ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 671 ความยำเกรงอันไร้ที่สิ้นสุด
หานเจวี๋ยเฝ้ามองการต่อสู้ของผานซินและจอมเทพข่งเซวี่ยอยู่พักใหญ่
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าสาเหตุที่ผานซินฝ่าวงล้อมของเหล่าอริยะมหามรรคออกมาได้ อาจเป็นเพราะความถึกทนของเขา
กลิ่นอายของจอมเทพข่งเซวี่ยเริ่มอ่อนลง ความเร็วก็เช่นกัน มักถูกขวานเบิกฟ้าของผานซินโจมตีจนสังขารมลายสิ้นอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนผานซิน แม้บาดแผลดูน่าหวาดหวั่น แต่สภาพร่างกายยังคงแข็งแรงอยู่เช่นเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลงเลย
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป หากจอมเทพข่งเซวี่ยไม่หลบหนี ต้องตายอย่างแน่นอน!
“สหายเต๋าหาน มาที่ตำหนักเอกภพสักคราเถอะ!”
เสียงของจอมอริยะเสวียนตูแว่วเข้าหูหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยเงยหน้ามองขึ้นไป กวาดจิตศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วชั้นฟ้าที่สามสิบสาม พบว่าเหล่าอริยชนล้วนไปที่ตำหนักเอกภพ เขาถึงได้สบายใจ
เขาเคลื่อนย้ายไปยังตำหนักเอกภพ เหล่าอริยชนอยู่กันพร้อมหน้า
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยขึ้นว่า “ผานซินกลับมาแล้ว เขาน่าจะมาที่มรรคาสวรรค์ ก่อนหน้านี้เขาถูกจิ้นเสินไล่ล่าสะกด หากเขายินดีปกป้องมรรคาสวรรค์ เรื่องนี้ก็มีบทสรุปแล้ว”
จิ้นเสินก็คือเจ้าแห่งมหาเคราะห์โบราณ
เหล่าอริยชนพากันเปิดปากพูด ถกประเด็นนี้
หานเจวี๋ยรับฟังเงียบๆ เขาทราบปมสาเหตุในอดีตของผานซินและจิ้นเสินแล้ว
จิ้นเสินเป็นหนึ่งในศิษย์ของบรรพชนเต๋า ปีนั้นหลังจากบรรพชนเต๋าพิสูจน์มรรคและได้เทศนาธรรมเป็นครั้งแรก จิ้นเสินก็เข้าร่วมด้วย จากนั้นมหาเคราะห์ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บรรพชนเต๋าแต่งตั้งจิ้นเสินเป็นเจ้าแห่งมหาเคราะห์ ให้เขาปกป้องระเบียบแห่งมหาเคราะห์
มหาเคราะห์ก็มีกฎระเบียบเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นหากมหาเคราะห์เริ่มต้นขึ้นใหม่ สิ่งมีชีวิตนอกมรรคาสวรรค์จะเข้ามาโดยพลการไม่ได้
ผานซินเป็นชนรุ่นหลังของผานกู่ หลังจากเขาเข้าร่วมมหาเคราะห์ ก็ไม่ต้องเผชิญกับบทลงทัณฑ์จากสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงผยองเหิมเกริม จิ้นเสินจำเป็นต้องลงมือ ผ่านไปนานเข้า ทั้งสองจึงเกิดความแค้นบาดหมาง ไม่อาจคลี่คลายได้
ยามนี้ผานซินผงาดขึ้นมา จิ้นเสินมีตบะระดับครึ่งอริยะระยะสมบูรณ์เท่านั้น ไหนเลยจะใช่คู่ต่อสู้ของผานซิน
เมื่อผานซินเข้าสู่มรรคาสวรรค์ ต้องบีบเหล่าอริยชนให้มอบตัวจิ้นเสินให้แน่นอน
หานเจวี๋ยยังทราบด้วยว่า เหตุผลที่จิ้นเสินพุ่งเป้ามาที่ผานซิน ก็มีมูลเหตุมาจากอริยะตนอื่นๆ ด้วย ในอดีตผานซินโอหังเหิมเกริม แม้แต่อริยะก็ไม่อยู่ในสายตา มักจะว่าร้ายล่วงเกินอริยะอยู่เสมอ เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย ฉิวซีไหลและมหาจักรพรรดิเซียวล้วนเคยวางแผนจะจัดการกับผานซินกันทั้งสิ้น
โต้แย้งกันอยู่นาน สุดท้ายเหล่าอริยชนก็ตัดสินใจรอดูท่าทีของผานซินต่อไป หากผานซินต้องการล้างแค้นให้ได้จริงๆ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงส่งตัวจิ้นเสินให้
สำหรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยไม่มีความคิดเห็น หากเขาเป็นผานซิน ก็ต้องหาทางเล่นงานจิ้นเสินให้ตายเช่นกัน มิเช่นนั้นย่อมต้องรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นแน่
หลังจากสิ้นสุดการหารือ หานเจวี๋ยกลับไปฝึกบำเพ็ญต่อในเขตเซียนร้อยคีรี
เขาสอดส่องสิงหงเสวียนตามสัญชาตญาณ แววตาพลันนิ่งขึง
สิงหงเสวียนกำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญอยู่ แต่นางไม่สังเกตเห็นสถานการณ์ภายในร่างของตนเลย
หานเจวี๋ยมองเห็นตัวอ่อนขยับอยู่ในท้องนาง ท่าทางค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไป ราวกับกำลังฝึกวิชายุทธ์อยู่
หืม
ท่าทางเช่นนี้…
หานเจวี๋ยเบิกตากว้าง
นี่มิใช่ท่าเหวี่ยงขวานของผานซินหรอกหรือ
เด็กคนนี้กำลังเลียนแบบผานซินอย่างนั้นหรือ
แต่เขาจะมองเห็นได้อย่างไรเล่า
ครึ่งอริยะในมรรคาสวรรค์ล้วนไม่สามารถสอดส่องการต่อสู้ของผานซินและจอมเทพข่งเซวี่ยได้
หรือนี่คือพรสวรรค์ของเทพมารอนธการแล้วเหตุใดข้าถึงไม่มี
หานเจวี๋ยตกอยู่ในภวังค์ความคิด
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บุตรมีพรสวรรค์นับเป็นเรื่องดี
แต่ลูกคนนี้ยังอยู่ในครรภ์ ไม่ทราบว่าจะถือกำเนิดขึ้นยามไหน
หานเจวี๋ยส่ายหน้า ฝึกบำเพ็ญต่อ
…..
สองพันปีผ่านไป
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาเข้าใกล้การทะลวงระดับแล้ว อย่างมากใช้เวลาอีกพันปีก็คงทะลวงขั้นได้
หากนับจากการทะลวงขั้นครั้งก่อน นี่ก็ผ่านมากว่าสามหมื่นปีแล้ว เวลาไหลผ่านไปเร็วจริงๆ
หานเจวี๋ยเพ่งสายตามองออกไป จอมเทพข่งเซวี่ยหนีไปแล้ว ผานซินยังพักฟื้นอยู่ในแดนต้องห้ามอันธการ
หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู เห็นจดหมายฉบับหนึ่งจริงๆ
[จอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผานซินสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
หานเจวี๋ยอดไว้อาลัยให้จอมเทพข่งเซวี่ยไม่ได้
นับตั้งแต่ได้รู้จักหานเจวี๋ย จอมเทพข่งเซวี่ยคล้ายจะโชคร้ายมาโดยตลอด
คนผู้นี้คงไม่นึกว่าผานซินก็เป็นศิษย์ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการด้วยกระมัง
หานเจวี๋ยรู้สึกเบิกบานใจ เข้าฝันจอมเทพข่งเซวี่ยทันที
ในแดนความฝัน
เมื่อจอมเทพข่งเซวี่ยเห็นหานเจวี๋ย ก็เงียบงันไม่ปริปาก
หานเจวี๋ยก็ไม่พูดไม่จาเช่นกัน
บรรยากาศกระอักกระอ่วน
ผ่านไปพักใหญ่
จอมเทพข่งเซวี่ยแค่นเสียงก่อนเอ่ย “อาวุธที่ศิษย์เจ้าใช้คือยอดสมบัติอันใด”
หลังจากถูกผานซินโจมตี เขาแทบจะหมดความมั่นใจในตัวเองไป แต่ในไม่ช้าก็ผลักความผิดไปให้ขวานเบิกฟ้าว่าเป็นตัวการที่ทำให้เขาพ่ายแพ้
ผานซินมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย แต่ขวานเบิกฟ้าแข็งแกร่งเกินไปก็เท่านั้น!
หานเจวี๋ยตอบสั้นๆ “ขวานเบิกฟ้า”
จอมเทพข่งเซวี่ยได้ฟัง ม่านตาพลันเบิกขยายกว้างก่อนถาม “ยอดสมบัติคู่ชีพของเทพยักษาผานกู่น่ะหรือ”
“อืม”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็พอเข้าใจได้”
“เจ้ายอมสยบทั้งกายและใจหรือยังเล่า”
จอมเทพข่งเซวี่ยเงียบงัน
เขายังไม่ยอมสยบจริงๆ
เขาเคยนับนิ้วทำนายเรื่องผานซิน แต่ทำนายไม่ได้ ยามนี้หานเจวี๋ยยอมรับ ซ้ำยังบอกนามของสมบัติวิเศษชิ้นนั้นได้ แปลว่าผานซินเป็นศิษย์ของเขาจริงๆ
น่าตายนัก…
จอมเทพข่งเซวี่ยรู้สึกคับข้องหมองใจยิ่ง
เขาคิดจะท้าสู้กับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาโดยตลอด ถึงขั้นที่นำไข่มุกแห่งกรรมมาด้วย เพื่อให้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งตนไม่ได้ ผลคือยังไม่เคยได้พบเจ้าแดนต้องห้ามอันธการตัวเป็นๆ ก็พ่ายแพ้ให้แก่ศิษย์ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างต่อเนื่อง
ชั่วชีวิตนี้เขาทรงพลังไร้พ่าย ในระดับตบะเท่าเทียมกันแทบจะไร้คู่ต่อสู้แล้ว ผลสุดท้าย…
จอมเทพข่งเซวี่ยยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่รู้สึกว่าหนทางที่ตนยืนหยัดช่างไร้ความหมาย
หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “เสาะหาสถานที่สักแห่งฝึกบำเพ็ญให้ดี วันหน้าค่อยเข้ามาสวามิภักดิ์ต่อข้า”
จอมเทพข่งเซวี่ยตอบรับงึมงำ
หานเจวี๋ยเอ่ยเสริมว่า “อย่าคับข้องไปเลย ตัวผานซินก็มิได้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น วันหน้า ขอเพียงเจ้าซื่อสัตย์ภักดี ข้าสามารถทำให้เจ้าแข็งแกร่งกว่าได้ ถึงขั้นที่ก้าวข้ามมหามรรคไป เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหนือกว่าอริยะมหามรรคขึ้นไปคือระดับใด”
“ระดับใด”
“เหนืออริยะมหามรรคขึ้นไป คือยอดมหามรรค สูงขึ้นไปอีกคือผู้สร้างมรรคา ตอนนี้เจ้ารู้หรือยังว่าระดับเสรีเล็กจ้อยมากเพียงใด”
จอมเทพข่งเซวี่ยเงียบงัน ในใจเกิดระลอกคลื่นปั่นป่วนมหาศาล
เขานึกว่าอริยะมหามรรคเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด!
ไม่นึกเลยว่าสูงขึ้นไปจะยังมีอีกสองระดับ!
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน!
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างลุ่มลึกว่า “เป้าหมายของข้ามิใช่มรรคาสวรรค์และมิใช่แดนเทพหวนปัจฉิม แต่เป็นระดับที่สูงยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ยังบอกเจ้าไม่ได้ สาเหตุที่เลือกเจ้า มิใช่เพราะพลังของเจ้า แต่เล็งเห็นอนาคตของเจ้า สักวันหนึ่ง เจ้าจะเข้าใจว่าสิ่งที่เจ้าแย่งชิงไขว่คว้าในตอนนี้เป็นเพียงการละเล่นของเด็กน้อย เมื่อมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือนอย่างแท้จริง มรรคาสวรรค์และแดนเทพหวนปัจฉิมล้วนจะเอาตัวไม่รอด อริยะมหามรรคอันใด ล้วนจะล่มสลายดับมอด ยอดผู้แข็งแกร่งทำลายมหามรรคสามพันวิถีได้ง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ มิมีผู้ใดคงอยู่นิจนิรันดร์ ยากจะหลีกหนีมหากรรมไร้ขอบเขตได้
“ตัวตนที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ธรรมชาติเหล่านั้น เพียงหนึ่งความคิด ก็สามารถทำให้โลกที่พวกเจ้ารู้จักเสื่อมสลายว่างเปล่าได้!”
วาจาของหานเจวี๋ยเผด็จการยิ่ง ราวกับเขาก็คือผู้สร้างมรรคา สร้างความตื่นตะลึงให้จอมเทพข่งเซวี่ย
จอมเทพข่งเซวี่ยพลันรู้สึกว่าตนช่างเล็กจ้อยนัก
[ความประทับใจที่จอมเทพข่งเซวี่ยมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4 ดาว]
ผู้มีตบะระดับจอมเทพข่งเซวี่ยไหนเลยจะเชื่อถือผู้ใดง่ายๆ จนใจที่เขามองหานเจวี๋ยไม่ออก ทำนายเรื่องของผานซินและเทพจักรพรรดิอัปมงคลไม่ได้ เมื่อทุกอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้มารวมอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน จึงบังเกิดความยำเกรงอันไร้ที่สิ้นสุดขึ้น
แม้ว่าจอมเทพข่งเซวี่ยจะเย่อหยิ่ง แต่ก็ทราบว่าตนมิได้ไร้พ่ายอย่างสิ้นเชิง
เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!
จอมเทพข่งเซวี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยขึ้นว่า “นับแต่นี้ไป ข้าขอยอมรับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นนาย! พึงหวังว่าท่านจะสามารถนำพาข้าไปสู่ระดับที่อยู่สูงขึ้นไปได้!”
………………………………………………………………