ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 73 ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ นักพรตเต๋าชิงเสียน
ต้นฝูซัง?
หานเจวี๋ยมองเมล็ดพันธุ์ที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นในมือ คิ้วขมวดน้อยๆ
ต้นฝูซังขึ้นชื่อในเทพนิยายของจีนเป็นอย่างมาก และมีความเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์
หมื่นปีหลังจากนี้สามารถดึงดูดอีกาทองได้ อีกาทองก็คือดวงอาทิตย์ไม่ใช่หรือ
หนึ่งล้านปีหลังจากนี้สามารถเชื่อมโยงฟ้าดินได้…
หานเจวี๋ยมองข้ามจุดนี้ไปทันที
หนึ่งล้านปีมันนานเกินไป!
เมล็ดของต้นฝูซังมีลักษณะคล้ายเมล็ดลูกท้อ ไม่ได้พิเศษแต่อย่างใด
ยากที่จะจินตนาการได้ว่านี่ก็คือเมล็ดพันธ์ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
หานเจวี๋ยหมุนกาย เดินตรงไปด้านหน้าถ้ำเทวา เรียกสวินฉางอันออกมา
อาจารย์ มีเรื่องใดหรือ
สวินฉางอันเอ่ยถาม ในดวงตาเผยประกายวาดหวัง
หานเจวี๋ยนำเมล็ดพันธุ์ในมือส่งให้เขา กล่าวว่า นี่คือต้นไม้ล้ำค่าของข้า ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจงปลูกมันไว้ที่นี่ ทุกวันมาเข้าฌานต่อหน้ามัน และเจ้าต้องดูแลมันให้ดี หากมันไม่เจริญเติบโตเป็นอย่างดี นั่นเป็นความผิดของเจ้า
สวินฉางอันเอ่ยถามอย่างสงสัย ความผิดของข้า?
เป็นความผิดของเจ้า!
หา!
สวินฉางอันร้อนรน
หานเจวี๋ยไม่สนใจเขา มุ่งตรงเข้าถ้ำเทวาเพื่อฝึกฝนต่อทันที
สวินฉางอันคุกเข่าลง มองเมล็ดต้นฝูซังอย่างเป็นกังวล เขากวาดกองหิมะโดยรอบออกไป เพื่อเลี่ยงไม่ให้เมล็ดพันธุ์โดนไอเย็น
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยมอบหมายภารกิจให้เขา เขาจึงค่อนข้างประหม่า
ที่สำคัญที่สุดก็คือเมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้ หากตายไปก็จะไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีกแล้ว!
……
แผ่นฟ้ากว้างไกลผืนดินกว้างใหญ่ ล้วนขาวโพลนไปด้วยหิมะ
ท่ามกลางหมู่เขา สัตว์ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนค่อยๆ คืบคลานอยู่ภายในป่าเขา บนหลังเต็มไปด้วยชั้นหิมะปกคลุม ดูราวกับประติมากรรมน้ำแข็ง
หยางเทียนตงยืนคอยอยู่ใต้ต้นไม้ บนร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะน้ำแข็งไม่ต่างกัน
ยามนี้เขาแต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำ ใบหน้าแปลกประหลาดมาดร้าย ผมขาวขึ้นแซมมากกว่าครึ่งศีรษะ นัยน์ตาแดงกล่ำราวโลหิต มองแวบแรกประหนึ่งอสุรกาย
ดวงตาเขาจับจ้องไปที่ยอดเขาลูกหนึ่งเบื้องหน้า
ยอดเขานี้มีลักษณะคล้ายกระบี่เล่มหนึ่ง ปลายกระบี่ชี้ขึ้นไปบนท้องนภากว้าง ตั้งตระหง่านกว่าภูเขาลูกใดที่อยู่รายล้อมรอบ
พายุหิมะทั่วท้องนภาเมื่อร่วงหล่นลงภูเขาลูกนี้ ก็พลันละลายหายไปชั่วพริบตา
เพียงไม่นาน ก็สามารถมองเห็นไอปีศาจบางๆ ที่ลอยวนอยู่รอบๆ ยอดเขานี้
พายุหิมะหมุนวนรอบๆ ยอดเขาดุจพายุทอร์นาโดสีขาว เป็นภาพที่ค่อนข้างสะดุดตายิ่งนัก
หยางเทียนตงมองปีศาจพฤกษาเฒ่าที่อยู่ข้างๆ ผู้หนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า อีกนานเท่าไร
ปีศาจพฤกษาเฒ่าเขย่าวิหคปีศาจที่ยังไม่กลายร่างสองสามตัวบนต้นของตน เอ่ยว่า อาจจะเร็วๆ นี้กระมัง นี่อาจจะเป็นราชาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ยุคบรรพกาลของต้าเยี่ยน ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ เมื่อถือกำเนิด ข้าจะเฝ้าคอยติดตามรับใช้เขา จะต้องนำพายุครุ่งเรืองมาสู่เผ่าปีศาจได้อย่างแน่นอน
หยางเทียนตงขมวดคิ้วแน่น
หากแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นจริง เหตุใดถึงหลับไหลไปถึงสองพันปี หยางเทียนตงยกมุมปากเอ่ยถาม
เขามีใจทะเยอทะยาน และต้องการเป็นราชาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในต้าเยี่ยน ไม่ง่ายเลยกว่าจะเริ่มต้นออกเดิน แต่สุดท้ายกลับมีมารปีศาจอายุนับหมื่นปีกำลังฟื้นคืนชีพ
เหล่าราชาปีศาจทั้งหลายในต้าเยี่ยนล้วนมากราบไหว้คาราวะ หยางเทียนตงจำต้องฉกฉวยโอกาสตรงนี้
สองพันกว่าปีก่อน ยังไม่มีดินแดนต้าเยี่ยน สถานที่แห่งนี้มนุษย์ยากที่จะเข้ามาถึง จึงถือเป็นสรวงสวรรค์ของเราเผ่าปีศาจ ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ก็เป็นราชาปีศาจเพียงหนึ่งเดียวในพื้นที่แห่งนี้ เหล่าปีศาจทั้งหลายล้วนต้องเชื่อฟังคำสั่งเขา กระทั่งครั้งหนึ่งมีผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์]ล่วงหลงเข้ามาในดินแดนนี้ ราชาปีศาจเตี่ยนซู่เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บจึงยื่นมือช่วยเหลือเขาไว้ แต่คนผู้นั้นกลับเนรคุณ นำพาผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามาโจมตีพวกเรา สงครามครั้งนั้นกินเวลานานหลายทศวรรษ ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ถูกผนึกไว้ในที่แห่งนี่ สัตว์ปีศาจเช่นพวกเรามีทั้งพวกที่ตกตาย พวกที่หลบหนี และแตกพ่ายย่อยยับ
ปีศาจพฤกษาเฒ่าเริ่มพูดถึงเรื่องราวในครั้งนั้น น้ำเสียงแฝงด้วยความเกลียดชัง
พวกเราล้วนเฝ้าคอยให้ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา หวนกลับมามีอำนาจอีกครั้งมาโดยตลอด ตั้งแต่ผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งกลุ่มนั้นได้จากไป ต้าเยี่ยนในยามนี้คงไม่มีผู้ใดหยุดยั้งราชาปีศาจเตี่ยนซู่ได้!
พูดมาถึงตอนนี้ ปีศาจพฤกษาเฒ่าเต็มก็เผยท่าทางเดือดพล่านออกมาเต็มที่
หยางเทียนตงขมวดคิ้วถามว่า ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นก็ไม่กังวลว่าราชาปีศาจเตี่ยนซู่จะฟื้นคืนชีพหรือ
ปีศาจพฤกษาเฒ่าเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน จิตใจของมนุษย์น่าขยะแขยงกว่าจิตใจของปีศาจนัก สองพันปีผ่านไป พวกเขาก็ไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นร่วมกันเสียนานแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะเข่นฆ่ากันเอง จะมีสักกี่คนกันที่ยังมีชีวิตรอด
หยางเทียนตงจนในวาจา
เขานึกถึงอาจารย์ของตนและสำนักหยกพิสุทธิ์ขึ้นมา จึงเอ่ยถามว่า เมื่อราชาปีศาจเตี่ยนซู่ฟื้นคืนชีพ เขาจะสังหารเผ่ามนุษย์ในต้าเยี่ยนให้สิ้นซากหรือไม่
อืม
ปีศาจพฤกษาเฒ่าแค่นเสียงตอบเพียงครั้ง
สายตาของหยางเทียนตงพลันสั่นไหว
……
พายุหิมะในต้าเยี่ยนกินเวลาถึงสองปี ทำให้ผู้คนต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้น ราชวงศ์จำต้องขอความช่วยเหลือจากแดนบำเพ็ญพรต ด้วยความช่วยเหลือจากผู้บำเพ็ญพรต ทำให้สถานการณ์สามารถคลี่คลายลงไปได้
วันหนึ่ง ไอปีศาจพุ่งปะทุขึ้นสู่ท้องนภา ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ทำให้แดนบำเพ็ญพรตเกิดความหวั่นวิตก
แม้กระทั่งหลี่ชิงจื่อเองก็รีบตรงมาหาหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ปกปิดเรื่องนี้ กล่าวว่ามีมารปีศาจหมื่นปีกำลังจะถือกำเนิด ทำให้หลี่ชิงจื่อตื่นตระหนกรีบร้อนกลับไปในทันที แจ้งให้ทั่วทั้งสำนักเตรียมตัวป้องกัน
ทว่า มารปีศาจหมื่นปีที่ลึกลับตนนั้นยังไม่ได้ถือกำเนิด
เพียงชั่วพริบตา
เวลาผ่านไปอีกห้าปี
อีกเพียงนิดเดียวหานเจวี๋ยจะทะลวงระดับสุญตาขั้นเจ็ดแล้ว
ส่วนเรื่องที่มารปีศาจหมื่นปียังไม่ได้คืบคลานเข้าใกล้ต้าเยี่ยนนั้น หานเจวี๋ยก็คาดเดาไว้ว่าปีศาจตนนี้คงเพิ่งฟื้นตื่น ตบะคงยังไม่กลับคืนอย่างสมบูรณ์
พายุหิมะที่ปกคลุมต้าเยี่ยนเองก็ละลายหายไปหมดแล้ว
ทุกอย่างกลับมาสงบสุขอีกครั้ง
หานเจวี๋ยหยุดฝึกฝน เดินออกมาจากถ้ำเทวา
เวลาผ่านไปเจ็ดปี ยามนี้ต้นฝูซังได้เติบโตเป็นต้นกล้าเล็กๆ
สวินฉางอันดูแลต้นฝูซังด้วยความระมัดระวัง ด้วยกลัวว่ามันจะเติบโตไม่ดี
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยเดินออกมา เขาจึงรีบร้อนลุกขึ้นทันที
ท่านอาจารย์
สวินฉางอันประสานมือคาราวะ
หานเจวี๋ยพยักหน้า สายตาทอดมองต้นฝูซัง
ต้นฝูซังนั้นเป็นต้นซัง[1]สองต้นที่มีลำต้นพันประสาน มองดูค่อนข้างสะดุดตา
ยามนี้ ต้นฝูซังเริ่มก่อกำเนิดพลังวิญญาณฟ้าดินแล้ว ถึงแม้จะยังอ่อนแรงเป็นอย่างมาก แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มต้น
ความแตกต่างระหว่างต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และของล้ำค่าฟ้าดินนั้นคือวงจรในการเจริญเติบโต
หานเจวี๋ยก็ไม่ได้รีบร้อน เพียงแต่ขอให้ต้นฝูซังเติบโตอย่างดีก็พอ
ไก่คุกรัตติกาลเกื้อหนุนสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น
โสมวิญญาณบรรพกาลเกื้อหนุนต้นฝูซัง
อืม
ช่างเหมาะสมดีจริงๆ!
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างพอใจ
หลังจากตรวจสอบต้นฝูซังแล้ว หานเจวี๋ยก็เริ่มยืดเส้นยืดสาย นั่งฌานนานเกินไป มาขยับเขยื้อนร่างกายเสียบ้างก็ไม่เลว
สวินฉางอันสังเกตอย่างรอบคอบ
เขาพบว่าการเคลื่อนไหวของหานเจวี๋ยนั้นดูเรียบง่าย แต่กลับมีความหมายที่ลึกซึ้งบางอย่าง
ดูเก่งกาจอย่างบอกไม่ถูก
กิริยาท่าทางเหล่านี้ของหานเจวี๋ยเป็นเรื่องปกติมากในโรงเรียนประถมและมัธยมของชาติภพก่อน แต่เมื่ออยู่ในชาติภพนี้กลับเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใหม่
ในขณะที่ขยับแข้งขยับขาบิดกายไปพลาง หานเจวี๋ยก็เริ่มตรวจสอบผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนอกจากตนเองในสำนักหยกพิสุทธิ์
เขากลัวว่ามารปีศาจหมื่นปีจะเข้ามาในสำนักหยกพิสุทธิ์
[นักพรตเต๋าชิงเสียน: ระดับสุญตาขั้นเก้า ผู้อาวุโสสำนักสวรรค์เพลิงโลหิต]
สำนักสวรรค์เพลิงโลหิต?
นี่ก็ไม่ใช่สำนักที่รวบรวมแดนบำเพ็ญพรตต้าเว่ยหรือ
หานเจวี๋ยยังจำได้ที่หลี่ชิงจื่อเคยกล่าวได้ สำนักสวรรค์เพลิงโลหิตประกาศกร้าวว่าจะพิชิตต้าเยี่ยน คิดไม่ถึงว่าจะส่งคนมาเร็วถึงเพียงนี้
หานเจวี๋ยจึงเริ่มตรวจสอบตำแหน่งของนักพรตเต๋าชิงเสียน
เจ้าหมอนี่ปลอมตัวเป็นศิษย์สายในของสำนัก กำลังเดินเตร็ดเตร่รอบๆ หอสัตว์เลี้ยงปีศาจคาดว่าคงจะพยายามหาทางเข้าไปในแดนหมื่นปีศาจ
หานเจวี๋ยลังเลว่าจะลงมือสังหารชายผู้นี้อย่างไรดี
หากลงมือทันที เกรงว่าจะเป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์
……
ภายในหอสัตว์เลี้ยงปีศาจ
นักพรตเต๋าชิงเสียนซึ่งปลอมตัวเป็นศิษย์หนุ่มหยิบตำราออกมาหนึ่งเล่ม ด้านในนั้นบันทึกประเภทของสัตว์เลี้ยงปีศาจที่อาศัยอยู่ในแดนหมื่นปีศาจเอาไว้
นี่ก็คือสำนักอันดับหนึ่งของต้าเยี่ยนหรือ อ่อนแอยิ่งนัก
นักพรตเต๋าชิงเสียนคิดอย่างดูแคลน
เขาแฝงตัวเข้ามาในสำนักหยกพิสุทธิ์ได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว พบว่าเนื้อในของสำนักหยกพิสุทธิ์ล้วนด้อยกว่าสำนักสวรรค์เพลิงโลหิตในทุกๆ ด้าน
หลังจากนี้ ก็เหลือเพียงผู้อาวุโสสังหารเทพผู้ลึกลับท่านนั้นแล้ว
นักพรตเต๋าชิงเสียนวางตำราลง เดินออกไปจากหอสัตว์เลี้ยงปีศาจ
ที่พำนักของผู้อาวุโสสังหารเทพนั้นชัดเจนอยู่แล้ว เขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็เป็นสถานที่ที่มีพลังวิญญาณเข้มข้นที่สุดในสำนักหยกพิสุทธิ์ เหล่าลูกศิษย์ล้วนคาดเดาได้ว่าที่นั่นเป็นสถานที่ปิดด่านกักตนของผู้อาวุโสสังหารเทพ
นักพรตเต๋าชิงเสียนได้สอบถามเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้
ผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งที่สุดในต้าเยี่ยนหรือ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อเจ้าต้องคุกเข่าร้องขอความเมตตาอยู่เบื้องหน้าข้าผู้นี้จะดูน่าสงสารเพียงใด
นักพรตเต๋าชิงเสียนลอบครุ่นคิดเงียบๆ
เขาก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้า แม้กระทั่งอาจารย์ปู่ของสำนักพิสุทธิ์เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ก็ไม่แน่ว่าจะประมือกับเขาได้!
หลังจากสังหารผู้อาวุโสสังหารเทพแล้ว เขาจะล้างบางสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างไร้ร่องรอยดีหรือไม่
…………………………………………………………………………
[1] หรือต้นมัลเบอรี่