ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 946 เจตจำนงฟ้าบุพกาล คุณสมบัติอันดับหนึ่ง
บทที่ 946 เจตจำนงฟ้าบุพกาล คุณสมบัติอันดับหนึ่ง
‘นี่มันสถานการณ์เช่นไรกัน ถูกคนใกล้ชิดแว้งกลับมาทำร้ายจริงๆ น่ะหรือ’
หานเจวี๋ยฉงนอยู่ในใจ หลบออกไปอยู่ด้านข้าง เริ่มสังเกตการณ์
ถึงอย่างไรก็เป็นภาพลวงตาวิวัฒนาการ ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง เขาย่อมไม่หวั่นวิตก
“พวกเจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับข้าจริงๆ น่ะหรือ”
หานเจวี๋ยในอนาคตกวาดตามองศิษย์สำนักซ่อนเร้นทั่วนภา เอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
น้ำเสียงกระจ่างกังวานของเขาแว่วเข้าหูของทุกคน ทั้งหมดตกใจกลัวจนตัวสั่น รวมถึงหานฮวงและหานทั่วด้วย
หานทั่วเอ่ยด้วยความโกรธ “มารร้ายฟ้าบุพกาล สังหารฆ่าฟันมวลมนุษย์! เจ้ายึดครองกายเนื้อของบิดาข้า ก่อกรรมทำชั่ว โอหังลำพอง ต่อให้พวกเรามอดม้วยก็ต้องปราบเจ้าให้ได้! ล้างแค้นให้บิดาข้า!”
เสียงตะโกนกร้าวของเขาราวกับเสียงฟ้าร้อง ดังก้องต่อเนื่อง กระตุ้นความเกลียดชังในตัวของทุกคนขึ้นมา เริ่มพากันสบถด่า
“มารร้าย เจ้าทำลายดวงชะตามรรคาสวรรค์เรา สมควรตาย!”
“คืนนายท่านของข้ามา!”
“วันนี้ต้องสังหารเจ้าให้ได้ มิเช่นนั้นจะเป็นภัยต่อฟ้าบุพกาล!”
“สังหารเขาเสีย กอบกู้ฟ้าบุพกาล!”
“เหล่าอริยะมรรคาสวรรค์รอประสานอยู่นอกอาณาเขตเต๋าแล้ว ขอเพียงพวกเราบังคับทำลายอาณาเขตเต๋าของเขาได้ เขาต้องตายแน่นอน!”
“น่าชังนัก หากวันนี้ล้างแค้นให้ท่านอาจารย์ปู่ของข้าไม่ได้ ตบะของข้ามีไปก็ไร้ประโยชน์!”
ศิษย์สำนักซ่อนเร้นมากมาย ศิษย์จำนวนเกินร้อยล้านลอยอยู่กลางอากาศ ด่าทอมาทางเขาเพียรบำเพ็ญเซียนด้วยความโกรธเกรี้ยว เสียงด่าทอดังสะเทือนนภา ทำเอาเขาเพียรบำเพ็ญเซียนสั่นไหวรุนแรง
แม้จะเผชิญกับเสียงด่าทอเช่นนี้ แต่สีหน้าของหานเจวี๋ยในอนาคตก็ยังคงไม่แปรเปลี่ยน
จู่ๆ เขาก็แย้มยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่เหยียดหยามและดูแคลนยิ่ง
หานเจวี๋ยพึมพำอยู่ในใจ ตัวเขาในอนาคตถูกยึดครองร่างเช่นนั้นหรือ
ผู้ใดกันที่ยึดครองร่างเขาได้กัน
ผู้สร้างมรรคาอย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยในอนาคตหัวเราะดังลั่น “เจตจำนงฟ้าบุพกาลที่น่าขัน คนโง่เขลาอย่างพวกเจ้ายึดติดหลงเชื่อในความทรงจำและความเข้าใจของตน เช่นนั้นข้าจะทำลายพวกเจ้าเสีย ข้าเกื้อกูลพวกเจ้าขึ้นมาได้ก็สามารถทำลายล้างพวกเจ้าได้ง่ายๆ เหมือนพลิกฝ่ามือ ลูกเมียแล้วอย่างไร ลูกศิษย์ลูกหาแล้วอย่างไร เจตจำนงฟ้าบุพกาลเอ๋ย เจ้าคิดจริงๆ น่ะหรือว่าข้าจะไม่อาจตัดสินใจ
“เข้ามาเลย จะให้พวกเจ้าได้รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของข้า ทำให้พวกเจ้าได้รับรู้ถึงความน่าหวาดหวั่นเช่นเดียวกับดวงจิตแห่งความสิ้นหวัง ขุนพลศักดิ์สิทธิ์และดวงจิตบรรพกาล!”
เมื่อเสียงหัวเราะของหานเจวี๋ยในอนาคตสิ้นสุดลง คลื่นพลังที่ทำให้หานเจวี๋ยใจสั่นได้ก็พลันระเบิดออกมา
ภาพลวงตาวิวัฒนาการพังทลายลง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น จมอยู่ในห้วงความคิด
เจตจำนงฟ้าบุพกาลปรับเปลี่ยนความทรงจำและการรับรู้ของสรรพสิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงคิดว่าเขาคือมารร้ายฟ้าบุพกาลอย่างนั้นหรือ
ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้เลย แต่พอลองใคร่ครวญดูให้ดีๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
หนังสือยอดชะตาสุดยอดสมบัติของเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน เขาเคยใช้สมบัติชิ้นนี้ทำให้สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลเข้าใจว่าเขาคือเทพมารฟ้าบุพกาลมาแล้ว
ในเมื่อเขาทำได้ แล้วเหตุใดเจตจำนงฟ้าบุพกาลจะทำไม่ได้เล่า
เขาใช้หนังสือยอดชะตาตอนอายุแปดแสนปี แต่ยังคงมีผลมานานเกือบสิบล้านปี ตอนนี้เขาใกล้จะอายุครบสิบล้านปีแล้ว หากว่าเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่หวาดกลัวเลย
เจตจำนงฟ้าบุพกาลปรับเปลี่ยนการรับรู้ของสรรพสิ่ง เช่นนั้นก็ทำลายทิ้งเสีย!
จากนั้นค่อยใช้หนังสือยอดชะตาฟื้นฟูทุกสิ่ง
หานเจวี๋ยคิดแล้วให้รู้สึกขบขันนัก
อาศัยแค่สำนักซ่อนเร้นคิดว่าจะโค่นล้มเขาได้อย่างนั้นหรือ
ตอนนี้สำนักซ่อนเร้นขยายสาขาไปทั่วฟ้าบุพกาล มีจำนวนศิษย์เกินหมื่นล้านคนแล้ว มีเซียนทองต้าหลัวทะลุหลักล้าน ครึ่งอริยะอีกนับหมื่น ซ้ำยังมีอริยะเสรีและอริยะมหามรรคไม่น้อยด้วย ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ทรงอำนาจ แต่พออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยที่มีพลังเลิศล้ำแล้วก็เหมือนเสือกระดาษ
‘ช่างเถิด มาทั้งทีก็อยู่อย่างสงบดีกว่า หากต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมาจริง ข้าจะหลบซ่อนอยู่ในอาณาเขตเต๋าเสีย รอคอยโอกาสที่เหมาะสมก็พอ’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจ อาณาเขตเต๋าทั้งสามแห่งมีเพียงเขาที่ควบคุมการเคลื่อนย้ายได้ หากศิษย์ที่อยู่ในเขตเซียนร้อยคีรีคิดจะบังคับบุกเข้าสู่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม เช่นนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
เจตจำนงฟ้าบุพกาลพุ่งเป้ามาที่หานเจวี๋ยเท่านั้น แม้ว่าเขาจะถูกตัดญาติขาดมิตรก็ไม่มีทางกระทบถึงความเป็นความตายของศิษย์คนอื่นๆ
หานเจวี๋ยลุกขึ้นเดินจากไป
เขากลับมาที่เขตเซียนร้อยคีรี พาสิงหงเสวียนและชิงหลวนเอ๋อร์กลับไปยังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม จากนั้นก็ฝึกบำเพ็ญต่อ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ อันตรายเผยเค้าลางออกมาแล้ว ต่อให้เขามีความมั่นใจ แต่เขาก็ต้องรับมือด้วยความจริงจัง ระมัดระวังไว้ถึงจะมีชีวิตยืนยาว
หากประมาทไปต้องพลาดท่าแน่!
หานเจวี๋ยนึกถึงศัตรูทรงพลังในอดีตที่ผ่านมา ผู้ใดบ้างเล่าที่ไม่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ ล้วนมีไพ่ตายเหลือไว้ทั้งสิ้น ต่างคิดว่าจัดการหานเจวี๋ยได้แน่นอน
หานเจวี๋ยต้องการแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาต้องการทำให้ศัตรูไม่อาจประเมินตัดสินพลังของเขาไปได้ตลอดกาล!
….
นอกมรรคาสวรรค์ หน้าวังเยือนอริยะ บุตรแห่งสวรรค์หลายร้อยคนยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ ต่างพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่
“ชิงเทียนเสวียนจีร้ายกาจจริงๆ น่าเสียดายที่เจียงอี้แข็งแกร่งกว่า”
“วิชายุทธ์ของเจียงอี้คืออะไร เลิศล้ำนัก ร้อนแรงยิ่งกว่าดวงตะวันของมรรคาสวรรค์เสียอีก”
“จนใจที่ระดับแตกต่างกันยิ่งนัก มิเช่นนั้นชิงเทียนเสวียนจีอาจจะไม่แพ้” 艾琳小說
“ใช่จริงๆ”
“สมกับเป็นศิษย์อริยะสวรรค์เกรียงไกร สามคนนี้ต่างเป็นอริยะมหามรรค พวกเจ้าว่าสำนักซ่อนเร้นมีอริยะมหามรรคอยู่มากน้อยเพียงใด คงจะไม่ใช่ศิษย์รุ่นที่สองทั้งหมดกระมัง”
“ว่ากันยาก ถึงอย่างไรก็เป็นอริยะทั้งสิ้น”
เหล่าบุตรแห่งสวรรค์พูดคุยวิจารณ์
เต้าจื้อจุนและจ้าวเซวียนหยวนยิ้มออกมา
สีหน้าของเหล่าตานเคร่งขรึมยิ่ง จ้องมองชิงเทียนเสวียนจีเขม็ง
ศึกระหว่างชิงเทียนเสวียนจีและเจียงอี้สิ้นสุดลงแล้ว เวลานี้ ชิงเทียนเสวียนจีอยู่ในสภาวะตระหนักรู้ในฉับพลัน
เจียงอี้มองชิงเทียนเสวียนจีที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่ แววตาซับซ้อนอย่างยิ่ง
หลังจากเจียงอี้กินโอสถอนธการเข้าไปรวมถึงได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าตาน สายเลือดเขาก็เปลี่ยนแปลงไปนานแล้ว ร่างเทพสุริยันมิวางวายไม่ด้อยไปกว่าเทพมารฟ้าบุพกาลเลย ประกอบกับระดับต่างกันมากโข เขาจึงเอาชนะชิงเทียนเสวียนจีได้ไม่ยาก
แต่ในระหว่างที่ต่อสู้กัน เขารับรู้ได้ถึงอันตรายบางอย่าง
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา!
“มรรคาสวรรค์ช่างโชคดีนัก เฮ้อ!”
เหล่าตานทอดถอนใจ รำพันแทนโลกอริยะไตรวิสุทธิ์
ติดตามพวกเต้าจื้อจุนทั้งสามกลับมาคราวนี้ เขาได้พบเห็นบุตรแห่งสวรรค์มากมายเหลือเกิน รับรู้ได้ว่ามรรคาสวรรค์และโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ห่างชั้นกันมากขึ้นเรื่อยๆ
เต้าจื้อจุนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “สำหรับคุณสมบัติของเด็กคนนี้เจ้าจัดให้อยู่ในลำดับที่เท่าไร”
เหล่าตานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “หากตัดอริยะสวรรค์เกรียงไกรออก ผู้เฒ่าคิดว่าเป็นอันดับหนึ่ง แม้แต่อาจารย์ของข้าก็ยังห่างชั้นยิ่ง”
ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญของชนรุ่นหลังในปัจจุบันนี้เป็นระดับที่ตัวตนยุคโบราณไม่กล้าจินตนาการถึงเลย แน่นอนว่านี่ก็คือสาเหตุที่ต้องพึ่งพาความเมตตาจากคนรุ่นก่อนๆ
ในยุคสมัยของบรรพชนเต๋า หลังจากพิสูจน์มรรคสำเร็จการบำเพ็ญหลังจากนั้นต้องคลำทางเอาเอง ไหนเลยจะเหมือนบุตรแห่งสวรรค์ในปัจจุบันนี้ มีทางปูไว้รอแล้ว เพียงฝึกบำเพ็ญไปตามแนวทางเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องคลำหาทางเอาเองและไม่จำเป็นต้องแสวงหาโอกาสวาสนา ด้วยจุดยืนของมรรคาสวรรค์ในปัจจุบันนี้ พรั่งพร้อมไปด้วยทรัพยากรบำเพ็ญด้านต่างๆ ขอเพียงเป็นบุตรแห่งสวรรค์ ก็แค่ฝึกบำเพ็ญไปเท่านั้นไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป
วาจาของเหล่าตานสร้างความตกใจให้แก่เหล่าบุตรแห่งสวรรค์ ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เต้าจื้อจุนและจ้าวเซวียนหยวนขมวดคิ้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาวิจารณ์เช่นนี้ พวกเขาคงขุ่นเคือง แต่เมื่อออกมาจากปากของเหล่าตาน พวกเขากลับตระหนกอยู่ในใจ
มรรคาสวรรค์มีบุตรแห่งสวรรค์ระดับนี้แล้ว!
ทันใดนั้นจ้าวเซวียนหยวนนึกถึงหานฮวงขึ้นมา ต่อให้ชิงเทียนเสวียนจีร้ายกาจแค่ไหน แต่คุณสมบัติจะเทียบกับหานฮวงได้หรือ
ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูด พลันมีเสียงเยาะหยันแว่วมาจากด้านหลัง “อันดับหนึ่งอย่างนั้นหรือ ข้าว่าก็ยังไม่แน่ ตามความเห็นของข้า คุณสมบัติของเขาเทียบข้าไม่ได้เลย!”
ทุกคนต่างหันไปมอง สีหน้าแปลกพิกลขึ้นมา
ผู้ที่เอ่ยประโยคนี้คือจ้าวซวงเฉวียนศิษย์สืบทอดของอริยะมรรคาสวรรค์ซูฉี
จ้าวซวงเฉวียนมีคุณสมบัติที่จะทะนงตนจริงๆ!
เพียงแต่จ้าวซวงเฉวียนเป็นตัวแทนบุตรแห่งสวรรค์ในสังกัดสำนักซ่อนเร้น ส่วนชิงเทียนเสวียนจีเป็นบุตรแห่งสวรรค์นอกสำนักซ่อนเร้น หากทั้งสองปะทะกัน ต้องเป็นที่ฮือฮาแน่นอน
จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณสมบัติของเจ้าเลิศล้ำจริงๆ แต่ต้องไล่ตามเขาให้ทันก่อนแล้วค่อยว่ากัน หากว่าเจ้าทำอย่างไรก็ยังไล่ตามเขาไม่ทัน เช่นนั้นอย่างมากก็บอกได้เพียงว่าคุณสมบัติของพวกเจ้าสูสีกัน เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะแข็งแกร่งกว่า”
………………………………………………………………