ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 972 เป้าหมายของหานเจวี๋ย
บทที่ 972 เป้าหมายของหานเจวี๋ย
ณ วังสวรรค์
ภายในอุทยานหลวง หานเจวี๋ยและจักรพรรดิสวรรค์ร่ำสุราสนทนากัน หานหลิงนั่งอยู่ด้านข้าง นิ่งเงียบเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้เหม่อลอยยังคงรับฟังบทสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างตั้งใจ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองไปที่หานหลิง เอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “หานเจวี๋ย บุตรธิดาของเจ้าแต่ละคนล้วนมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมจริงๆ หากมิใช่เพราะหลิงเอ๋อร์ยังต้องติดตามฝึกบำเพ็ญกับเจ้า เราก็อยากดึงตัวไว้ให้มาเป็นเทพเซียนในวังสวรรค์”
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของนาง”
หานหลิงตอบไปว่า “ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาท แต่หลิงเอ๋อร์วางแผนว่าจะฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างกายท่านพ่อไปตลอดชีวิต ไม่สนใจออกท่องฟ้าบุพกาลเพคะ”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเลิกคิ้ว พินิจูดูหานหลิงอย่างแปลกใจยิ่ง
หานเจวี๋ยปลาบปลื้มอยู่ในใจ บุตรสาวคนเล็กช่างดีเหลือเกิน
หากว่าบุตรธิดาทั้งหมดของตนล้วนถูกจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายดึงตัวไปหมด เขาคงขุ่นเคืองอยู่บ้าง
เวลานี้เอง หานฮวง หานชิงเอ๋อร์และเจียงเจวี๋ยซื่อมาถึงแล้ว
เมื่อทั้งสามพบหานเจวี๋ยก็คุกเข่าทำความเคารพทันที
หานเจวี๋ยยิ้มแล้วแนะนำหานหลิงกับพวกเขา
“น้องสาว!”
หานชิงเอ๋อร์ตื่นเต้นปรีดา ดึงตัวหานหลิงไปทันที
หานฮวงก็รับรู้ได้ถึงความใกล้ชิดทางสายเลือด รีบล้วงสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่งมอบให้เป็นของขวัญพบหน้า
กลับเป็นเจียงเจวี๋ยซื่อที่มีสีหน้าตะลึงไปเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยประการหนึ่งจากร่างหานหลิง
มหาโชค!
สตรีนางนี้ก็เป็นผู้ครอบครองมหาโคแต่กำเนิดเช่นกัน!
เจียงเจวี๋ยซื่ออดมองไปทางหานเจวี๋ยไม่ได้ แววตาเคารพเลื่อมใส
อาจารย์อัญเชิญมหาโชคมาให้บุตรีเช่นนั้นหรือ
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าอาจารย์ค่อนข้างคล้ายกับอาจารย์เฒ่าคนนั้นที่อยู่ในความทรงจำของเขา
ตนอาจจะคิดมากไปเอง
ถึงอย่างไรเวลาก็ผ่านมาหลายล้านปีแล้ว
หานเจวี๋ยให้พวกเจียงเจวี๋ยซื่อทั้งสามนั่งลง เขาเริ่มสอบถามถึงการบำเพ็ญของทั้งสาม
“ท่านพ่อ ขาดอีกเพียงก้าวเดียวลูกก็จะบรรลุยอดมหามรรคแล้ว ต้องพิสูจน์ยอดมหามรรคได้ก่อนงานชุมนุมฟ้าบุพกาลแน่นอน ข้าจะคว้าตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคมาให้ได้ เพียงแต่ข้าอาจจะไปในนามของวังสวรรค์ ถึงอย่างไรในสังกัดของท่านพ่อก็มีศิษย์อยู่นับไม่ถ้วน อีกทั้งข้าก็เป็นบุตรของท่านพ่อ ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ได้รับเกียรติจากชัยชนะทั้งสิ้น เพียงแต่วังสวรรค์จะได้ชื่อเสียงมากกว่าเท่านั้น” หานฮวงหัวเราะแหะๆ
หานเจวี๋ยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม คิดในใจว่าจักรพรรดิสวรรค์มีฝีมือนัก คาดว่าคงซื้อใจหานฮวงได้แล้ว ถึงทำให้เจ้าเด็กแสบคนนี้ใส่ใจถึงพียงนี้ได้
หานชิงเอ๋อร์เบะปากเอ่ยไปว่า “ข้าเพิ่งพิสูจน์เสรีเจ้าค่ะ เทียบพี่รองกับศิษย์พี่เจียงไม่ได้เลย วันหน้าอาจจะถูกน้องหลิงเอ๋อร์แซงหน้าไปด้วยซ้ำ”
“ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว”
หานเจวี๋ยพยักหน้าให้เล็กน้อย สายตาเคลื่อนไปมองที่ร่างเจียงเจวี๋ยซื่อ
เจียงเจวี๋ยซื่อเอ่ยว่า “ตอนนี้ตบะข้าอยู่ระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะกลางแล้วขอรับ ตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคข้าไม่กล้าหมายปองแล้ว ศิษย์น้องฮวงแข็งแกร่งเกินไป แต่หนึ่งในสิบยอดฟ้าบุพกาลต้องเป็นข้าแน่นอนขอรับ”
หานหลิงจ้องมองเจียงเจวี๋ยซื่อ มีท่าทางครุ่นคิด
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าและหลิงเอ๋อร์ล้วนเป็นผู้ครองครองมหาโชคแต่กำเนิด เจ้าจงฝึกบำเพ็ญให้ดี อย่าปล่อยให้หลิงเอ๋อร์ไล่ตามทันได้”
ใช่จริงๆ!
เจียงเจวี๋ยซื่ออุทานในใจ
ดวงตาจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายพลันส่องประกาย เอ่ยว่า “มหาโชคแต่กำเนิดอย่างนั้นหรือ หรือว่าบุตรแห่งสวรรค์ลึกลับที่ร่ำลือกันในฟ้าบุพกาลช่วงนี้ก็คือหลิงเอ๋อร์ คำนวณเวลาดูแล้ว ช่วงเวลาที่ทั้งสองถือกำเนิดก็ใกล้เคียงกันจริงๆ”
หานฮวงอดไม่ได้ที่จะพินิจดูน้องสาวคนเล็กของตนใหม่อีกครั้ง
ดวงตาหานชิงเอ๋อร์ส่องประกาย ร้องอุทาน “หวา! น้องสาว เจ้าเป็นผู้ครองมหาโชคเช่นเดียวกับศิษย์พี่เจียงหรือ วิชากลับชาติกำเนิดมหาโชคของเขาเกินเรื่องไปมาก แล้วเจ้ามีมหาโชคใดหรือ”
หานหลิงมองไปที่หานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ หลิงเอ๋อร์จะติดตามฝึกบำเพ็ญกับข้า สักวันคงจะได้แสดงให้ประจักษ์”
เจียงเจวี๋ยซื่อถามด้วยความอยากรู้ “เช่นนั้นศิษย์น้องหลิงเอ๋อร์จะเข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งนี้หรือไม่ขอรับ”
หานเจวี๋ยส่ายหน้า
ถึงแม้หานหลิงจะสนใจใคร่รู้ในงานชุมนุมฟ้าบุพกาล แต่เรื่องนี้ได้รับการตัดสินใจจากท่านพ่อแล้ว ดังนั้นจึงไม่ปริปากอีก
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกล่าวอย่างสะท้อนใจ “หานเจวี๋ยเอ๋ยหานเจวี๋ย เห็นทีว่าระดับของเจ้าจะเหนือล้ำกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้เสียแล้ว ด้วยเหตุนี้บุตรธิดาของเจ้าจึงมีคุณสมบัติสูงล้ำขึ้นไปเรื่อยๆ”
ทุกคนมองไปทางหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ ว่า “พอใช้ได้เท่านั้น มาหารือเรื่องวิวาห์ของฮวงเอ๋อร์กันดีหรือไม่”
พอหานฮวงได้ฟังก็กระวนกระวายขึ้นมา เอ่ยอย่างร้อนรนว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่ต้องการแต่งงานขอรับ! ในสายตาของข้าสรรพสิ่งหาใช้เผ่าพงศ์เดียวกับข้าไม่ ไหนเลยจะครองคู่กับพวกนางได้!”
ดวงตาหานหลิงส่องประกาย มองไปที่หานฮวงอย่างตื่นเต้นปรีดาอยู่บ้าง
นางออกเดินทางครั้งนี้ได้พบเห็นเรื่องราวมากมายยิ่ง ทว่าไม่นึกไยดีในสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลและสรรพสิ่งมรรคาสวรรค์เลย ถึงขั้นที่ยากจะยอมรับได้ด้วยซ้ำ
ที่แท้ไม่ใช่แค่นางแต่พี่รองเองก็เช่นกัน
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
หานชิงเอ๋อร์รีบเอ่ยเกลี้ยกล่อม “พี่รอง ท่านพ่อมอบหมายหน้าที่ให้ท่านด้วยหรือ ก็แค่แต่งภรรยาเท่านั้น คนอื่นเขาอยากแต่งกันจะตาย!”
หานฮวงเห็นหานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หัวใจเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อย
ใช่แล้ว
นี่เป็นเพียงเรื่องเดียวที่ท่านพ่อมอบหมายให้เขารับหน้าที่
หานฮวงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายกัดฟันเอ่ยว่า “ตกลง!”
หานเจวี๋ยถึงได้คลายหัวคิ้วออก
เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกหานเจวี๋ยพ่อลูกจึงพำนักที่วังสวรรค์ต่อ หานหลิงถูกหานชิงเอ๋อร์ลากตัวออกไปเดินเล่นรอบๆ หานฮวงและเจียงเจวี๋ยซื่อเริ่มปิดด่านอีกครั้ง เตรียมตัวสำหรับงานชุมนุมฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยและจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสนทนาธรรมกัน ถึงบอกว่าสนทนาธรรมแต่ความจริงเป็นหานเจวี๋ยช่วยชี้แนะจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็น้อมรับด้วยความยินดี
คำชี้แนะจากสุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาล ขึ้นอยู่กับวาสนาไม่อาจร้องขอมาได้!
….
ณ ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล หมอกหนาอบอวล
เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน เจียงอี้และเหล่าตานฝึกบำเพ็ญอยู่รอบแอ่งน้ำพุเล็กๆ แอ่งหนึ่ง
เส้นผ่านศูนย์กลางของน้ำพุนี้ไม่ถึงครึ่งจั้งด้วยซ้ำ น้ำพุผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ผิวน้ำไหวกระเพื่อมเล็กน้อย ไอน้ำลอยออกมาตามขอบ ดูไม่แตกต่างไปจากแอ่งน้ำพุธรรมดาเลย แต่พออยู่ที่นี่แล้วกลับหาได้ยากอย่างยิ่ง
ภายในรัศมีหมื่นลี้นี้ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าเลย ไม่ปรากฏสัญญาณชีวิต มีแหล่งน้ำอยู่ที่นี่เพียงที่เดียว
จ้าวเซวียนหยวนลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ตบะของข้าเพิ่มขึ้นเร็วยิ่ง!”
เจียงอี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็เหมือนกัน ร่างเทพสุริยันมิวางวายของข้าก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ไม่ใช่เพียงตบะเท่านั้น คุณสมบัติก็ยกระดับขึ้นเช่นกัน”
เหล่าตานลืมตาขึ้น เอ่ยอย่างสะท้อนใจ “เลิศล้ำโดยแท้ โชควาสนาอันยิ่งใหญ่ โชควาสนามหาศาลเทียมฟ้า แต่ก็เพียงพอสำหรับพวกเราสี่คนเท่านั้น”
“อะไรกัน เจ้าอยากแนะนำให้โลกอริยะไตรวิสุทธิ์หรือไร”
“จะเป็นไปได้อย่างไร! ผู้เฒ่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ บอกไปหลายครั้งแล้ว!”
“ฮ่าๆ เช่นนั้นตอนที่เหล่าจื่อพ่ายแพ้ต่ออาจารย์ข้า เจ้าวิตกขนาดนั้นไปไยเล่า”
“ดีร้ายอย่างไรก็ผูกพันเกี่ยวข้องเป็นร่างจริง ข้าจะไม่กังวลได้หรือ”
จ้าวเซวียนหยวนและเหล่าตานเริ่มโต้เถียงกันตามความเคยชิน
ในเวลานี้เอง
ผิวน้ำพลันปรากฏระลอกคลื่น เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมาจากด้านใน
“รีบดูเร็ว!”
เจียงอี้อุทาน อีกสามคนที่เหลือมองไปที่ผิวน้ำทันที
เงาร่างที่ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางผิวน้ำเป็นเงาร่างแปลกประหลาดก้อนหนึ่งที่มีขนยาวสีขาวงอกปกคลุม ร่างท่อนบนคล้ายรูปร่างมนุษย์ สองแขนเหมือนกิ่งไม้ ขนสีขาวบนร่างสะบัดไหวไปตามระลอกคลื่นบนผิวน้ำ
ทั้งสี่คนขมวดคิ้ว เป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้
ในเวลานี้เอง ร่างขนสีขาวพลันลืมตาขึ้นมา ทอแสงสีเขียวแปลกพิสดารเขย่าขวัญคน
มันอ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวยาวสองแถวที่ราวกับฟันฉลาม คล้ายกำลังเอ่ยวาจาอยู่
พวกเต้าจื้อจุนฟังไม่เข้าใจ และมองไม่รู้เรื่องเช่นกัน
ทว่าจู่ๆ จ้าวเซวียนหยวนก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา เอ่ยว่า “ทุกคน ยังจำตอนแดนบรรพกาลได้หรือไม่”
ฟุ่บ…
ทั้งสี่คนกระโดดถอยออกไปพร้อมกัน หลีกห่างจากน้ำพุ
เจียงอี้กลืนน้ำลาย เอ่ยว่า “จะหนีหรือไม่”
เต้าจื้อจุนขมวดคิ้วกล่าวไปว่า “สมบัติระดับนี้ พวกเจ้าหักใจลงหรือ”
จ้าวเซวียนหยวนกุมหน้าผาก “เอาอีกแล้ว”
“หักใจไม่ลงจริงๆ นั่นแหละ” เหล่าตานถอนหายใจเอ่ยตอบไป
รู้ชัดเจนว่าอันตราย ทว่าก็ยังจะเข้าไป ความรู้สึกนี้ทำให้คนลำบากใจนัก
ทันใดนั้นเอง!
เงาร่างขนสีขาวปีนออกมาจากน้ำพุ แขนออกมาก่อนแล้วตามด้วยหัว ขนาดของโพรงน้ำพุเล็กกว่าตัวของมันอย่างเห็นได้ชัด มันติดคาอยู่บนผิวน้ำพุพลางจ้องมองพวกเต้าจื้อจุนทั้งสี่อย่างเงียบงัน
………………………………………………………………