ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 542 อริยะสิ้นหวัง เทพมารลอบจู่โจม
ภายในปากหลุมมืดมิด ดวงตาของมารมรรคาสวรรค์พลันเลือนหายไป กรงเล็บมหึมาคู่หนึ่งยื่นออกมา คว้าปากหลุมดำทั้งสองฝั่ง ฉีกกระชากปากหลุมให้อ้าออก
เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย ฝูซีเทียน และมหาจักรพรรดิเซียวตื่นตระหนกสุดขีด
สภาพน่าอนาถของฉิวซีไหลสร้างความกดดันให้พวกเขามากมายยิ่ง
พวกเขาต่างลงมือ พลังเวทมหาศาลไร้ขอบเขตกลายเป็นคลื่นพลังสี่สายเข้าปะทะปากหลุมดำที่อยู่ห่างออกไป ทว่ากลับสร้างความเสียหายไม่ได้เลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว
มารมรรคาสวรรค์ฉีกกระชากปากหลุมดำอย่างบ้าคลั่ง ดึงให้อ้าขยายอย่างรวดเร็ว
ศีรษะที่น่าเกลียดน่ากลัวของเขามุดออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหิวกระหาย แลบลิ้นยาวออกมานอกปาก กระตุ้นปราณฟ้าบุพกาลในชั้นฟ้าที่สามสิบสามให้ปั่นป่วน
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยฟันกระบี่ ปราณกระบี่เจิดจ้าพร่าตาสายหนึ่งพุ่งออกไป มุ่งตรงเข้าโจมตีศีรษะของมารมรรคาสวรรค์แทบจะในทันที
มารมรรคาสวรรค์พลันสูดหายใจเข้าคราหนึ่ง ดูดกลืนปราณกระบี่เข้าท้องไปตรงๆ
จากนั้น มารมรรคาสวรรค์พยายามมุดออกมาด้านนอกราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว เสียงคำรามน่าสยดสยองดังก้องไปทั่วชั้นฟ้าที่สามสิบสาม สรรพสิ่งทั้งแดนเซียนต่างได้ยินเสียงแว่วเลือนราง
….
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เงยหน้ามองขึ้นไป เห็นมารมรรคาสวรรค์บุกเข้าสู่ชั้นฟ้าที่สามสิบสามพอดี ต่อสู้กับเหล่าอริยชน
เหล่าอริยชนมิใช่คู่ต้องสู้ของมารมรรคาสวรรค์เลย ทั้งหมดถูกสยบไว้อย่างสิ้นเชิง
มารสวรรค์หลั่งไหลออกมาจากปากหลุมดำด้านหลังมารมรรคาสวรรค์ไม่ขาดสาย ดูดุร้ายน่าพรั่นพรึง
มาอีกแล้วหรือ
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว เขาไม่ได้ออกโรงในทันใด ถือโอกาสยืมดาบสังหารคนได้พอดี
เหล่าอริยะวางแผนเล่นงานเขามาตลอด ได้ใช้โอกาสนี้กำราบให้รู้ซึ้งสักครา ไม่ถึงกับจะให้อริยะดับสูญ แต่อย่างน้อยก็ต้องการให้เหล่าอริยะบาดเจ็บสาหัส เพื่อความปลอดภัยในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้าของเขา
หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบต่อไป ค้นหายุทธวิถีต่อกร
ทุกครั้งที่จบการต่อสู้ เขาจะแหงนหน้ามองสถานการณ์เล็กน้อย สุดท้ายอริยะก็ยังเป็นอริยะ ต่อให้สู้ไม่ได้ ก็ไม่มีทางสิ้นชีพไปง่ายดายขนาดนั้น
อีกอย่างก็อยู่ในเขตมรรคาสวรรค์ ต่อให้สังขารแตกสลาย มรรคาสวรรค์ก็ฟื้นคืนชีพให้พวกเขาได้
คืนชีพซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ครึ่งปีผ่านไป
หานเจวี๋ยจำลองการทดสอบเสร็จสิ้นอีกครั้ง ระยะเวลาสังหารมารมรรคาสวรรค์ทั้งห้าลดลงเหลือเพียงหนึ่งก้านธูป นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว
เขาแหงนหน้ามองขึ้นไปอีกครั้ง พบว่าจักรพรรดินีผืนพิภพก็รุดไปสมทบแล้ว
หากเป็นอริยะรายอื่น หานเจวี๋ยสามารถปล่อยให้ตายโดยไม่ช่วยเหลือได้ แต่จักรพรรดินีผืนพิภพมีไมตรีต่อเขา อีกทั้งสังสารวัฏก็จำเป็นต้องมีนาง หานเจวี๋ยไม่อาจปล่อยให้นางดับสูญได้
หานเจวี๋ยลุกขึ้นยืน ขยับตัวยืดเส้นยืดสาย
‘อีกเดี๋ยวไปดักซุ่มดูก่อน แล้วค่อยลอบโจมตี’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในแบบจำลองการทดสอบ คู่ต่อสู้ที่ตั้งค่าไว้จะเข้าโจมตีผู้ท้าประลองตรงๆ เขาไม่มีโอกาสให้ลอบโจมตีเลย
แต่ในความเป็นจริง หากลอบโจมตีสำเร็จ บางทีระยะเวลาในการสังหารมารมรรคาสวรรค์อาจจะสั้นลงไปอีก
หลังจากยืดเส้นยืดสายเสร็จ หานเจวี๋ยก็กระโจนออกจากอาณาเขตเต๋าไปด้วยจิตใจตุ๊มๆ ต่อมๆ มาโผล่ ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม
เขาล่องหน แฝงเร้นอยู่ในความมืดมิด
มารมรรคาสวรรค์เผชิญกับการปิดล้อมโจมตีจากหมู่อริยชน ส่วนวงนอกของการต่อสู้มีมารสวรรค์นับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่ มารสวรรค์เหล่านี้ไม่อาจเข้าประชิดตัวอริยะได้ แต่ถึงแม้เข้าใกล้แล้วจะแตกสลาย พวกเขาก็ยังคงโถมเข้าใส่จากทั้งหน้าหลังอยู่ดี
อาณาเขตสนามรบครอบคลุมพื้นที่ร้อยล้านลี้ ทุกหนแห่งล้วนเต็มไปด้วยมารสวรรค์ หานเจวี๋ยจำเป็นต้องค้นหาทิศทางต่อไป
เขาค่อยๆ คืบคลานไปทางด้านหลังของมารมรรคาสวรรค์
มารสวรรค์ตายแล้วฟื้นได้ หานเจวี๋ยจำเป็นต้องใช้พลังของเทพมารสุญตาและเทพมารกลืนกินกำจัดพวกเขา
เทพมารสุญตาสลายมารสวรรค์ให้กลายเป็นความว่างเปล่า เทพมารกลืนกินเขมือบกลืนมารสวรรค์เข้าไปตรงๆ ทั้งสองร่างจำลองต่างสามารถกำจัดมารสวรรค์ได้โดยตรง
มารมรรคาสวรรค์แข็งแกร่งกว่ามารสวรรค์ทั่วไป แม้ว่าหานเจวี๋ยจะผสานพลังจากสองร่างจำลองเข้าด้วยกัน ก็ไม่สามารถสังหารมารมรรคาสวรรค์ในเสี้ยววินาทีได้ ทำได้เพียงสะกดตรึงไว้ เพื่อให้สังหารมารมรรคาสวรรค์ได้
ตูม…
เทพสูงสุดหนานจี๋ถูกมารมรรคาสวรรค์โจมตีอีกครั้ง วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาหลบหนีอย่างรวดเร็ว เสาแสงสายหนึ่งส่องลงมาจากฟากฟ้า สาดส่องวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดวงนี้ ก่อร่างสร้างสังขารขึ้นมาใหม่ในทันใด
อริยะรายอื่นต่อสู้ต่อไป แม้แต่ฉิวซีไหลก็เข้าร่วมการต่อสู้เช่นกัน
จักรพรรดินีผืนพิภพรั้งอยู่ด้านหลังอริยะรายอื่นๆ มือขวากุมคฑายาวเล่มหนึ่ง กวัดแกว่งอย่างต่อเนื่อง แสงรุ้งเจ็ดสีส่องพร่างพราว ชักนำดวงชะตามรรคาสวรรค์ถ่ายทอดเข้าสู่ร่างของอริยะ
นี่คือ…
สายสนับสนุนสินะ
หานเจวี๋ยได้เห็นฉากนี้ ได้แต่บ่นอุบอิบกับตัวเอง
เขาแปลงกายเป็นมารสวรรค์ มุ่งเข้าใกล้มารมรรคาสวรรค์อย่างเงียบเชียบ
เขาใช้พลังของเทพมารอำพราง ดูเหมือนมารสวรรค์จริงๆ ทำให้เหล่ามารสวรรค์ไม่ทันสังเกต
“ไม่ไหว! พวกเราไม่มีทางต้านไว้ได้!”
มหาจักรพรรดิเซียวถ่ายทอดเสียง ในหมู่อริยชนสามารถถ่ายทอดเสียงผ่านจิตศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงกันได้ ไม่ต้องอ้าปากพูดก็สื่อสารกันได้สะดวกยิ่ง
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยกัดฟัน ถ่ายทอดเสียงว่า “ต้านไม่ไหวก็ต้องต้านให้ได้! พวกเราอับจนหนทาง! ไม่มีทางเลือกแล้ว!”
แววตาฉิวซีไหลก็เด็ดเดี่ยวอย่างยิ่งเช่นกัน วินาทีนั้น เขาลืมเลือนความหวาดกลัวไปแล้ว
หากอริยะมรรคาสวรรค์ออกห่างจากมรรคาสวรรค์ ก็ต้องตาย!
พวกเขาทำได้เพียงสู้ต่อไป!
จักรพรรดินีผืนพิภพมองร่างกายน่าหวาดผวาและทรงพลังของมารมรรคาสวรรค์ แววตานางเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง
ความน่ากลัวของมารมรรคาสวรรค์เป็นสิ่งที่สามารถรับรู้ด้วยตาเปล่าได้ ในชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ร่างกายของเขาสูงใหญ่จนไม่อาจหยั่งวัดได้ ราวกับเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นเพียงตัวตนกระจ้อยร่อย
เหล่าอริยะทุ่มพลังต่อสู้ ทว่าในใจกลับสิ้นหวังขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาก็คือปรมาจารย์ลัญจกรสรวง!
หวังว่าปรมาจารย์ลัญจกรสรวงจะกลับมาทันเวลา!
ทว่าทุกครั้งที่ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงออกไปถกมรรค ล้วนกินเวลานับล้านปีขึ้นไป แล้วนี่เพิ่งจะผ่านมากี่ปีกันเล่า
พวกเขาได้แต่ภาวนาให้ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงรับรู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับมรรคาสวรรค์
“พวกเจ้ากลัวเช่นนั้นหรือ นี่น่ะหรือพลังของอริยะมรรคาสวรรค์”
“ในบรรดาความอาฆาตพยาบาทที่ข้าดูดซับ มีวิญญาณอาฆาตมากมายที่เปี่ยมด้วยความเคารพศรัทธาต่ออริยะ หากพวกเขารู้ว่าอริยะอ่อนด้อยเช่นนี้ จะคิดอย่างไรเล่า”
มารมรรคาสวรรค์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
เหล่าอริยชนต่อสู้อย่างเงียบงัน ไม่ต่อปากต่อคำ
ในเวลานี้เอง
จู่ๆ มารมรรคาสวรรค์สัมผัสถึงบางอย่างได้ หันกลับไปทันที
หานเจวี๋ยอยู่ห่างจากเขาในระยะหมื่นลี้แล้ว
ระยะหมื่นลี้สำหรับมนุษย์ธรรมดาเรียกได้ว่าห่างไกลสุดขีด แต่สำหรับพวกเขา นี่เป็นระยะอันตรายอย่างยิ่งแล้ว
ทันทีที่มารมรรคาสวรรค์เหลียวมอง หานเจวี๋ยก็เผยร่างเดิมออกมาในทันใด กระตุ้นยอดสมบัติทั่วร่าง แผ่แสงเทพเจิดจ้าพร่าตา ร่างจำลองเทพมารสองตนพลันพุ่งออกมาจากร่างของหานเจวี๋ย โผเข้าหามารมรรคาสวรรค์
เทพมารสุญตา!
เทพมารกลืนกิน!
ต่างก็อยู่ในสภาพของเงาดำ
เทพมารสุญตาเข้าพัวพันมารมรรคาสวรรค์ด้วยความเร็วสูงสุด เทพมารกลืนกินโถมเข้าใส่มารมรรคาสวรรค์โดยตรง อ้าปากงับศีรษะใหญ่โตมโหฬารในคำเดียว
หานเจวี๋ยกางสองแขนออก ร่างจำลองเทพมารอีกเจ็ดสิบสองตนที่เหลือระเบิดออกมาพร้อมกัน วินาทีนั้น ห้วงนภาเวิ้งว้างแห่งนี้พลันถูกบดบังด้วยเงาร่างน่าพรั่นพรึงทรงพลังทั้งเจ็ดสิบสองร่าง
ร่างจำลองเทพมารทั้งเจ็ดสิบสองตนเข้าปิดล้อมมารสวรรค์ พากันโจมตีใส่!
เทพมารขุนพลสวรรค์ซัดสองหมัดออกไปด้วยความพิโรธ กระแสหมัดกวาดซัดมารสวรรค์นับหมื่น ทะลวงผ่านท้องมารสวรรค์
เทพมารเงาไพศาลจำแลงเป็นเงาร่างเทพมารนับไม่ถ้วน ตะลุยเข่นฆ่ามารสวรรค์ไปทั่วสารทิศ
เทพมารเยือกแข็งซัดฝ่ามือออกไป พลังเยือกแข็งแผ่ลามแช่แข็งห้วงอวกาศอันโกลาหล แม้แต่อาณาเขตเต๋าของเหล่าอริยะก็ถูกแช่แข็งไปด้วย
เทพมารลมปราณพัดสลายปราณฟ้าบุพกาล ทำให้ในสนามรบศึกเทพมารเหลือเพียงมารสวรรค์และร่างจำลองเทพมารต่างๆ
ร่างจำลองส่วนที่เหลือต่างสำแดงมหามรรคของตนออกมา กวาดล้างมารสวรรค์อย่างบ้าคลั่ง
เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียว ฉิวซีไหลและจักรพรรดินีผืนพิภพทั้งหมดล้วนตกตะลึงตาค้าง พูดไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
“นี่…”
ร่างกายฉิวซีไหลสั่นสะท้าน ไม่อยากเชื่อสายตาตน
เขาทราบว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งยิ่ง แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
มารมรรคาสวรรค์ที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์สวรรค์ถูกหานเจวี๋ยสยบไว้ตรงๆ ดิ้นรนไม่ได้ ได้แต่รอรับทัณฑ์ประหารจากหานเจวี๋ย!
เป็นไปได้อย่างไร!
มิใช่ว่าเขาเพิ่งพิสูจน์มรรคหรอกหรือ
อาศัยสิ่งใดจึงแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้
………………………………………………………………