ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 791 ความน่ากลัวของอำนาจศักดิ์สิทธิ์
หานเจวี๋ยช่วยหลอมโอสถเบิกจักรพรรดิให้ฉินหลิงเก้าสิบเก้าเม็ด ทำเอาฉินหลิงแทบจะคุกเข่าให้แล้ว
เขาไม่สามารถเข้าใจศาสตร์หลอมโอสถเช่นนี้ได้เลย
เนื่องจากวัตถุดิบปรุงยาที่เตรียมไว้มีพอหลอมได้ร้อยเม็ดเท่านั้น อ้างอิงตามสถิติความสำเร็จหนึ่งส่วนต่อการหลอมโอสถแล้ว ศาสตร์การหลอมโอสถของหลิวเป้ยแทบจะมีอัตราความสำเร็จเต็มร้อยเลย
หานเจวี๋ยเข้ามาหยุดเขาไว้ได้ทันเวลาจึงล้มเหลวไปเพียงครั้งเดียว
ภายในเรือน ฉินหลิงเริ่มทุบหลังนวดไหล่ให้หานเจวี๋ย พยายามเอาใจหานเจวี๋ยอย่างเต็มที่
“พี่ใหญ่ ท่านอยากกินอะไร อยากดื่มอะไร สั่งมาได้เต็มที่เลย!”
“ต่อไปท่านก็คือพี่ชายแท้ๆ ของข้า!”
“โอสถเหล่านี้ท่านแบ่งไปหกส่วนเถอะ ไม่ต้องให้ข้าทั้งหมด”
“ให้ข้าจริงๆ น่ะหรือ ข้า…”
“ที่แท้ท่านก็ไม่จำเป็นต้องใช้ เช่นนั้นก็ได้”
หลังเก็บโอสถเบิกจักรพรรดิทั้งหมดไป จิตใจฉินหลิงก็เบิกบาน ช่วงแสนปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย
สายตาที่เขามองหานเจวี๋ยอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ
หานเจวี๋ยนับเป็นผู้สูงส่งของเขา
“พี่ใหญ่ ท่านช่วยข้ามากขนาดนี้ ต้องการให้ข้าทำสิ่งใดหรือไม่” ฉินหลิงถาม
หากไม่ตอบแทนบ้าง จิตใจเขายากจะสงบลงได้จริงๆ
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าต้องการสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโลกใบนี้ เจ้าจะช่วยหามาให้ข้าได้หรือ”
ฉินหลิงถามอย่างแปลกใจ “นั่นคือสิ่งใด”
“วันหน้าเจ้าจะรู้เอง”
ฉินหลิงตกอยู่ในห้วงความคิด
อย่างที่ทราบกันดี หานเจวี๋ยเพียงเย้าเขาเล่นเท่านั้น
ฉินหลิงหลงนึกว่าเป็นสมบัติวิเศษ ในแดนเซียนสิ่งที่ถูกเรียกขานเป็นสมบัติล้ำค่าส่วนใหญ่คือสมบัติวิเศษ
หลายวันต่อมา หานเจวี๋ยจากไป
ฉินหลิงเริ่มปิดด่านใช้โอสถเบิกจักรพรรดิ
หลายสิบปีต่อจากนั้น หานเจวี๋ยท่องไปในแดนเซียน ชมความรุ่งเรืองของแดนเซียนในปัจจุบัน กระแสการบำเพ็ญแพร่หลายไปทั่วหัวระแหง ต่อให้เป็นภายในหมู่บ้านมนุษย์ธรรมดา ก็ยังทราบถึงวิธีฝึกบำเพ็ญ
หากไม่มีเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาล สรรพสิ่งไม่มุ่งหน้าไปค้นหาในฟ้าบุพกาล คาดว่าแดนเซียนคงถึงจุดอิ่มตัวไปนานแล้ว ด้วยทรัพยากรและพื้นที่ที่มีอย่างจำกัด ซ้ำยังมีปริมาณผู้บำเพ็ญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นจะกลายเป็นหายนะ
ณ ยมโลก
หานเจวี๋ยมายังเมืองนรกที่หานซินหยวนอยู่
หานซินหยวนสืบทอดพันธุกรรมเด่นด้านรูปโฉมมาจากหานเจวี๋ยและหานทั่ว นางสวมชุดขาว กำลังนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่ ภายในเรือนมีนางเพียงคนเดียว โดดเดี่ยวเงียบสงัด
หานเจวี๋ยทำนายดูเล็กน้อย พบว่าหานซินหยวนมีบ่วงกรรมน้อยยิ่ง น้อยกว่าหานอวี้เสียอีก ช่วงล้านปีที่ผ่านมา นางอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด หลังจากเข้าสู่เมืองนรก ก็ยังคงเป็นเช่นนี้ ถึงแม้จะครอบครองอำนาจ แต่ช่วงเวลาส่วนใหญ่ล้วนฝึกบำเพ็ญตามลำพัง
หานเจวี๋ยไม่ได้รบกวนนาง แต่แผ่มหามรรคต้นกำเนิดเข้าปกคลุมร่างนางอย่างเงียบเชียบ ทำให้นางเข้าสู่สภาวะตระหนักมรรคอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้พบกัน ถึงจะเกี่ยวพันกันทางสายเลือด แต่หานซินหยวนไม่เคยทราบถึงการมีอยู่ของเขาเลย หานทั่วและหยางเทียนตงก็ไม่เคยบอก ถึงอย่างไรฐานะของหานเจวี๋ยก็สูงส่งเกินไป พวกเขาไม่อยากสร้างภาระและบ่วงกรรมอันใหญ่หลวงให้หานซินหยวน และเพื่อลดความยุ่งยากให้หานเจวี๋ยด้วย
สิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยจากไปอย่างเงียบเชียบ
หานซินหยวนลืมดวงตาคู่งามขึ้น คิ้วเรียวขมวดมุ่นนิดๆ
“นี่คือพลังใดกัน…ข้าตระหนักรู้ขึ้นมาได้จริงๆ น่ะหรือ”
หานซินหยวนพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้ง ซึมซับอย่างละเอียด
….
หลังจากสิ้นสุดการหาประสบการณ์หนึ่งร้อยปี มรรคจิตของหานเจวี๋ยได้รับความผ่อนคลายอีกครั้ง
เขามายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง
ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองเทพมารที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีตบะระดับครึ่งอริยะแล้ว ในบรรดานั้นมีเทพมารกายาและเทพมารสุญตาที่เพิ่งพิสูจน์เซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าไปเมื่อไม่นานมานี้
วันเวลาผ่านไป กองทัพเทพมารของหานเจวี๋ยแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับเขา
ลี่เหยาและอู้เต้าเจี้ยนลืมตาขึ้น เมื่อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้น พวกนางรีบลุกขึ้นมาคารวะ
หานเจวี๋ยนั่งลง เริ่มเทศนาธรรม เสียงดังก้องไปทั่วอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง
ร้อยปีต่อมา การเทศนาธรรมสิ้นสุดลง
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังจะจากไป
“น้องสาว เจ้าออกไปก่อนเถอะ” จู่ๆ ลี่เหยาก็เอ่ยขึ้นมา
อู้เต้าเจี้ยนผงะไปเล็กน้อย ก่อนออกไปอย่างว่าง่าย
ลี่เหยาลากหานเจวี๋ยเข้ามา
หานเจวี๋ยเงียบงันไม่เอ่ยวาจา นั่งลงข้างกายนาง
….
ยี่สิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยกลับมาที่อาณาเขตเต๋าหลัก เตรียมฝึกบำเพ็ญต่อ
[ตรวจสอบพบว่าอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคถูกกระตุ้น ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ลาดตระเวนไปทั่วฟ้าบุพกาล ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ออกจากการปิดด่านทันที ทำลายล้างอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรค จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น โอกาสเพิ่มความสามารถใหม่ของระบบหนึ่งครั้ง]
[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ ไม่สนใจเรื่องนี้ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน โอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง]
อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคอย่างนั้นหรือ
มาโจมตีมิ่งหรือไร
หานเจวี๋ยมองตัวเลือกข้อแรก คำหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง
กับดัก!
ตัวเลือกข้อที่สอง ทำให้ดวงตาของเขาลุกวาว
ยกระดับอาณาเขตเต๋า!
ยังสามารถยกระดับอีกได้หรือ
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองทันที
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยแล้ว
[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน โอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง]
[อาณาเขตเต๋าเริ่มยกระดับ]
หานเจวี๋ยนำศิลาก่อวิญญาณออกมา ผสานเข้ากับปราณเทพมารกลุ่มหนึ่ง
เขาให้ความสนใจกับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรค
‘ข้าอยากทราบว่าเหตุใดขุนพลศักดิ์สิทธิ์ถึงลาดตระเวนสอดส่องฟ้าบุพกาล’
หานเจวี๋ยถามในใจ นานมากแล้วที่ระบบไม่ได้ให้ทางเลือกเช่นนี้ แปลว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ถึงขั้นที่อาจจะเกี่ยวพันกับชีวิตเขา
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรควิวัฒนาการก็เป็นขุนพลศักดิ์สิทธิ์หมื่นคน ออกตรวจสอบทั่วทุกซอกมุมในฟ้าบุพกาล ค้นหาต้นตออันตรายที่อาจคุกคามฟ้าบุพกาลได้ เพื่อกำจัดให้สิ้นซาก]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย!
‘มีวิธีที่ข้าและบุตรชายของข้าจะหลบซ่อนจากการสอดส่องของอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคได้หรือไม่’ หานเจวี๋ยถามในใจต่อ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่มี]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ‘แม้แต่อาณาเขตเต๋าก็หลบไม่พ้นหรือ’
[อาณาเขตเต๋าป้องกันได้ แต่หลบไม่พ้นจากการสอดส่อง หากถูกมองว่าเป็นต้นตออันตราย จะเผชิญการโจมตีจากขุนพลศักดิ์สิทธิ์หนึ่งหมื่นคน]
ค่อยยังชั่ว
ความหมายคืออำนาจศักดิ์สิทธิ์จะมองอาณาเขตเต๋าเป็นเป้าหมาย แต่ยังไม่แน่ว่าจะบุกเข้ามาได้
หากเรื่องนี้วุ่นวายใหญ่โตขึ้นมา เขาไม่กล้าคาดเดาถึงผลลัพธ์เลย
หานเจวี๋ยถามต่อ ‘ขุนพลศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมากเพียงใด’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ขุนพลศักดิ์สิทธิ์หนึ่งคนเทียบเท่าอริยะมหามรรคหนึ่งราย]
อริยะมหามรรคหมื่นรายอย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยเบิกตากว้าง กระเด้งตัวลุกขึ้นยืน
เช่นนี้จะต้านไว้ได้อย่างไร
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น
อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคนี้เทียบได้กับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์กระมัง
ต้องกล่าวเลยว่า พลังเช่นนี้เผด็จการเกินไปแล้ว ไม่มีกลุ่มอิทธิพลใดในฟ้าบุพกาลสามารถต้านทานได้ กวาดล้างได้อย่างเด็ดขาด
ไม่ว่าจะเป็นตัวตนแบบใดเมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจเช่นนี้ บ้างก็ตาย บ้างก็ต้องทำตัวสงบเสงี่ยมรอให้พวกเขาสิ้นสุดการสอดส่องค้นหา
ด้วยพลังของมรรคาสวรรค์ในปัจจุบันนี้ย่อมต้านไม่ไหว อีกทั้งอาณาเขตเต๋าอยู่ในมรรคาสวรรค์ อาจนำอันตรายมาสู่มรรคาสวรรค์
ไม่ง่ายเลยกว่ามรรคาสวรรค์จะพัฒนามาถึงวันนี้ได้ หานเจวี๋ยยังคงไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้มรรคาสวรรค์รวมถึงสรรพสิ่งทั้งปวง
‘ข้าอยากทราบว่าขุนพลศักดิ์สิทธิ์จะออกทำภารกิจร่วมกัน หรือว่าแยกย้ายกันทำภารกิจ’
[ทำภารกิจร่วมกัน]
ไม่มีการหักอายุขัย แต่คำตอบกลับเลวร้ายอย่างถึงที่สุด
‘ขุนพลศักดิ์สิทธิ์หมื่นคนจะมาถึงมรรคาสวรรค์เมื่อใด’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[อีกห้าล้านปี]
หัวคิ้วของหานเจวี๋ยพลันคลายตัวลง
สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้น!
ถึงอย่างไรฟ้าบุพกาลก็กว้างใหญ่ไพศาลอย่างยิ่ง ไหนเลยจะสามารถตระเวนไปทั่วทั้งฟ้าบุพกาลได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ
………………………………………………………………