ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 877 ความรู้สึกของหานอวี้
บทที่ 877 ความรู้สึกของหานอวี้
เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดของคนตัดไม้ หานชิงเอ๋อร์ไม่ได้เอ่ยตอบ แต่เหาะกลับไปหาหานเจวี๋ย บอกเล่าประวัติความเป็นมาของคนตัดไม้
“ท่านพ่อ พวกเราช่วยล้างแค้นให้เขาได้หรือไม่เจ้าคะ เขาน่าเวทนาเกินไปแล้ว!”
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างมีคุณธรรม นางยังไม่เคยเผชิญความลำบากเช่นนี้มาก่อนเลย ดังนั้นจึงไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากตนเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้จะรับมือได้อย่างไร
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ใต้หล้ามีคนตกทุกข์ได้ยากมากมายปานใดเล่า เจ้าจะช่วยไปทีละคนๆ หรือ”
หานชิงเอ๋อร์ผงะไป ไม่คิดเลยว่าจะถูกหานเจวี๋ยปฏิเสธ
ชิงหลวนเอ๋อร์ส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ชิงเอ๋อร์ ตั้งแต่เล็กเจ้าถูกพวกเราดูแลประคบประหงมมาดีเกินไป ไม่เคยพบความทุกข์ยากในโลกมนุษย์เลย ใต้หล้านี้ต่างมีคนที่เป็นเช่นเดียวกับเขา ใต้มรรคาสวรรค์มีโลกมนุษย์ธรรมดาอยู่หลายหมื่นโลก”
หานชิงเอ๋อร์เงียบไป
หานเจวี๋ยทอดสายตามองไปที่คนตัดไม้ผู้นั้น เอ่ยเสียงเบา “ที่นี่มีเคล็ดบำเพ็ญอยู่จริงๆ ให้เขาไปค้นหาเถอะ ขอเพียงหาพบ เขาก็มีโอกาสล้างแค้นด้วยตัวเองแล้ว เขาก็หวังเช่นนี้อยู่ไม่ใช่หรือ”
หานชิงเอ๋อร์ถาม “เคล็ดวิชานั้นอยู่ที่ใดเจ้าคะ”
“ให้เขาค้นหาด้วยตัวเองเถอะ อย่างน้อยข้าก็บอกเขาแล้วว่ามีอยู่ที่นี่ ขอเพียงเขาไม่ละความพยายาม จะหาพบในไม่ช้าก็เร็ว”
“เจ้าค่ะ”
หานชิงเอ๋อร์เบะปาก จากนั้นก็เหาะกลับไปหาคนตัดไม้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง แจ้งเรื่องนี้ให้ทราบ
ชิงหลวนเอ๋อร์ถอนหายใจเอ่ยไปว่า “สาวน้อยคนนี้ไร้เดียงสาเช่นนี้ วันหน้าจะวางใจให้นางออกท่องโลกภายนอกคนเดียวได้อย่างไร”
บุตรสาวแตกต่างกับบุตรชาย มักจะทำให้พ่อแม่ห่วงกังวลมากกว่าดฮณ๊ฯดฯฌซ,
หานเจวี๋ยยิ้มพลางเอ่ยว่า “ดังนั้นข้าถึงได้พาพวกเจ้ามาที่นี่”
ชิงหลวนเอ๋อร์ถามด้วยความแปลกใจ “หรือท่านทราบถึงการมีอยู่ของคนผู้นี้แต่แรกแล้ว”
“แน่นอน มิเช่นนั้นเหตุใดข้าต้องพาพวกเจ้ามาที่นี่ด้วยเล่า มีเพียงข้าที่สามารถสัมผัสถึงบรรยากาศเก่าๆ ได้ พวกเจ้าไม่ได้มีความรู้สึกร่วมด้วยเลย”
หานเจวี๋ยยักไหล่พลางเอ่ยไป ชิงหลวนเอ๋อร์ฟังแล้วแสดงสีหน้าเลื่อมใสออกมา
“หรือว่าตำนานเซียนของที่นี่…”
“อืม เป็นเคล็ดวิชาที่ข้าทิ้งไว้เอง”
ชิงหลวนเอ๋อร์ตกใจยิ่งกว่าเดิม
เพียงแต่เมื่อนึกถึงตบะของหานเจวี๋ย อารมณ์ของนางก็สงบลงอีกครั้ง
ภายในป่า
หลังจากหานชิงเอ๋อร์บอกให้ทราบแล้ว ก็กล่าวว่า “ขอเพียงเจ้ายอมค้นหาต่อไป จะต้องหาพบแน่นอน ขออวยพรให้เจ้าโชคดี”
คนตัดไม้รีบเอ่ยว่า “ข้าสมควรตอบแทนพวกท่านอย่างไร”
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าดูแลตัวเองให้ได้แล้วค่อยว่ากันเถอะ ระหว่างพวกเราในตอนนี้ ไหนเลยจะมีอันใดให้ตอบแทน”
ถึงแม้นางจะอ่อนประสบการณ์ แต่นางไม่ได้โง่
รับตัวคนผู้นี้มาเป็นทาส ก็ต้องคอยปกป้องเขาไม่ใช่หรือ
หานชิงเอ๋อร์ทะยานกาย เหาะจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้พูดมากอีก
หานชิงเอ๋อร์ร่อนลงเบื้องหน้าบิดามารดา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชี้แจงไปชัดเจนแล้วเจ้าค่ะ”
หานเจวี๋ยพยักหน้าด้วยความพอใจ การแสดงออกของหานชิงเอ๋อร์ทำให้เขาพอใจมาก ไม่ได้จองหองจนไม่ฟังคำเตือน และไม่ได้เมตตามากไปจนทำให้อีกฝ่ายเอาเปรียบได้
“ในอนาคตหาเผชิญเรื่องเช่นนี้ เจ้ายังคงต้องระมัดระวังด้วย เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือพูดเท็จ” ชิงหลวนเอ๋อร์เอ่ยกำชับ
หานชิงเอ๋อร์กล่าวว่า “เขาน่าจะไม่ได้โกหกข้ากระมัง ข้าดูแล้วเขาไม่เหมือนว่ากำลังพูดโกหกอยู่เลย”
นางมองไปทางหานเจวี๋ย เอ่ยถาม “ท่านพ่อ ท่านคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ”
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกว่าไม่สำคัญเลย หากเป็นข้า ไม่มีทางสนใจเขา ไม่ต้องสนใจเลยว่าเขาจะพูดจริงหรือไม่”
หานชิงเอ๋อร์เบะปาก บ่นอุบอิบประโยคหนึ่ง
“เจ้าพูดอะไรอยู่”
“ไม่ได้พูดอะไรเจ้าค่ะ”
หานชิงเอ๋อร์ส่ายหน้า จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป ออกไปเที่ยวเล่นในป่าเขาละแวกนี้
หานเจวี๋ยยิ้มออกมา ไม่ได้พูดมากเช่นกัน
เขาพาชิงหลวนเอ๋อร์ตามไป เดินเล่นในป่าเขาแถบนี้
พวกเขาจากไปภายในวันนั้น
พวกเขามายังชั้นฟ้าที่สามสิบสามต่อ เข้าสู่วังปู้โจว
หานอวี้กำลังนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่ ได้ยินเสียงฝีเท้า เขาจึงลืมตาขึ้น เมื่อเห็นหานเจวี๋ย ก็รีบลุกขึ้นทำความเคารพ
“คารวะปฐมบรรพชน”
หานอวี้กล่าวอย่างนอบน้อม เหลือบตามองชิงหลวนเอ๋อร์และหานชิงเอ๋อร์ สงสัยอยู่ในใจ
เขาไม่กล้าทำนายดู เกรงว่าจะล่วงเกินหานเจวี๋ยเข้า
หลังจากเห็นหานอวี้ดวงตาหานชิงเอ๋อร์พลันเปล่งประกาย สายตานางมองสลับไปมาระหว่างหานเจวี๋ยและหานอวี้ แปลกใจอย่างยิ่ง
ชิงหลวนเอ๋อร์ก็ตกใจเช่นกัน
เมื่อเทียบกับหานทั่วแล้ว หานอวี้เหมือนบุตรชายของหานเจวี๋ย
เหมือนเกินไปแล้ว
“ท่านนี้ที่อยู่ข้างกายข้าคือมารดาของหานทั่ว ชิงหลวนเอ๋อร์ ส่วนอีกคนคือบุตรสาวข้า หานชิงเอ๋อร์ หรือก็คือน้องสาวแท้ๆ ของหานทั่ว”
หานเจวี๋ยแนะนำอย่างง่ายๆ หานอวี้รีบคุกเข่าลงด้วยความตกใจ ทำความเคารพอีกครั้ง
แม้ว่าจะเป็นอริยะ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับปฐมบรรพชน มารยาทที่สมควรปฏิบัติก็ยังต้องปฏิบัติอยู่
ชิงหลวนเอ๋อร์รีบประคองเขาขึ้นมา จ้องมองเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย เอ่ยยิ้มๆ “เหมือนกันเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าทั่วเอ๋อร์จะมีทายาทรุ่นหลังอย่างเจ้า ได้ยินว่าเจ้าพิสูจน์มรรคแล้วอย่างนั้นหรือ นำเกียรติมาให้วงศ์ตะกูลของพวกเราโดยแท้”
หานอวี้ประหม่ายิ่ง เอ่ยอย่างถ่อมตัว “ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากท่านปฐมบรรพชนขอรับ มิเช่นนั้นข้าคงไม่มีวันนี้”
ชิงหานเอ๋อร์ถามด้วยความสนใจ “เจ้าเป็นอริยะหรือ”
หนังตาชิงหลวนเอ๋อร์กระตุก ร้องในใจว่าแย่แล้ว หลุดปากไปเสียแล้ว
หานอวี้ไม่ได้ตอบในทันที ดีร้ายอย่างไรเขาก็เป็นอริยะแล้ว อยู่มานานขนาดนี้ ย่อมฟังความนัยที่แฝงอยู่ออก
หานชิงเอ๋อร์ถามเช่นนี้ ก็หมายความว่าไม่ได้ทราบเรื่องเลย
จากนั้นเขาสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของชิงหลวนเอ๋อร์ อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วตอบไปว่า “ข้าจะนับเป็นอริยะอันใด เพียงฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่เท่านั้น ในแดนเซียน เซียนทองต้าหลัวก็นับว่าพิสูจน์มรรคเช่นกัน”
หานชิงเอ๋อร์พลันกระจ่างแจ้ง
หานเจวี๋ยมองหานอวี้อย่างชื่นชม
ปัจจุบันนี้ความสามารถในการโกหกหน้าตายของเด็กคนนี้แก่กล้าขึ้นขนาดนี้เชียวหรือ
ไม่ทราบเลยว่าเป็นเพราะได้รับการสั่งสอนจากฉิวซีไหล หรือว่าเป็นอริยะคนอื่นที่สอนมา
ถึงอย่างไรหลี่เต้าคงก็ไม่ได้ลื่นไหลเช่นนี้
หานชิงเอ๋อร์เริ่มวอแวซักถามหานอวี้ ทุกเรื่องที่ถามล้วนเกี่ยวข้องกับประสบการณ์การบำเพ็ญของเขา อาจจะเป็นเพราะติดตามบิดามารดามาตลอด นางจึงสนใจเรื่องราวของคนอื่นเป็นพิเศษ ทว่าไม่ประทับใจในเรื่องราวของหานเจวี๋ยอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา ไม่ได้ห้ามปรามเช่นกัน
เขาพาหานชิงเอ๋อร์มาก็เพราะอยากให้หานอวี้รู้จักนาง วันหน้าเมื่อหานชิงเอ๋อร์มายังมรรคาสวรรค์ หานอวี้จะได้คอยดูแลให้มากหน่อย เขาเชื่อว่าหานอวี้จะทำได้
เผชิญหน้ากับหานชิงเอ๋อร์ หานอวี้ประหม่ายิ่งนัก ถึงเขาจะมองออกว่าหานชิงเอ๋อร์อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี แต่ลำดับอาวุโสกลับกดทับเขาจนหายใจแทบไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อมีหานเจวี๋ยอยู่ด้านข้าง
เขากลัวว่าตนชักช้าอืดอาด อีกทั้งกลัวว่าตนจะล่วงเกินหานเจวี๋ยเข้า ทุกประโยคที่กล่าวล้วนผ่านการไตร่ตรองมาแล้ว
หลายชั่วยามต่อมา หานเจวี๋ยบอกลาหานอวี้
“หานอวี้ ในอนาคตหากข้ามาเยือนมรรคาสวรรค์จะมาเล่นกับเจ้าอีก ถึงเวลานั้นเจ้าต้องต้อนรับข้าด้วยล่ะ!”
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส นางมีความประทับใจในตัวหานอวี้ดียิ่ง เป็นเช่นเดียวกับเซียนมองต้าหลัวในจินตนาการของนาง สุภาพยิ่งนัก พูดจาก็น่าฟัง
แน่นอนว่านางเข้าใจเหตุผลดี
ดังนั้นนางจึงยิ่งรู้สึกสงสัยในตัวหานเจวี๋ย
จู่ๆ นางก็ตระหนักได้ว่าตนไม่ทราบฐานะตัวตนของท่านพ่อเลย
หลังจากส่งพวกหานเจวี๋ยกลับไปแล้ว หานอวี้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
จู่ๆ ก็มีท่านย่าเทียดเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน ความรู้สึกของหานอวี้แปลกพิกลยิ่งนัก
เพียงแต่ท่านย่าคนนี้สดใสมีชีวิตชีวา น่าคบหายิ่งนัก
หานอวี้อดนึกถึงหานทั่วไม่ได้ อารมณ์ซับซ้อนขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่ทราบเช่นกันว่าปัจจุบันนี้สถานการณ์ของบรรพชนท่านนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
หลังจากทราบว่าตอนนั้นหานทั่วมิได้หมางเมินปล่อยให้ตายโดยไม่ช่วยเหลือ ในใจของหานอวี้ก็รู้สึกละอายยิ่งนัก เพียงแต่ไม่ได้กล่าวออกมาเท่านั้น และเขาก็ไม่มีโอกาสได้พบหานทั่วอีกเลย
‘บรรพบุรุษ ตอนนี้ท่านไปอยู่ที่ไหนแล้วขอรับ เหตุใดถึงไม่กลับมรรคาสวรรค์’
หานอวี้คิดเงียบๆ หานเจวี๋ยมีตบะระดับใดแล้ว นั่งแท่นปกครองมรรคาสวรรค์ได้ ยามนี้มรรคาสวรรค์มีพัฒนาการยอดเยี่ยมเช่นนี้ ไฉนหานทั่วไม่กลับมา เขาสงสัยว่าหรือจะเป็นตนที่ทำร้ายหานทั่วเสียแล้ว
ตอนนั้นเขาประกาศกร้าวด้วยทิฐิสูงลิ่วว่าจะก้าวข้ามหานทั่วไปให้ได้
หานทั่วอาจเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อเขา จึงไม่กลับมาเลย
หานอวี้ถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงไปอีกครั้ง หลับตาฝึกบำเพ็ญต่อ