ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 533.2 ตอนพิเศษ: กำเนิดเทพมารอนธการ
ข้ามีนามว่าหานทั่ว ถือกำเนิด ณ เมืองป้องบูรพาเขตชายแดนเผ่ามนุษย์
บิดานามว่าหานเจวี๋ย เป็นคหบดีผู้หนึ่ง มั่งคั่งร่ำรวย แต่ข้าไม่รู้ว่ารายได้ของเขามาจากที่ใด
มารดานามว่าชิงหลวนเอ๋อร์ ดูเหมือนจะบอบบาง แต่ทรงพลังอย่างยิ่ง
ตั้งแต่เล็กข้าถูกวินิจฉัยว่าไม่มีคุณสมบัติรากวิญญาณ ไม่อาจฝึกบำเพ็ญได้ โชคดีที่ท่านแม่ถ่ายทอดวิชาหลอมกายาให้ข้า ทำให้ข้ามีคุณสมบัติที่จะผงาดขึ้นมา
ยามเยาว์วัยเคยมีประสบการณ์ถูกสัตว์ร้ายล้อมโจมตี ทำให้ข้ากระหายในพลังมากยิ่งขึ้น
หลังเติบใหญ่ ด้วยคำชี้แนะจากท่านพ่อ ข้าตัดสินใจออกจากเมืองป้องบูรพา มุ่งแสวงหามรรค
….
ฟ้าไกลปฐพีกว้าง ขุนเขาเรียงสลับ เสมือนมังกรหมอบเรียงรายบนพื้นดิน
หานทั่วในชุดสีดำมุ่งหน้าไปพร้อมฝึกฝนกระบวนท่าไปด้วย หมัดมือพลิกสลับ เกิดกระแสลมรุนแรง
‘วิชาหลอมกายาชุดนี้ของท่านแม่แข็งแกร่งจริงๆ กระตุ้นเปิดศักยภาพแฝงของข้า พละกำลังกายของข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งสัตว์ร้ายบรรพกาล’
มุมปากหานทั่วยกโค้งขึ้น คิดอย่างร่าเริง
ก่อนหน้านี้เขาได้พบผู้อาวุโสท่านหนึ่ง อีกฝ่ายเคยบอกไว้ว่ามหามรรคสามพันวิถี มิใช่เพียงฝึกบำเพ็ญวิชาเวท ยังมีหลอมกายาด้วย ผู้ทรงพลังอันดับต้นๆ ในโลกก็มีผู้อาวุโสที่มีร่างกายแกร่งกล้าทรงพลังอยู่
เขาต้องการกลายเป็นตัวตนเช่นนั้น!
หานทั่วคิดพลางเดินมุ่งหน้าต่อไป
ในเวลานี้เอง
จู่ๆ เขามองเห็นเมฆาแดงสายหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากซอกเขาด้านหน้า น่าตื่นตาอย่างยิ่ง
เขาเลิกคิ้วแวบหนึ่ง นึกสนใจขึ้นมา มุ่งเข้าไปหาทันที
ผ่านไปไม่นาน เขามาถึงด้านหลังภูเขา ยืดหัวมองอย่างระมัดระวัง มองเห็นว่าใต้เมฆาแดงคือหุบเขาแห่งหนึ่ง สัตว์ร้ายสีแดงฉานขนาดมหึมาตัวหนึ่งกำลังต่อสู้กับสตรีนางหนึ่งอยู่
สัตว์ร้ายสีแดงตัวนี้ไม่มีขนยาว ร่างกายเรียบลื่นเสมือนเปลือกหุ้ม มีหกขา โครงร่างเหมือนแมงมุมทว่าครึ่งท่อนบนคล้ายมนุษย์ ใบหน้าดุร้าย สองมือปล่อยหมอกพิษออกมาไม่หยุด
คู่ต่อสู้คือสตรีชุดเหลืองนางหนึ่ง รูปโฉมนางงดงามอ่อนวัย เดินเหินดุจโบยบิน สองมือสำแดงวิชาเวทอย่างต่อเนื่อง กระบี่บินเจ็ดเล่มดุจมีสติปัญญา ล้อมโจมตีสัตว์ร้ายสีแดง
‘ร้ายกาจนัก!’
หานทั่วแววตาเป็นประกาย เฝ้าชมด้วยความหลงใหล
ผู้บำเพ็ญเซียนที่เขาเคยพบมีน้อยเหลือเกิน เพิ่งเคยเห็นวิชาเวทที่ควบคุมกระบี่อย่างงดงามเช่นนี้เป็นครั้งแรก
นี่สินะผู้บำเพ็ญเซียน!
หานทั่วรับชมอยู่เงียบๆ
สัตว์ร้ายสีแดงมิใช่คู่ต่อสู้ของสตรีชุดเหลืองอย่างสิ้นเชิง ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็พลาดท่าพ่ายแพ้ หกขาถูกตัดขาด ร่างกายมหึมาล้มกองอยู่บนพื้น
หานทั่วกำลังจะจากไป
ฟิ้ว!
กระบี่บินเล่มหนึ่งพลันพุ่งเข้ามา เฉียดผ่านใบหูหานทั่วไป เกือบทำร้ายเขา
หานทั่วเบิกตากว้าง รีบตะโกน “แม่นาง! อย่าวุ่นวายเลย! ข้ามิมีเจตนาร้าย!”
เสียงของสตรีชุดเหลืองแว่วมา “หึ ข้ารู้ แต่มาแอบมองการต่อสู้ของผู้อื่นอยู่ด้านข้าง เป็นพฤติกรรมที่ไร้มารยาทยิ่ง หากเป็นผู้อื่น เจ้าอาจตายไปแล้ว ”
หานทั่วรู้สึกละอายใจ ลุกขึ้นมาพลางกล่าวว่า “ขออภัย ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
พอพูดจบ เขาก็หันหลังจากไปทันที
พลังของสตรีชุดเหลืองแข็งแกร่งเกินไปทำให้เขาสัมผัสได้ว่าอันตรายอย่างยิ่ง จำเป็นต้องหลีกให้ห่าง
หานทั่ววิ่งหนีสุดกำลัง
ครึ่งชั่วยามผ่านไป เขาถึงได้หยุดลงริมแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่ง หอบหายใจ
‘น่าจะพ้นแล้ว ท่านพ่อเคยบอกไว้ หากพบผู้ที่มีพลังต่างชั้นกับตัวเองเกินไป ต้องพยายามหลีกหนีให้ได้’
หานทั่วคิดเงียบๆ ขณะที่เขากำลังโน้มตัวลงดื่มน้ำ จู่ๆ ก็พบว่าสตรีชุดเหลืองจ้องมองตนด้วยรอยยิ้มอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม เขาสะดุ้งรีบถอยหนี
สตรีชุดเหลืองป้องปากกล่าวยิ้มๆ “เจ้าไม่มีคลื่นพลังวิญญาณเลย น่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่เจ้าสามารถมาถึงที่นี่ได้ หรือว่าเจ้าเป็นผู้ฝึกกาย”
หานทั่วเอ่ยถามด้วยความหวาดระแวง “แม่นาง ข้าขอโทษไปแล้ว เหตุใดเจ้ายังตามมาอีก”
สตรีชุดเหลืองมองพินิจหานทั่ว พึมพำกับตัวเอง “เลือดลมไม่เลวเลยจริงๆ เมื่อครู่ฝีเท้าก็ว่องไวยิ่ง”
หานทั่วได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวาย
หรือว่านี่คือปีศาจที่ท่านพ่อเคยเอ่ยถึง
จำแลงเป็นหญิงงามเพื่อเข้าใกล้เหยื่อ
สตรีชุดเหลืองเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่าได้กังวลไป ข้ากำลังตามหาของล้ำค่าฟ้าดินสำหรับปรุงยาอายุวัฒนะ เจ้าอยากช่วยข้าหรือไม่ หลังเสร็จงาน ข้าจะแบ่งยาให้เจ้าหนึ่งเม็ด”
ยาอายุวัฒนะหรือ
หานทั่วตาเป็นประกาย ถามขึ้นว่า “จริงหรือ”
“ไร้สาระ!”
“เหตุใดเจ้าถึงไว้ใจข้า”
“ไม่ได้ไว้ใจ แต่ข้ามีเวลาไม่มาก ต้องการผู้ฝึกกายสักคนช่วยดึงดูดความสนใจของสัตว์ร้ายให้ข้า เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่มีทางส่งเจ้าไปตาย แค่ช่วยล่อสัตว์ร้ายไปจากข้าก็พอ”
“แค่เม็ดเดียวหรือ”
หานทั่วขมวดคิ้วพลางถาม พอได้ยินเรื่องยาอายุวัฒนะ คนแรกที่เขานึกถึงไม่ใช่เก็บไว้ใช้เอง แต่เป็นบิดามารดา
สตรีชุดเหลืองแค่นเสียง “เมื่อถึงเวลานั้นก็ต้องดูว่าจะหลอมออกมาได้กี่เม็ด ถึงอย่างไรข้าก็ต้องการเพื่อช่วยชีวิตเม็ดเดียวเท่านั้น ตกลงหรือไม่ ไวหน่อย ข้ารีบอยู่”
หานทั่วพิจารณาสตรีชุดเหลืองอย่างละเอียด รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูไม่เหมือนคนโกหก
“ได้!”
“เช่นนั้นตามข้ามา!”
สตรีชุดเหลืองหันหลังจากไป หานทั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขย่งเท้ากระโดด เหยียบผิวน้ำข้ามฝั่ง ไล่ตามสตรีชุดเหลืองไป
….
เมฆอัสนีกลิ้งตลบ สายฟ้านับไม่ถ้วนเกี่ยวกระหวัดผสานปานอาชาขาว ภายในป่าเขาสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายหมีตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว กระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่
ด้านหน้านั้น หานทั่ววิ่งห้ออย่างรวดเร็ว เหลียวมองเป็นระยะๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา
“สมควรตาย! สัตว์ร้ายตัวใหญ่ขนาดนี้เพียงพอจะพังเมืองให้ราบด้วยซ้ำ! สตรีนางนั้นหลอกข้า!”
เขาได้แต่กัดฟัน วิ่งหนีสุดชีวิต!
“โฮก….”
เสียงคำรามจากด้านหลังสั่นสะเทือนแก้วหู เพิ่มความน่าหวาดกลัวให้กับราตรีนี้
ตูม!
หานทั่วสัมผัสถึงสายลมกระโชกที่โจมตีเข้ามาพร้อมแรงกดดันมหาศาลยิ่ง เขาเพิ่งเหลียวไปมอง ก็ถูกต้นไม้ใหญ่ยักษ์ต้นหนึ่งฟาดปลิวออกไป
โลหิตสาดกระจาย หานทั่วกระแทกเข้ากับผาหินด้านข้างอย่างรุนแรง เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในของตนล้วนพังไปหมดแล้ว
หาวทั่วล้มอยู่บนพื้น เพิ่งเงยหน้าขึ้นก็พบว่าสัตว์ร้ายร่างหมีมาถึงตรงหน้าตนแล้ว แสงจันทร์ถูกร่างบึกบึนของมันบดบัง เขาสบเข้ากับดวงตาแดงฉานและดุร้ายคู่นั้นของมัน
สัตว์ร้ายร่างหมีก้มหน้าลงมา คำรามใส่หานทั่ว กระแสลมปนกลิ่นคาวเลือดพัดเข้าใส่จนหานทั่วแทบเป็นลม
ในเวลาเดียวกันนี้
ห่างออกไปหลายสิบลี้
สตรีชุดเหลืองเด็ดบุปผาสีม่วงที่มีใบหน้าเหมือนมนุษย์ดอกหนึ่ง นางหันกลับไปมอง เห็นเงาร่างมหึมาของสัตว์ร้ายตัวนั้นรางๆ นางขมวดคิ้ว
มันไม่ขยับ นี่หมายความว่า…
สตรีชุดเหลืองถอนหายใจ รีบเก็บของล้ำค่าให้ดี จากนั้นเหยียบกระบี่เหาะไปทางฝั่งของหานทั่ว
ต่อให้สิ้นชีพไป นางก็ต้องทำศพให้หานทั่ว
มิเช่นนั้นนางคงรู้สึกละอายใจ
กระบี่เหินกลางอากาศ สตรีชุดเหลืองเข้าใกล้สัตว์ร้ายร่างหมีอย่างรวดเร็ว นางสัมผัสถึงความผิดปกติได้ เหตุใดเดรัจฉานตัวนี้ถึงไม่ขยับเล่า
นางเดินอ้อมร่างใหญ่โตของสัตว์ร้าย ทันใดนั้นนางก็เบิกตากว้าง มือขวายกขึ้นอุดปากตามสัญชาตญาณ
มองเห็นหานทั่วคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างชุ่มไปด้วยเลือด เงาดำน่าหวาดกลัวร่างหนึ่งควบรวมออกมาจากร่างเขา เงาดำนั้นดุจมนุษย์ดั่งมาร ถือหัวหมีไว้ด้วยมือเดียว หัวหมีถูกบีบขยี้จนเละ เลือดสดๆ ไหลรินดั่งตาน้ำพุ
สตรีชุดเหลืองตื่นตระหนก “นั่นคือสิ่งใด”
สายตาของนางมองไปที่ร่างหานทั่ว
เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่
….
นภาครามเมฆาขาว ท่ามกลางขุนเขา
หานทั่วกระโดดขึ้นไปบนเนินเขาสูงชันอย่างรวดเร็ว ตะขาบหน้าคนตัวหนึ่งที่ดูราวกับแม่น้ำสีดำคดเคี้ยวไล่ตามหลังมา
สตรีชุดเหลืองพลันพุ่งออกมาจากป่าตรงตีนเขา ในมือถือวัตถุสีดำเหนียวหนืดเหมือนโคลนก้อนหนึ่ง
หานทั่วเห็นนางเหาะออกมา ก็ร้องด่า “เจ้าหลอกข้าอีกแล้ว! เจ้าสิ่งนี้เร็วเกินไปแล้ว!”
สตรีชุดเหลืองยิ้มหวานพลางเอ่ย “นี่ก็ถือเป็นประสบการณ์ อย่าตระหนกเลย ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า”
เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่มีความทรงจำอย่างสิ้นเชิงเลยหรือ
ในใจของสตรีชุดเหลืองเต็มไปด้วยความสงสัย
คืนนั้น หานทั่วสังหารสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งยิ่งนัก แต่ตัวเขากลับไม่มีความทรงจำเหลืออยู่ นึกว่าสตรีชุดเหลืองเป็นผู้สังหารสัตว์ร้ายร่างหมี
ประวัติความเป็นมาของเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา!
สตรีชุดเหลืองเหยียบกระบี่เหาะตามไปหาหานทั่ว ดึงตัวเขาขึ้นมาซ้อนด้านหลัง ทั้งสองเหยียบกระบี่เหาะออกไปไกล ทิ้งห่างจากตะขาบหน้าคนอย่างรวดเร็ว
หานทั่วเกาะเอวสตรีชุดเหลือง หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่
ตั้งแต่เล็กจนโต เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับสตรีถึงเพียงนี้
‘หรือนี่จะเป็นบุพเพที่ท่านแม่เคยบอก’
หานทั่วคิดเงียบๆ มุมปากยกโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ต่อจากนั้นหลายปี หานทั่วติดตามสตรีชุดเหลืองท่องไปทั่วสารทิศ ร่วมเป็นร่วมตายกันอยู่หลายครั้ง
เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าวัตถุดิบปรุงยาอายุวัฒนะช่างหายากจริงๆ
….
ม่านรัตติกาลปกคลุม
หานทั่วและสตรีชุดเหลืองนั่งใต้ต้นไม้ แสงสว่างจากกองไฟส่องกระทบใบหน้าคนทั้งสอง บรรยากาศอบอุ่นนัก
“พรุ่งนี้จะเป็นวัตถุดิบสุดท้ายแล้ว เจ้าหลอมโอสถเองหรือ” หานทั่วถาม
สตรีชุดเหลืองลืมตาขึ้น ส่ายหน้าพลางกล่าว “ข้าพบเซียนท่านหนึ่ง มาจากนิกายเจี๋ย เขาจะช่วยหลอมโอสถให้ข้า”
หานทั่วถามด้วยความอยากรู้ “นิกายเจี๋ยคืออะไร”
สตรีชุดเหลืองกลอกตาใส่เขาคราหนึ่ง เอ่ยด้วยความหงุดหงิด “นิกายเจี๋ยเป็นสำนักบำเพ็ญที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นโดยอริยะ เพียงสุ่มเลือกศิษย์นิกายเจี๋ยมาสักคน ก็ล้วนแต่มีพลังเพียงพอที่จะทำลายล้างเผ่ามนุษย์ได้ทั้งสิ้น นิกายเจี๋ยคงอยู่มาไม่รู้กี่หมื่นต่อกี่หมื่นปีแล้ว อธิบายเช่นนี้ เจ้าน่าจะเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของนิกายเจี๋ยแล้วกระมัง”
หานทั่วนึกเลื่อมใสขึ้นมา นั่นมิใช่เทพเซียนหรือกหรือ
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
มีประโยคที่หานทั่วอยากจะถาม แต่เมื่อเห็นสตรีชุดเหลืองตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามอีก
วันต่อมา
ทั้งสองทำภารกิจต่อ น่าตระหนกทว่าไม่มีอันตราย สังหารสัตว์ เก็บเกี่ยวัตถุดิบสุดท้ายของยาอายุวัฒนะได้สำเร็จ
สตรีชุดเหลืองดีใจยิ่ง กอดหานทั่วด้วยความตื่นเต้น
หานทั่วที่ใบหน้าเปื้อนเลือดตะลึงงัน รู้สึกไม่คาดฝันอยู่บ้าง สองมือของเขาโอบเอวสตรีชุดเหลืองไว้ตามสัญชาตญาณ
“ไม่เลว ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำได้จริงๆ”
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังก้องไปทั่วฟ้าดิน สตรีชุดเหลืองและหานทั่วเงยหน้ามองด้วยความตกใจ
มองเห็นคนผู้หนึ่งที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นในอากาศตั้งแต่เมื่อไร เท้าเหยียบอยู่บนขลุ่ยหยกเลาหนึ่ง ศีรษะสวมกวานหยก เอวห้อยกระบี่
สตรีชุดเหลืองเอ่ยด้วยความปรีดา “ท่านเซียน ข้ารวบรวมวัตถุดิบทั้งหมดครบแล้ว หลอมยาอายุวัฒนาได้แล้วกระมัง”
นักพรตเต๋าหลุบตามองพวกเขา กล่าวว่า “บนโลกนี้เดิมทีก็ไม่มียาอายุวัฒนะอยู่แล้ว อันที่จริงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนมีอายุขัยยืนยาว แต่เหตุใดเผ่ามนุษย์ถึงแตกต่างเล่า นั่นเป็นเพราะเผ่ามนุษย์ถูกมรรคาสวรรค์ทอดทิ้ง เหตุผลที่ข้าหลอกเจ้า เพียงเพราะสัตว์ร้ายส่วนใหญ่ที่พวกเจ้าจัดการล้วนเป็นสัตว์เลี้ยงที่ผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ เลี้ยงไว้ ข้าล่อพวกเขาออกไป ให้พวกเจ้าลงมือ พวกเจ้ามิใช่ศิษย์นิกายเจี๋ย พวกเขาจึงไม่มีทางนึกสงสัยในตัวข้า”
เมื่อหานทั่วได้ฟังก็สังหรณ์ใจว่าผิดปกติแล้ว
สตรีชุดเหลืองก็มิใช่คนโง่ เอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้า…ตอนนี้เจ้าคิดฆ่าปิดปากพวกเรากระมัง”
นักพรตเต๋ายกมือขึ้น ทางฝั่งตะวันออกขุนเขาใหญ่สูงพันจั้งลูกหนึ่งลอยขึ้นมาเสียงดังสะท้านสะเทือน พุ่งสู่นภาสูง เคลื่อนที่มาทางพวกเขาทั้งสอง
หานทั่วและสตรีชุดเหลืองล้วนตกใจจนโง่งมไป นี่มันพลังระดับไหนกัน
เคลื่อนขุนเขาเขย่าสมุทรเช่นนั้นหรือ
หานทั่วไม่เคยพบพานคู่ต่อสู้เช่นนี้มาก่อน ความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเข้าครอบงำหัวใจเขา เขาสูงพันจั้งบดบังตะวัน นำพาความมืดมัวมาสู่พวกเขา
สตรีชุดเหลืองทรุดนั่งกองกับพื้น ปากพึมพำกับตัวเอง “เพราะเหตุใด…เพราะเหตุใด…”
นักพรตเต๋าไม่พูดไร้สาระอีก โบกมือขวา เขาสูงพันจั้งดิ่งลงมา ดั่งเขาไท่ซานสะกดเหนือเศียร สายลมกระโชกน่าหวาดผวากดทับหานทั่ว สตรีทรุดเหลืองนางกองอยู่บนพื้น พื้นดินรอบข้างพังทลาย
วินาทีนี้
หานทั่วรู้สึกว่ากาลเวลาหยุดนิ่งลง
เขาต้องตายหรือ
แต่ว่า…
เขาไม่ยินยอม!
หานทั่วนึกถึงพ่อแม่ของตน เขาเคยรับปากท่านพ่อท่านแม่ไว้ จะใช้ชีวิตให้ดี แสวงหามรรคเซียน ตอนนี้ต้องมาจบลงตรงนี้ เขาไม่ยินยอมจริงๆ!
ท่ามกลางความมืด จิตรับรู้หานทั่วเลือนราง มองเห็นเงาร่างหนึ่ง เขาอยู่ท่ามกลางแสงเจิดจ้า มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง เขาเปรียบเสมือนเทพเจ้าที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของโลกใบนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกเคารพยำเกรง
“น่าเสียดายมดปลวกที่มีประโยชน์สองตัว”
ท่ามกลางความเลือนราง หานทั่วได้ยินเสียงพึมพำของนักพรตเต๋า อยู่ไกลออกไปอย่างเห็นได้ชัด
หานทั่วรู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันใด สองเนตรแดงฉานในชั่วพริบตา
“ฮึ่ม…”
เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวแว่วออกมาจากส่วนลึกในวิญญาณของหานทั่ว สั่นสะเทือนแก้วหู
เขาไม่ใช่มดปลวก!
………………………………………………………………