์ หานเจวี๋ยก็ไม่อยากเชื่อว่าวังสวรรค์จะเป็นฝ่ายชนะ เพราะมีเกลือเป็นหนอนในวังสวรรค์มากเหลือเกิน
เมื่อไล่สายตาดูไปเรื่อยๆ หานเจวี๋ยก็สะดุดตาเข้ากับจดหมายฉบับหนึ่ง
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านรวมร่างกับดวงจิตประหลาดขั้นรอง เข้ายึดครองกายเนื้ออีกครั้ง กลืนกินดวงจิตประหลาดขั้นรอง และกลายร่างเป็นวิญญาณร้ายฮุ่นตุ้น]
‘จักรพรรดิสวรรค์รอดชีวิตมาได้ แต่กลับเข้าสู่ด้านมืดงั้นหรือ’
หานเจวี๋ยแสดงภาพประจำตัวของจักรพรรดิสวรรค์เพื่อตรวจสอบดู พบว่าใบหน้าของจักรพรรดิสวรรค์แสยะยิ้มชั่วร้าย น่าสยดสยอง ราวกับตัวร้ายที่ต้องการทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง
หานเจวี๋ยต้องใช้ความสามารถวิวัฒนาการอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาเอ่ยถามในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าจุดจบของจักรพรรดิสวรรค์จะเป็นอย่างไร’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
จิตนึกคิดของหานเจวี๋ยตกสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ
เขามาถึงพระราชวังเทียมเมฆา
ภายในท้องพระโรงสะอาดเอี่ยมเป็นประกาย เรืองรองด้วยแสงสีทองระยิบระยับ จักรพรรดิสวรรค์ในฉลองพระองค์มังกรสีดำนั่งอยู่บนบัลลังก์ ทอดสายตาจ้องมองท้องฟ้าด้านนอกพระราชวัง
หานเจวี๋ยหันหน้ามองตามไป และพบว่าท้องฟ้านอกพระราชวังเทียมเมฆาเป็นสีดำสนิท
พึงต้องรู้ไว้ว่า สวรรค์ชั้นเก้านั้นไม่มีกลางคืน
………………………………………………..