ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 556 อริยะเสรี
สำหรับเรื่องที่มรรคาสวรรค์ทอดทิ้งเทพสูงสุดอู๋ฝ่า หานเจวี๋ยรู้สึกว่าเป็นระบบป้องกันตัวของมรรคาสวรรค์
เขาเริ่มตรวจดูค่าสถานะของเทพสูงสุดอู๋ฝ่า
[เทพสูงสุดอู๋ฝ่า: ระดับเบิกฟ้าเสรีระยะต้น มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ศิษย์บรรพชนเต๋า เนื่องจากถูกท่านใช้คุกสวรรค์อนธการ สยบเป็นทาส ระดับความประทับใจที่มีต่อท่านเต็มขั้นดาวแล้ว]
ระดับเบิกฟ้าเสรีระยะต้น!
อริยะเสรีหรือ
หานเจวี๋ยมีท่างแปลกใจ
เทพสูงสุดอู๋ฝ่ากำลังนั่งสมาธิอยู่ นิ่งสงบไม่เคลื่อนไหว
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ตบะของเขาเหนือกว่าข้า จะแว้งกลับมาทำร้ายหรือไม่’
[ไม่มีทาง เว้นแต่เขาจะอยู่เหนือกว่าขีดจำกัดของระบบ]
อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมจากพลังจิตระดับมรรคขึ้นไปได้ ขีดจำกัดย่อมอยู่เหนือกว่าอริยะเสรี
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลันรู้สึกรื่นเริงขึ้นมา
กล่าวเช่นนี้คือ เขาได้กำไรแล้ว
เพื่อควบคุมมรรคาสวรรค์ เทพสูงสุดอู๋ฝ่าจำเป็นต้องกลายเป็นอริยะมรรคาสวรรค์ ตบะอ่อนแอลง ผลคือเป็นการมอบโอกาสให้หานเจวี๋ยได้ฉกฉวย
เขาเปิดปากเอ่ย “อู๋ฝ่า คุกเข่า”
พอได้ยิน เทพสูงสุดอู๋ฝ่าพลันลืมตา ลุกขึ้นแล้วคุกเข่าลง
เจ้าตัวสุนัข!
ก่อนหน้านี้มาสั่งให้ข้าคุกเข่า!
เจ้าคุกเข่าไปก่อนเถอะ!
หานเจวี๋ยถาม “ผู้ใดส่งเจ้ามายังมรรคาสวรรค์”
เทพสูงสุดอู๋ฝ่ากล่าวตอบ “เจ้านิกายทงเทียน”
“จุดประสงค์ของเขาคืออะไร”
“ให้ข้าควบคุมมรรคาสวรรค์ จากนั้นค่อยดูดซับดวงชะตาของข้า เพื่อสลัดให้หลุดจากค่ายกลมหามรรคที่บรรพชนเต๋าสะกดเขาไว้”
“เหตุใดเจ้านิกายทงเทียนถึงถูกบรรพชนเต๋าสะกด”
“หลังจากเจ้านิกายทงเทียนสำเร็จเป็นอริยะมรรคาสวรรค์ ได้ก่อศึกในหมู่อริยะ ยั่วยุโทสะบรรพชนเต๋า”
หานเจวี๋ยอดนึกถึงเรื่องห้องสินไม่ได้ เจ้านิกายทงเทียนในห้องสินก็ก่อสงครามขึ้นในหมู่อริยะเช่นกัน หากว่าเทวตำนานนี้เป็นความจริง เช่นนั้นเจ้านิกายทงเทียนช่างไม่ล้มเลิกความคิดชั่วร้ายโดยแท้
เพียงแต่เขารู้สึกว่าเรื่องห้องสินยังไม่แน่ว่าจะเป็นความจริง น่าจะเป็นการถ่ายทอดของมรรคาสวรรค์ ถ่ายทอดประวัติศาสตร์เทวตำนานเข้าสู่สมองของมนุษย์สามัญ บิดเบือนกระบวนการ ถึงได้มีเทวตำนานที่คล้ายคลึงกัน
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้านิกายทงเทียนหนีออกมาไม่ได้ ก็อย่าคิดจะมาหาเรื่องหานเจวี๋ยเลย
หานเจวี๋ยเอ่ยต่อว่า “เจ้าอธิบายถึงแดนเทพหวนปัจฉิมให้ข้าฟังที ขออย่างละเอียด”
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าตอบ “แดนเทพหวนปัจฉิมกว้างใหญ่ยิ่ง ไพศาลไร้ขอบเขต เต็มไปด้วยผนึกควบคุมมหามรรค ต่อให้อริยะก็ไม่สามารถไปมาได้ในชั่วพริบตา สิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิลงไปไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ในแดนเทพหวนปัจฉิมได้ แดนเทพหวนปัจฉิมรกร้าง มีตัวตนชนิดหนึ่งที่เรียกว่ามารมรรคาเพ่นพ่านไปทั่ว มารมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดถึงขั้นสามารถกลืนกินอริยะธรรมดาทั่วไปได้ ดังนั้นเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในแดนเทพหวนปัจฉิมต่างก็ต้องระวังตัวยิ่งนัก”
“สำนักพุทธ สามนิกายสำนักเต๋า เผ่ามาร เผ่าปีศาจ เผ่ามังกร ต่างกระจายตัวอยู่ในแดนเทพหวนปัจฉิม ไม่รบกวนกันและกัน มิใช่เพียงเท่านี้ เนื่องจากแดนเทพหวนปัจฉิมตั้งอยู่ในพื้นที่แดนต้องห้ามอันธการ ดังนั้นสิ่งอัปมงคลในแดนต้องห้ามอันธการสามารถเข้าออกอย่างอิสระได้ โจมตีทำร้ายสิ่งมีชีวิต”
“ตอนนี้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนเทพหวนปัจฉิมคือ อริยะเจ็ดวิถี ผู้ก่อตั้งเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ มีศิษย์ไม่มาก แต่ล้วนเก่งกาจทั้งสิ้น”
หานเจวี๋ยตั้งใจฟัง ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกโชคดี
พอได้ฟังเช่นนี้ มรรคาสวรรค์กลับเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด!
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอัปมงคล หรือว่ามารมรรคา ล้วนไม่สามารถเข้าสู่มรรคาสวรรค์ได้
แต่เมื่อบรรลุระดับอริยะ หากไม่มีระบบอยู่ คิดอยากเลื่อนระดับขึ้นไป ก็ต้องไปที่แดนเทพหวนปัจฉิมจริงๆ จากคำบอกเล่าของเทพสูงสุดอู๋ฝ่า หานเจวี๋ยได้ทราบว่าแดนเทพหวนปัจฉิมนอกจากมารมรรคาที่น่าหวาดกลัว ยังเต็มไปด้วยมหามรรคสารพัดรูปแบบ
ถึงขั้นที่มีมหามรรคแปรวิญญาณเดินทางไปยังแดนเทพหวนปัจฉิม เผยแพร่มหามรรค แสวงหาโชควาสนา มรรคาสวรรค์ไม่อาจเทียบได้เลย
หานเจวี๋ยสงสัยว่าดวงจิตมหามรรคก็คือมหามรรคจำแลงกายมา
รอจนเทพสูงสุดอู๋ฝ่าเล่าจบ หานเจวี๋ยจึงถามด้วยความอยากรู้ “มารมรรคาสามารถสังหารได้แม้กระทั่งอริยะ เช่นนั้นสิ่งมีชีวิตธรรมดาใช้ชีวิตอยู่อย่างไร”
จักรพรรดิสวรรค์ก็สามารถตั้งรกรากในแดนเทพหวนปัจฉิมได้!
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าให้คำตอบ “ที่มาของมารมรรคานั้นลึกลับ พวกมันไม่มีเจตนาเป็นของตัวเอง รู้จักเพียงออกล่าสิ่งมีชีวิตในระดับเดียวกัน หากว่ากันไป มารมรรคาคล้ายกับมารสวรรค์ยิ่ง เพียงแต่มารสวรรค์มีสติปัญญา ส่วนมารมรรคาแข็งแกร่งกว่า”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
หานเจวี๋ยหรี่ตา “กล่าวอีกอย่างคือ แดนเทพหวนปัจฉิมไม่มีอารยธรรมปรากฏเด่นชัด ยิ่งไม่อาจรวมให้เป็นหนึ่งเดียวได้ เปรียบเสมือนถิ่นกันดารกระมัง”
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าพยักหน้า เอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “อยู่ในแดนเทพหวนปัจฉิม หากไม่มีผู้ทรงพลังเป็นที่พึ่ง ก็ทำได้เพียงเข่นฆ่าไม่หยุดหย่อน แสวงหามหามรรค แดนเทพหวนปัจฉิมเสมือนยุคฟ้าบุพกาลก่อนเบิกฟ้า สามพันเทพมารบุพกาลสังหารฆ่าฟัน ไม่มีความสงบสุข”
หานเจวี๋ยซักถามต่อ “เช่นนั้นแดนบรรพกาลเล่า เจ้ารู้มากแค่ไหน ”
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าส่ายหน้า “ข้าไม่เคยไปเยือนแดนบรรพกาล หรืออาจจะเคย แต่ข้าจำไม่ได้ แดนบรรพกาลลึกลับอย่างยิ่ง เป็นเขตหวงห้ามที่สุดของแดนเทพหวนปัจฉิม”
หานเจวี๋ยตกอยู่ในห้วงความคิด
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าเอ่ยว่า “หากท่านอยากอยู่เหนือกว่ามรรคผลเบิกฟ้า ยังคงต้องไปแสวงหามหามรรคแห่งท่านที่แดนเทพหวนปัจฉิม มรรคาสวรรค์อย่างมากก็ก่อกำเนิดได้เพียงปราณฟ้าประทาน หลังบรรลุอริยะ จะฝึกบำเพ็ญต่อได้ยากยิ่ง เนื่องจากห่างชั้นกันไกลโพ้น”
หานเจวี๋ยพยักหน้า ซักถามต่อไป เทพสูงสุดอู๋ฝ่าก็ตอบไปตามจริง
หลายวันต่อมา
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าจากไป กลับไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม พำนักในวังไร้วิถีอีกครั้ง
การกลับมาของเขาสร้างความตกตะลึงต่อเหล่าอริยะ หรือว่าหานเจวี๋ยจะพ่ายแพ้
หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ ต่อสู้กับเทพสูงสุดอู๋ฝ่าในปัจจุบันนี้
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
หานเจวี๋ยเบิกตา ขมวดคิ้วแน่น
ด้วยกำลังของเขาในตอนนี้ต่อกรกับอริยะเสรีช่างกินแรงโดยแท้
โหมสู้อยู่หนึ่งชั่วยาม เขายังไม่ได้รับชัยชนะเลย
โชคดีที่ตอนนี้เทพสูงสุดอู๋ฝ่าเป็นบริวารของเขา ไม่เป็นภัยคุกคาม
“ทำความเข้าใจมหามรรคต้นกำเนิดดีกว่า”
หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง จากการพูดคุยกับเทพสูงสุดอู๋ฝ่า หานเจวี๋ยถึงทราบว่าตนยังอ่อนแอยิ่ง
แต่มีจุดหนึ่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ไม่ว่าผู้ใดหากมายังมรรคาสวรรค์แห่งนี้ ล้วนต้องหมอบเช่นกัน!
เว้นแต่จะแข็งแกร่งกว่าบรรพชนเต๋า!
หานเจวี๋ยพลันนึกถึงปรมาจารย์ลัญจกรสรวงขึ้นมา ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงแข็งแกร่งกว่าอริยะรายอื่นชัดๆ เหตุใดไม่ได้รับผลกระทบจากมรรคาสวรรค์เล่า
หรือเป็นเพราะปรมาจารย์ลัญจกรสรวงไม่ได้ลงมือ
ถึงอย่างไรขอเพียงอยู่ภายใต้มรรคาสวรรค์ หานเจวี๋ยก็ไร้พ่าย
ปลอดภัย!
เวลานี้เอง ฉิวซีไหลมาขอเข้าฝันหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยยอมรับการเข้าฝัน เป็นอย่างที่เขาคิด ฉิวซีไหลมาสอบถามเรื่องของเทพสูงสุดอู๋ฝ่า
หานเจวี๋ยบอกว่าเขาทำข้อตกลงกับเทพสูงสุดเอาไว้ ภายหน้าจะแย่งชิงโชควาสนากัน ปฏิบัติตามกฎกติกา ไม่ทำเช่นนั้นเหมือนที่ผ่านๆ มา
เขาไม่ได้บอกไปตรงๆ ว่าเทพสูงสุดอู๋ฝ่าถูกตนสยบแล้ว จะได้อาศัยสิ่งนี้ถ่วงแข้งถ่วงขาอริยะรายอื่น
ฉิวซีไหลพลันรู้สึกโล่งอก จากนั้นจึงได้นำเรื่องนี้ไปแจ้งให้อริยะรายอื่นทราบ
มรรคาสวรรค์หวนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
….
หลังจากสำนักไร้วิถีล่มสลายไป แดนเซียนก็มีสำนักนิกายปรากฏขึ้นมากมาย
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าแสดงธรรมร้อยปี ศิษย์นับหมื่นล้านต่างได้รับประโยชน์ สิ่งมีชีวิตไม่น้อยเกิดความทะเยอะทะยาน คิดแย่งชิงเพื่อตัวเองเช่นกัน
สำนักนับร้อยในแดนเซียนแก่งแย่งชิงดี ทุกหนแห่งล้วนมีสงครามของผู้บำเพ็ญ คล้ายจะวุ่นวายอยู่บ้าง แต่ดวงชะตาภาพรวมของมรรคาสวรรค์กลับแข็งแกร่งขึ้น
อีกด้านหนึ่ง
ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ประตูสวรรค์ทักษิณ
หลี่เต้าคงและหานโยวยืนเคียงกัน ชาวเลิศเอกาหนึ่งพันคนรออยู่ที่ขอบฟ้า
จี้เซียนเสินเอ่ยขึ้น “ไม่อยู่ต่อจริงๆ หรือ”
หลี่เต้าคงส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “พวกเราสมควรกลับไปรายงานภารกิจ หลายปีที่ผ่านมานี้ เผ่าสวรรค์กลับมาอยู่ในการควบคุมของเจ้าแล้ว เพียงแต่เจ้าต้องระวังแม่ทัพเทพสวรรค์เอาไว้ คนผู้นี้จิตใจลึกล้ำ ผลัดเปลี่ยนนายมาหลายหน”
จี้เซียนเสินพยักหน้ารับ
หลี่เต้าคงก็ไม่พูดพร่ำอีก พาหานโยวจากไป
จี้เซียนเสินมองเงาหลังของหลี่เต้าคง ดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
หลี่เต้าคงมีชีวิตแบบที่เขาอยากจะเป็น ตบะแข็งแกร่ง ไร้ข้อผูกมัด กระทำตามวิสัยตน
ไม่รู้ว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหนที่จี้เซียนเสินกลายเป็นคนกระหายอำนาจ แม้แต่ตัวเขาก็ไม่รู้แน่ชัด
ในเวลานี้ แสงทองสายหนึ่งพุ่งมาจากด้านล่าง ทะลวงผ่านชั้นเมฆ พุ่งทะลุป้ายประตูสวรรค์ทักษิณ แสงทองพวยพุ่งสู่ด้านบน หายเข้าไปในชั้นฟ้าที่สิบสี่
………………………………………………………………