ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 648 ตี้เจียง
ดำเนินการต่อ!
หานเจวี๋ยเลือกได้ในทันที
สำหรับเขาเผ่าเอกาคือกองกำลังหลักที่แข็งแกร่งทรงพลังยิ่ง จำเป็นต้องให้การสนับสนุน
เขาคาดหวังว่าจะชุบเลี้ยงครึ่งอริยะหนึ่งหมื่นคนขึ้นมา อาละวาดไปทั่วฟ้าบุพกาล!
หานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ
เมื่อลืมตาขึ้น หานเจวี๋ยมาโผล่ในตำหนักใหญ่มืดสลัวหลังหนึ่ง สองฝั่งมีเสาหินขนาดใหญ่มหึมาที่สลักลวดลายสัตว์ร้ายลึกลับตั้งเรียงรายอยู่หลายต้น เสาหินมองจากภายนอกดูโปร่งใส ด้านในมีหินหนืดเดือดพล่านอยู่ ทำให้บรรยากาศในห้องดูอึมครึมน่าผวา
เมฆาครึ้มลอยม้วนอยู่เหนือหลังคา มีความสูงนับล้านจั้ง ดูราวกับโลกใบหนึ่ง
หานเจวี๋ยทอดสายตามองออกไป เห็นว่าด้านหน้ามีรูปสลักหินขนาดใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่สิบตัว รูปลักษณ์ของรูปสลักหินดูดุร้ายโหดเหี้ยม อิริยาบถแตกต่างกันไป
เบื้องหน้ารูปสลักทั้งสิบตัวมีบันไดศิลาเส้นหนึ่งที่ทอดยาวนับล้านขั้น สุดปลายบันไดคือแท่นบูชาแท่นหนึ่ง ลอยสูงอยู่กลางอากาศ
บนแท่นมีชายร่างกำยำเปลือยท่อนบนคนหนึ่งนั่งสมาธิอยู่ เส้นผมดำขลับของเขาแผ่สยายยุ่งเหยิง ปลิวไสวไปทั่ว กล้ามเนื้อบนร่างโดดเด่นสะดุดตาอย่างยิ่ง ดูคล้ายสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์
ข้อความแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย
[ตี้เจียง: อริยะมหามรรค หัวหน้าบรรพชนจอมเวท มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ทายาทผานกู่]
หานเจวี๋ยตื่นตะลึงอยู่ในใจ บรรพชนจอมเวทยังมีชีวิตอยู่จริงๆ อย่างนั้นหรือ
เช่นนั้นรูปสลักหินสิบตัวนี้ก็น่าจะเป็นสิบบรรพชนจอมเวทที่เหลืออยู่!
ขนาดตี้จวินยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นการที่ตี้เจียงยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง
เท่าที่หานเจวี๋ยทราบจากเทวตำนานบุพกาลมา เผ่าจอมเวทและเผ่าปีศาจเป็นสองเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เพราะต่อสู้แย่งอำนาจกันจนก่อให้เกิดมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตขึ้น สิบสองบรรพชนจอมเวทนอกเหนือจากจักรพรรดินีผืนพิภพที่กายผันแปรเป็นวัฏสงสาร ทั้งหมดล้วนดับสูญไปพร้อมกับตี้จวินและตงหวงไท่อี น่าสลดใจยิ่ง
ยามนี้เห็นทีว่าประวัติศาสตร์ในส่วนนี้คงมิใช่ความจริง เพราะถึงอย่างไรประวัติศาสตร์ที่หานเจวี๋ยได้ทราบมาก็มิใช่เช่นนั้น
ทันใดนั้นตี้เจียงพลันขมวดคิ้ว พึมพำกับตัวเอง “ผู้ใดตัดตอนสายเลือดเผ่าจอมเวทของข้า”
ตี้เจียงนับนิ้วทำนาย สีหน้าแปลกพิกล
“จักรพรรดิผืนพิภพ…เฮ้อ ช่างเถิด…”
ตี้เจียงเริ่มสำแดงเวท มองมาถึงตรงนี้ หานเจวี๋ยเข้าใจแล้วว่าตี้เจียงกำลังควบคุมระดับขอบเขตของเผ่าจอมเวทอยู่ แต่เหตุใดถึงควบคุมก็ไม่อาจทราบได้เช่นกัน
ภาพลวงตาวิวัฒนาการพังทลายลง
เมื่อกลับสู่โลกความเป็นจริง หานเจวี๋ยลูบคางอย่างใช้ความคิด
หากต้องการคลี่คลายปัญหานี้ วิธีที่ดีที่สุดคือกำจัดตี้เจียง
แต่ตี้เจียงไร้ความเคียดแค้นชิงชังในตัวเขา เขาย่อมไม่กระทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้
ช่างเถิด รอไปก่อนแล้วกัน
ถึงอย่างไรตี้เจียงก็กำลังติดต่อหาจักรพรรดินีผืนพิภพอยู่ รอจนพวกเขาสองพี่น้องได้พบกัน คงบอกเล่าเรื่องราวได้กระจ่าง และน่าจะปลดขีดจำกัดทางระดับขอบเขตของเผ่าเอกาออกได้
หานเจวี๋ยสัมผัสถึงอริยะมหามรรคลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมแล้ว
การจำกัดสายเลือดชนรุ่นหลังเช่นนี้คล้ายกับการที่เจ้าของมหามรรคควบคุมผู้บำเพ็ญที่ฝึกมหามรรควิถีนั้นๆ
มีฝีมืออยู่บ้าง!
หานเจวี๋ยก็เคยควบคุมสายเลือดของหานทั่วเช่นกัน แต่นั่นเป็นการลงมือด้วยตัวเอง ไม่เหมือนตี้เจียง ที่มีห้วงมิตินับไม่ถ้วนกีดกั้นอยู่ ก็ยังทำได้สบายๆ ช่างน่าเหลือเชื่อโดยแท้
พอคิดดูให้ละเอียด อันที่จริงหานเจวี๋ยไม่มีทางสังหารอริยะมหามรรคได้เลย
เทพบุพกาลและโพธิสัตว์จุนทีที่ดูคล้ายจะดับสูญไปก่อนหน้านี้ แท้จริงแค่แกล้งตายเท่านั้น ทำให้หานเจวี๋ยตอแยต่อไปไม่ได้
มีเพียงเต้าปู้หวังที่ถูกปรมาจารย์ลัญจกรสรวงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเท่านั้นที่ดับสูญไปจริงๆ นับว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่างหานเจวี๋ยและปรมาจารย์ลัญจกรสรวง
หานเจวี๋ยส่ายหน้าพลางหลุดยิ้มออกมา ไม่คิดมากอีก
ไม่ช้าก็เร็วเขาจะก้าวข้ามอริยะมหามรรคไปให้ได้!
สักวันหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา อริยะมหามรรคจะถูกสังหารเยี่ยงสุกรเยี่ยงสุนัข!
….
แดนเซียน เมืองหลวงของเผ่ามนุษย์
ภายในคฤหาสน์หลังหนึ่ง หานอวี้กำลังนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่ในเรือน เขาสวมชุดขาว ไม่ดูเจ้าอารมณ์เยี่ยงเด็กหนุ่มในอดีตอีก ดูสุขุมและทรงภูมิอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าปรากฏสีหน้าของผู้ที่ผ่านกาลเวลามาอย่างโชกโชน
ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา เป็นหลงเฮ่าศิษย์ของหานเจวี๋ย
หลงเฮ่าหน้าตาหล่อเหลา คล้ายคลึงกับจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย เมื่อเขายืนคู่กับหานอวี้ ดูเหมือนหานเจวี๋ยพบหน้าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่มีผิด
หานอวี้รับรู้ถึงการปรากฏตัวของอีกฝ่าย เขาถามขึ้นโดยที่ไม่ลืมตา “มีเรื่องใด”
หลงเฮ่าหัวเราะแหะๆ พลางเอ่ยว่า “ข้าเตรียมจะบุกโจมตีวังมังกร ต้องการผู้ช่วย รอจนข้าควบคุมวังมังกรได้ เมื่อถึงเวลาจะให้เจ้าเลือกสมบัติศาสตราวุธของวังกรได้ตามใจชอบ เผ่ามังกรชอบสะสมของล้ำค่า เจ้าน่าจะทราบดี”
หานอวี้ลืมตาขึ้น กลอกตาใส่เขาก่อนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ครั้งก่อนไปผจญแดนลับเป็นเพื่อนเจ้า สังขารข้าถูกทำลาย ยังคิดจะมาหลอกข้าอีกหรือ”
เวลานี้เอง ร่างวิญญาณของเฮ่าเทียนลอยขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะหลงเฮ่า เฮ่าเทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สหายน้อยหานอวี้ อย่าพูดแบบนี้สิ ก็ยกสมบัติล้ำค่าฟ้าดินที่ยอดเยี่ยมที่สุดชิ้นนั้นให้เจ้าไปแล้วมิใช่หรือ”
“เฮอะ นั่นจะนับเป็นอันใดได้ ตัวข้าหานอวี้อยู่ในเผ่ามนุษย์ก็หาสมบัติล้ำค่าที่มีคุณภาพไม่ต่างกันได้!” หานอวี้แค่นเสียง
หานอวี้เห็นเฮ่าเทียนมานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ตระหนกตกใจ
เฮ่าเทียนถลึงตาใส่ด้วยความโมโห เอ่ยว่า “เผ่ามนุษย์จะเทียบกับเผ่ามังกรได้อย่างไร”
“จุ๊ๆ เช่นนั้นเผ่ามนุษย์จะเอาชนะเผ่ามังกรได้หรือไม่ หากว่าพ่ายแพ้ เผ่ามนุษย์คงลำบากนัก!”
หานอวี้พูดจาแดกดัน ทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มโต้เถียงกัน
เถียงกันไปสักพัก หานอวี้รู้สึกปวดหัว จึงมองไปที่หลงเฮ่าพลางถามว่า “จำเป็นต้องไปให้ได้เลยหรือ”
หลงเฮ่าแบมือพลางตอบว่า “ไม่มีทางเลือก เป็นคำสั่งจากอาจารย์ของข้า หากข้าไม่ทำให้ลุล่วง เกรงว่าคงถูกขับออกจากสำนักแน่”
หานอวี้เอ่ยด้วยความอยากรู้ “อาจารย์ของเจ้าคือผู้ใดกันแน่ อาจารย์ของเซียนทองต้าหลัวน่าจะแข็งแกร่งมากกระมัง อย่างน้อยก็คงเป็นครึ่งอริยะใช่หรือไม่”
ก่อนหน้านี้เขาสงสัยยิ่งนัก แต่หลงเฮ่าไม่ยอมบอก
หลงเฮ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ข้าเป็นอริยะ เป็นอย่างไรเล่า มีที่พึ่งยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เจ้าวางใจได้แล้วกระมัง”
หานอวี้เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “อาจารย์ข้าก็เป็นอริยะเหมือนกัน!”
“เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ข้าอาจารย์ของเจ้าก็ต้องโขกศีรษะให้เช่นกัน!”
“ไม่มีทาง!”
หานอวี้เอ่ยด้วยความโกรธ ราวกับถูกสบประมาท
ในใจเขา หลี่เต้าคงคือผู้ทรงพลังที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เป็นคนที่เย่อหยิ่งที่สุดในมรรคาสวรรค์
หลงเฮ่าหัวเราะฮ่าๆ ในใจยิ่งรู้สึกเบิกบานนัก
เด็กโง่!
เขาทำนายพบว่าหานอวี้เป็นเชื้อสายของหานเจวี๋ย แต่เขาไม่พูดออกไป
หานอวี้หน้าตาเหมือนหานเจวี๋ยขนาดนี้ ต้องเกี่ยวข้องกันแน่ ซ้ำหลี่เต้าคงยังรับเป็นศิษย์อีก
ในเมื่อหลี่เต้าคงไม่ได้บอกความจริงให้ทราบ เขาย่อมไม่กล้าสอดมือยุ่ง เลี่ยงไม่ให้กระทบถึงแผนการของหานเจวี๋ย
“เอาล่ะ ข้าจริงจังนะ ไปกับข้า ข้าต้องการเจ้า” หลงเฮ่าพูดอย่างจริงจัง
ความสามารถของหานอวี้ไม่อ่อนด้อยเลย สืบทอดวิชามาจากหลี่เต้าคง ย่อมไร้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันแล้ว
หลังจากมรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่ วังมังกรในอดีตของหลงเฮ่าสิ้นสุดลงนานแล้ว เหลือคนคุ้นเคยเก่าๆ เพียงไม่กี่คน ก่อนหน้านี้เขาเคยไปเยี่ยมเยือนคนรู้จักเก่าบางส่วนมาแล้ว ทั้งหมดล้วนอยากตัดสัมพันธ์กับเขา ไม่อยากติดตามเขา ทำเอาเขาโมโหแทบตาย
ด้วยความจนปัญญา เขาจึงทำได้เพียงมาหาหานอวี้
หลงเฮ่ากล่าวว่า “เจ้าสามารถนำเรื่องนี้ไปหารือกับจักรพรรดิมวลมนุษย์ได้ ยามนี้เผ่ามนุษย์มีปัญหารุมเร้า หากต้องการยิ่งใหญ่ก้าวหน้า ก็ต้องกล้าเสี่ยง หากข้าได้ปกครองเผ่ามังกร ก็สามารถช่วยเหลือเผ่ามนุษย์ได้ ข้าคือสายเลือดเผ่ามังกรแท้ ซ้ำยังเป็นเซียนทองต้าหลัว ราชามังกรสี่คาบสมุทรล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของข้า แต่ข้าโดดเดี่ยวตัวคนเดียว จำเป็นต้องให้พวกเจ้าช่วยถ่วงรั้งเหล่าพลทหารกุ้งหอยปูปลา”
แน่นอน นี่เป็นแค่คำลวง
เขาอยากพิสูจน์เส้นสายในเผ่ามังกรของตน
หานอวี้กล่าวว่า “ข้าจะลองไปคุยกับจักรพรรดิมวลมนุษย์ดู”
“รีบไปเถอะ ไปตอนนี้เลย”
หลงเฮ่าเร่งเร้า หานอวี้จึงได้แต่ลุกออกไป
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หานอวี้ปรากฏตัวขึ้นในเรือน มีคนจำนวนหนึ่งติดตามมาด้วย ล้วนเป็นบุคคลระดับสูงของเผ่ามนุษย์ จักรพรรดิมวลมนุษย์ก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
จักรพรรดิมวลมนุษย์อายุราวสี่สิบเศษ ไม่นับว่าหล่อเหลา แต่หน้าตาเปี่ยมอำนาจบารมี สวมเสื้อคลุมสีดำ
ผู้ทรงพลังเผ่ามนุษย์คนอื่นๆ ล้วนมองหลงเฮ่าอย่างจริงจัง ตั้งท่าเตรียมพร้อมคล้ายจะลงมือได้ทุกเมื่อ
………………………………………………………………