ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 704 ปัจจัยหลักแห่งฟ้าบุพกาล
‘หากข้าไป จะเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือไม่’
หานเจวี๋ยถามในใจ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ได้]
แรงกดดันในจิตใจหานเจวี๋ยพลันคลายลง เขาถามต่อว่า
‘หากข้าไป จะเผชิญกับการโจมตีจากตัวตนที่แข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกหรือไม่’
[ไม่ แม่น้ำโชคชะตาฟ้าบุพกาลเป็นห้วงมิติพิเศษ ผ่านเข้าไปได้เพียงวิญญาณเท่านั้น ซ้ำยังต้องมีบ่วงกรรมเชื่อมโยงถึงจะได้พบ ระบบจะปิดกั้นบ่วงกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากฝ่ายตรงข้ามออกไป]
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
หานเจวี๋ยพลันกระจ่างขึ้นมา ในเวลาเดียวกันนี้ เขารู้สึกว่าความทรงจำของตนกำลังล่องลอยไป ความรู้สึกช่างแปลกพิสดารอย่างยิ่ง แต่สัมผัสรับรู้แห่งอริยะมหามรรคสามารถรับรู้ได้จริงๆ
เขาเลือกไปทันที
จากนั้น วิญญาณของเขาก็ข้ามผ่านมรรคาสวรรค์ ข้ามผ่านฟ้าบุพกาล มาปรากฏในดินแดนที่อยู่สูงขึ้นไปอีก
หานเจวี๋ยเพ่งมองแวบหนึ่ง รอบข้างโอบล้อมโดยแสงหลากสีงามวิจิตร ล้วนเคลื่อนไหวบิดเบี้ยว ชวนให้เวียนหัวลายตา
ข้างใต้เท้าหานเจวี๋ยคือธารแสงสีทองที่ก่อตัวขึ้นจากละอองแสงมากมายนับไม่ถ้วน แม้ว่าจะเป็นอริยะมหามรรค เขาก็ไม่อาจประเมินจำนวนได้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว มันหนาแน่นเกินไป มีมากมายเหลือคณา
เมื่อกวาดตามองออกไปในทุกทิศทาง รวมถึงด้านบน ล้วนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
นี่น่ะหรือแม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว รีบค้นหาตัวตนลึกลับที่ต้องการลบอดีตของตนทันที
ไม่นาน เขาก็จับพิกัดทิศทางหนึ่ง รีบมุ่งหน้าไปทันที
ผ่านไปเพียงชั่วลมหายใจ เขามาถึงด้านหลังของเงาร่างหนึ่ง
เงาร่างนี้เป็นเงาสีดำทั้งตัว มองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริง เขาโบกมือสำแดงพลังเวทใส่แม่น้ำโชคชะตาฟ้าบุพกาลอย่างต่อเนื่อง
หานเจวี๋ยไม่พูดพร่ำทำเพลง ซัดฝ่ามือใส่ทันที
ฝ่ามือผนึกสุญญตา!
เงาดำพลันเลือนหายไป หลบเลี่ยงฝ่ามือนี้ ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นในจุดที่ห่างออกไปหลายจั้ง
“เป็นท่าน”
เงาดำตะลึงงัน เมื่อหานเจวี๋ยได้ยิน พลันมีสีหน้าแปลกพิกล
เสียงนี้ค่อนข้างคุ้นหู
ฟางเหลียง!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว มิใช่ว่าฟางเหลียงถูกชำระล้างอย่างสมบูรณ์แล้วหรอกหรือ เหตุใดถึงต้องการลบอดีตของเขาเล่า
หรือว่าฟางเหลียงคนนี้มิใช่ฟางเหลียงในเส้นเวลาที่เขาอยู่
หานเจวี๋ถาม “เหตุใดถึงทำเช่นนี้”
เงาดำไม่อาจปิดบังความตื่นตะลึงได้ พึมพำออกมา “ท่านมาจากช่วงเวลาที่พิสูจน์มหามรรคแล้วหรือ”
หานเจวี๋ยลงมืออีกครั้ง เขาไปปรากฏตัวด้านหลังฟางเหลียงทันที ก่อนจะซัดฝ่ามือผนึกสุญญตาออกไป
ฟางเหลียงหลบเลี่ยงอีกครั้ง หานเจวี๋ยไล่ตามไม่ยอมเลิก
“อาจารย์ปู่! ช้าก่อนขอรับ! ข้าไม่ได้จะทำร้ายท่าน!”
ฟางเหลียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน
หานเจวี๋ยหยุดมือ เอ่ยไปว่า “พูดความจริงมา มิเช่นนั้นเจ้าต้องตาย”
ฟางเหลียงนิ่งไป จากนั้นเอ่ยว่า “ข้ามาจากยุคมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ขอรับ ฐานะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการของท่านถูกเปิดเผยแล้ว เหล่าผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลล้วนต้องการกำจัดท่าน ดังนั้นข้าจึงคิดจะลบอดีตของท่านออกไป ทำให้พวกเขาทำนายไม่พบตัวตนของท่าน”
หานเจวี๋ยยังคงขมวดคิ้วแน่น
เขาสอบถามในใจ ‘หากเขาลบอดีตของข้าสำเร็จ ข้าจะตายหรือไม่’
[ไม่ตาย แต่จะถูกฟ้าบุพกาลและมรรคาสวรรค์ต่อต้าน นำพาไปสู่เขตมิติว่างเปล่าที่ไม่รู้จัก]
‘เขตมิติว่างเปล่าเป็นอย่างไร’
[ไร้ซึ่งปัจจัยเกี่ยวข้อง ระบบไม่สามารถวิวัฒนาการได้]
หานเจวี๋ยลังเลขึ้นมา
อย่างน้อยหลังจากลบอดีตไปแล้วก็ไม่ได้ตายทันที แปลว่าคำพูดของฟางเหลียงยังคงมีความน่าเชื่อถืออยู่
ฟางเหลียงกัดฟันกล่าวว่า “อาจารย์ปู่ ถึงแม้ท่านจะทราบเรื่องนี้แล้ว แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้ทรงพลังมากมายจนยากจะจินตนาการได้ ต่อให้ท่านปรับเปลี่ยนชะตากรรม ก็จะถูกพวกเขาสังเกตเห็นอยู่ดี ต้องเลือกว่าจะเป็นศัตรูกับพวกเขา หรือจะให้ข้าลบอดีตของท่าน ทำให้พวกเขาไม่อาจทำนายถึงได้ขอรับ”
หานเจวี๋ยแค่นเสียง “เป็นศัตรูแล้วอย่างไรเล่า ข้าไม่กลัว ต่อไปอย่าทำแบบนี้เพื่อข้าอีก นี่มิใช่ครั้งแรก!”
เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่วิญญาณฟางเหลียงข้ามสู่บรรพกาล อีกฝ่ายก็เคยคิดจะเปลี่ยนชะตากรรมของเขา ถึงแม้จะทำเพราะหวังดีกับเขา แต่เขาไม่ต้องการ
เส้นทางที่เขาเลือกเดินคือเส้นทางที่ถูกต้องที่สุดแล้ว!
ตอนนี้ค่ายกลอาณาเขตเต๋าอยู่ในระดับผู้สร้างมรรคา ต่อให้จอมเทพฟ้าบุพกาลมาโจมตี ก็ไม่สามารถทำลายภายในระยะเวลาสั้นๆได้
อีกอย่างต่อให้ในอนาคตจอมเทพฟ้าบุพกาลจะสังเกตเห็นเขา ก็ไม่มีทางทำนายถึงเขาได้ อาณาเขตเต๋าปิดกั้นการสอดแนมจากพลังจิตทุกระดับได้!
ฟางเหลียงลังเลอยากจะพูดต่อแต่ก็เงียบไป
หานเจวี๋ยโบกมือไล่พลางเอ่ยว่า “ไสหัวกลับไปซะ”
ฟางเหลียงสูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยว่า “อาจารย์ปู่ ได้พบท่านอีกครั้งนับว่าเติมเต็มความปรารถนาของข้าแล้ว ในเมื่อท่านตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่ดื้อรั้นอีก ข้ามอบคำแนะนำให้ท่านได้เพียงอย่างเดียว อย่าผลักดันมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่เลยขอรับ”
พอพูดจบ ฟางเหลียงก็เลือนหายไปจากจุดเดิม
หานเจวี๋ยจากมาทันที กลับเข้าสู่ร่างตน
เขาลืมตาขึ้น นึกย้อนถึงคำพูดฟางเหลียง
ผลักดันมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่หรือ
เหตุใดเขาถึงทำเช่นนั้นเล่า
มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีใครสักคนมาหาเรื่องเขา หรือไม่ก็มีคนใกล้ตัวเขาเผชิญอันตราย
หานเจวี๋ยตกอยู่ในภวังค์ความคิด
หรือต้องเรียกศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกกลับมา
แล้วไปเถอะ
หากทำเช่นนั้นเกรงว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอันใดอีก
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘อีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ครั้งต่อไป’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[หากไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อีกประมาณสองหมื่นสามพันล้านปี]
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง
เขาถามด้วยความฉงน ‘เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่สังเกตเห็นการกระทำของเขา’
[เพราะเขาเข้าสู่แม่น้ำโชคชะตาฟ้าบุพกาล แม่น้ำสายนี้มีระดับสูงกว่าแม่น้ำโชคชะตาทั่วไป ตั้งอยู่เหนือฟ้าบุพกาล ยากจะหาพบ หากตัวท่านในอนาคตยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ไม่มีระบบ ตัวท่านในอนาคตก็สามารถสังเกตเห็นได้เร็วยิ่ง เว้นแต่ท่านจะถูกสะกดไว้]
เช่นนั้นก็อธิบายได้กระจ่างแล้ว ตัวเขาในอนาคตถูกจอมเทพฟ้าบุพกาลตามไล่ล่า อาจจะเตลิดไป ถูกสะกดไว้จนไม่สามารถแก้ไขอดีตของตนได้
ในเมื่อหายากขนาดนี้ เหตุใดฟางเหลียงยังหาพบอีก
ช้าก่อน!
หรือว่าฟางเหลียงจะอาศัยความช่วยเหลือจากบรรพชนเต๋า
นับตั้งแต่ฟางเหลียงถูกบรรพชนเต๋าต้องตาก็อาศัยวิญญาณข้ามสู่บรรพกาลได้ แปลว่าบรรพชนเต๋ามีความสามารถในการสอดส่องแม่น้ำโชคชะตา
‘วันหน้าต้องระมัดระวังไว้ ไม่ควรออกห่างจากมรรคาสวรรค์ง่ายๆ’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
จู่ๆ เขาก็สงสัยบางอย่างขึ้นมา เอ่ยถามในใจทันที ‘ฟ้าบุพกาลมีทวยเทพมากน้อยเพียงใด’
[เกี่ยวข้องกับปัจจัยหลักแห่งฟ้าบุพกาล ไม่สามารถวิวัฒนาการได้ เลี่ยงไม่ให้เกิดการสะท้อนกลับตามมา]
หานเจวี๋ยตะลึงงัน
เป็นครั้งแรกที่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น ที่ผ่านมาหากไม่สามารถทำนายได้นั่นก็เป็นเพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าระบบ
น่านน้ำแห่งฟ้าบุพกาลลึกล้ำยิ่งนัก
หานเจวี๋ยลอบสบถ
พอฟางเหลียงทำแบบนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ยังลำพองยิ่งนัก ถึงอย่างไรปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้ว
หานเจวี๋ยพลันคาดหวังให้มีศัตรูที่แข็งแกร่งมาโจมตีมรรคาสวรรค์ เขาจะได้ใช้เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง
ตอนนี้หากจะต่อกรกับจอมเทพฟ้าบุพกาล ยังไม่มีความสามารถพอจริงๆ
หานเจวี๋ยส่ายหน้า เขาหยิบหินวิญญาณมรรคาสวรรค์และหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา ตัดสินใจยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้าย ถึงยกระดับให้สมบัติวิเศษอื่นๆ ก็ต่อกรกับจอมเทพฟ้าบุพกาลไม่ได้ ไม่สู้เลือกเดินเส้นทางสายมืดดีกว่า
เท่าที่ทราบจากคำพูดของฟางเหลียง จอมเทพฟ้าบุพกาลทำนายถึงตัวตนที่แท้จริงของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้ แต่ตัวตนของเขาถูกคนอื่นเปิดโปง
เขาตัดสินใจแล้ว ต่อไปจะไม่ใช้หนังสือแห่งความโชคร้ายส่งเดช ดีที่สุดคือรอให้ยามที่หนังสือแห่งความโชคร้ายทำร้ายจอมเทพฟ้าบุพกาลได้แล้วค่อยลงมือ
หานเจวี๋ยทำการผสานรวมพลางสอดส่องแดนเซียนไปด้วย
ขณะที่ทางเขาเพิ่งประสบเรื่องชวนอกสั่นขวัญผวา แต่แดนเซียนยังคงสงบยิ่ง
ระยะนี้ดวงชะตามรรคาสวรรค์เพิ่มขึ้นอีกมากโข หานเจวี๋ยรับรู้ได้ว่ามรรคาสวรรค์มีตำแหน่งอริยะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งที่
คาดว่าเหล่าอริยะคงต้องออกอุบายช่วงชิงกันอีกครา
หานเจวี๋ยคิดจะไปร่วมแย่งชิงด้วย ตอนนี้เขามีฝ่ามือผนึกสุญญตาอยู่ในมือแล้ว ต่อให้อริยะหน้าใหม่ไม่เชื่อฟัง ก็จับโยนเข้าคุกสวรรค์อนธการได้เลย
………………………………………………………………