ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 996 แม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาล
บทที่ 996 แม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาล
ครืน…
เกิดการระเบิดขึ้นกลางห้วงอวกาศไร้ขอบเขต ราวกับระฆังแห่งกาลเวลากำลังสั่นสะเทือนอยู่ ดังก้องสะท้อนต่อเนื่อง
ร่างของเจียงเจวี๋ยซื่อและเต้าจื้อจุนเข้าพัวพันกันอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาสำแดงพลังวิเศษออกมาไม่ขาดสาย แสงเทพจากพลังเวทสาดส่องไปทั่วห้วงอวกาศ ร่างจำลองสารพัดผุดออกมาไม่หยุดหย่อน ทำให้ห้วงอวกาศดูคล้ายฉากของโลกที่กำลังวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองสำแดงฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรออกมาพร้อมกัน ทำลายล้างร่างจำลองทั้งหมดของฝ่ายตรงข้าม ทว่ากลับไม่สามารถทำร้ายอีกฝ่ายได้เลย
‘ไม่คิดเลยว่าอาจารย์จะถ่ายทอดให้เขาด้วย…’
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของคนทั้งสองพร้อมกัน
แม้ว่าตบะของพวกเขาจะแข็งแกร่งมาก ทว่าพลังวิเศษที่ครอบครองกลับไม่มีพลังทำลายล้างเท่าฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรเลย
ความทรงพลังของฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรก็ดึงดูดให้เหล่าผู้ทรงพลังในห้องโถงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาแล้ว
“นี่คือพลังวิเศษที่อริยะสวรรค์ใช้กับเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ก่อนหน้านี้กระมัง”
“ดูเรียบง่ายไร้ความอัศจรรย์ แต่พลังทำลายล้างกลับน่ากลัวโดยแท้”
“ข้าเคยได้ยินมาว่า วิชานี้คือฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร สร้างขึ้นจากมหามรรค นับว่าเป็นพลังวิเศษระดับมหามรรค เทียบชั้นได้กับพลังวิเศษแห่งมหามรรค ย่อมแข็งแกร่งทรงพลัง”
“มีพลังวิเศษเช่นนี้อยู่ ก็เพียงพอให้มรรควิถีแห่งสำนักซ่อนเร้นมั่นคงยากจะทำลายลงได้”
“สองคนนี้ล้วนเลิศล้ำทั้งคู่ มีพลังมากพอจะปกครองกองกำลังได้”
ไม่ใช่แค่ภายในห้องโถงที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่ทั่วทั้งเมืองทศพิธล้วนคึกคักอย่างยิ่ง เสียงอุทานฮือฮาแว่วดังขึ้นเป็นระลอก
นามเจียงเจวี๋ยซื่อและเต้าจื้อจุนถูกพวกเขาจดจำไว้แล้ว ผู้บำเพ็ญที่เข้าสู้รอบคัดเลือกสิบยอดฟ้าได้ล้วนเป็นเพชรยอดมงกุฎทั้งสิ้น พวกเจียงเจวี๋ยซื่อทั้งสองจะมีชื่อกึกก้องฟ้าบุพกาลแน่นอน
ฝั่งสำนักซ่อนเร้นก็จับตามองด้วยความประหม่าเช่นกัน ยากจะตัดสินผลแพ้ชนะระหว่างสองคนนี้ได้จริงๆ
หานฮวงขมวดคิ้วแน่น หากว่ากันตามความรู้สึกแล้ว เขาย่อมหวังให้เจียงเจวี๋ยซื่อมีชัย อีกอย่างเขาก็ไม่รู้จักเต้าจื้อจุนมากนัก
เขารู้ซึ้งถึงพลังของเจียงเจวี๋ยซื่อดี ไม่คิดเลยว่าในสำนักซ่อนเร้นจะมีตัวตนที่สามารถต่อกรได้อยู่
เขาอดมองไปรอบๆ ไม่ได้ คงมิใช่ว่าเทพมารฟ้าบุพกาลเหล่านี้ก็ล้วนแข็งแกร่งยิ่งกระมัง
จู่ๆ เขาก็เดาทางไม่ออกแล้ว
‘ไม่แปลกเลยที่ท่านพ่อจะนิ่งเฉยต่อความก้าวหน้าของข้ายิ่งนัก…’
หานฮวงรู้สึกละอายใจ ตอนที่เขาคุยโอ้อวดต่อหน้าท่านพ่อ ที่แท้ท่านพ่อคิดอย่างไรกันเล่า
“พวกเขากำลังจะเอาจริงแล้ว!”
จ้าวเซวียนหยวนพลันตะโกนขึ้นมา น้ำเสียงตื่นเต้น
เจียงอี้ก็เผยสีหน้าคาดหวังตั้งตาเช่นกัน
เหล่าศิษย์ล้วนทราบดีว่าพวกเขาสามคนไปไหนไปกันเสมอมา พอเห็นสีหน้าท่าทางของทั้งสอง ก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่าเต้าจื้อจุนจะสำแดงพลังอย่างไรออกมา
ชิงเทียนเสวียนจีจ้องมองเต้าจื้อจุนที่อยู่ในจอบนฟากฟ้า หัวใจเต้นแรง
นั่นคือ…
ภายในมิติต่อสู้ แม่น้ำใหญ่ที่คดเคี้ยวสายหนึ่งก่อตัวขึ้นรอบกายเต้าจื้อจุน กินพื้นที่ห้วงอวกาศไปกว่าครึ่ง ตัวเขาดูราวกับละอองฝุ่นกลางสายน้ำกว้างใหญ่ ดูเล็กจ้อยอย่างยิ่ง รัศมีของเขาปรากฏขึ้นพร้อมกับแม่น้ำ ปะทุออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ห้วงอวกาศเปลี่ยนสีไป
เจียงเจวี๋ยซื่อมีสีหน้าตื่นตะลึง
“นี่คืออะไรกัน”
เจียงเจวี๋ยซื่อเพิ่งเคยประสบกับพลังเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาไม่กล้าประมาท รีบสำแดงมหาโชคของตนออกมาทันที กลับชาติกำเนิดมหาโชค!
แสงศักดิ์สิทธิ์เปล่งออกมาจากร่างเขา รัศมีแสงแห่งโชคสายแล้วสายเล่าผุดขึ้นมาจากปลายเท้า ขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง รัศมีของเขาก็เพิ่มสูงตาม
“ศิษย์น้องเจียง ขออภัยด้วย ข้าจะไม่เพียงแค่สร้างความกดดันให้ศิษย์น้องฮวงเท่านั้น แต่ตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคต้องตกเป็นของศิษย์พี่แน่นอน!”
เต้าจื้อจุนหัวเราะเสียงดังลั่น แม่น้ำสายใหญ่ที่ไกลคดเคี้ยวพลันยืดขยายกลายเป็นมหาธาราสูงร้อยล้านจั้ง เงาเลือนรางนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากคลื่นที่ซัดสาด ร้องตะโกนมุ่งโจมตีเจียงเจวี๋ยซื่อ เสียงดังครึกโครม
ใครบางคนในห้องโถงอุทานขึ้นว่า “แม่น้ำดวงชะตาอย่างนั้นหรือ”
ผู้ทรงพลังที่เหลือต่างฮือฮาขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่าเต้าจื้อจุนจะสามารถกระตุ้นใช้งานแม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาลได้
มรรคาสวรรค์ก็มีแม่น้ำดวงชะตาเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับแม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาลแล้ว ไม่ควรค่าให้กล่าวถึงเลยสักนิด
แม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาลคงอยู่มาเนิ่นนานหลายยุคสมัยนับไม่ถ้วน พลังแห่งบ่วงกรรมที่ผสานอยู่ยากจะจินตนาการออกมาได้
เงาร่างเลือนรางท่ามกลางคลื่นยักษ์คือเงาร่างของผู้บำเพ็ญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะมากมายมหาศาลปานใดเล่า
เจียงเจวี๋ยซื่อชูสองแขนขึ้นมา กลับชาติกำเนิดมหาโชคหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ร่างจำลองเก้าร่างที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเขาทุกประการลอยขึ้นมาเหนือยอดศีรษะเขา หันหลังชนกันพลางซัดฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรออกไปทั่วสารทิศ
ครืน! ครืน! ครืน…
คลื่นชะตาที่ถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทางถูกสลายทิ้ง แต่แม่น้ำดวงชะตาทอดยาวไร้สิ้นสุด ไม่มีทางจบลงภายในไม่กี่ฝ่ามือ
เจียงเจวี๋ยซื่อรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แรงกดดันนี้มากกว่าตอนเผชิญหน้ากับหานฮวงเสียอีก ถึงแม้หานฮวงจะเอาชนะเขาได้ แต่ก็เป็นเพียงความห่างชั้นของพลังเวทเท่านั้น
แรงกดดันที่เต้าจื้อจุนสร้างให้เขาไม่ใช่แค่ด้านพลังเวทเท่านั้น เขามีความรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับทั้งฟ้าบุพกาลอย่างน่าประหลาด
“แม่น้ำดวงชะตา…”
หานหลิงพึมพำกับตัวเอง มือเรียวงามที่อยู่ในแขนเสื้อกำเข้าหากันเล็กน้อย
นางกำลังจินตนาการถึงฉากที่กองทหารจักรพรรดิของนางเผชิญหน้ากับแม่น้ำดวงชะตาอยู่ว่าจะเป็นอย่างไร
หานเจวี๋ยก็ค่อนข้างแปลกใจเช่นกัน เต้าจื้อจุนก็พอมีฝีมืออยู่บ้างนี่
เดิมทีเขาคิดว่าเจียงเจวี๋ยซื่อจะชนะแน่นอน ไม่คิดเลยว่าจะเกิดตัวแปรขึ้น
แม้แต่เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนที่เหลือเลย ดีร้ายอย่างไรเจียงเจวี๋ยซื่อก็เป็นแม่ทัพเทพวังสวรรค์ ชื่อเสียงเลื่องลือ ทว่าเต้าจื้อจุนเก็บตัวมาหลายล้านปี ในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลมีน้อยคนนักที่จะเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน
ม้ามืด!
เต้าจื้อจุนมิได้ควบคุมเพียงแม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาลเท่านั้น เขายังสำแดงพลังออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย แม่น้ำดวงชะตารอบกายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ศิษย์น้องเจียง เจ้าร้ายกาจมากจริงๆ ต้องรู้เอาไว้ด้วยว่ากระทั่งจ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ก็ยังต้านข้าไม่อยู่!”
เต้าจื้อจุนหัวเราะเสียงดัง เสียงก้องไปทั่วเมืองทศพิธ จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ที่กำลังยิ้มหน้าบานอยู่พอได้ยินเข้าสีหน้าพลันแข็งค้างไป
มารดาเจ้าสิ!
จ้าวเซวียนหยวนตบโต๊ะลุกพรวดขึ้นมา สบถว่า “ ศิษย์น้องเจียงเอาชนะไอ้ลูกหมาสารเลวตัวนี้ให้ข้าที!”
ไก่คุกรัตติกาลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คนไร้ความสามารถพาลพาโลเสียแล้ว เจียงเจวี๋ยซื่อน่าจะเอาชนะไม่ได้หรอก!”
จ้าวเซวียนหยวนโมโหยิ่งกว่าเดิม
“ผิดปกติแล้ว!”
จู่ๆ เสียงของฉู่ซื่อเหรินพลันแว่วขึ้น ทุกคนมองไปที่จอฉายภาพ
ท่ามกลางแม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาลที่ถาโถมไม่สิ้นสุด สายน้ำดูเหมือนจะแหวกแยกตัวออกจากกัน เจียงเจวี๋ยซื่อที่เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่างกระโดดออกมา ทุกก้าวที่เหยียบย่างไปด้านหน้า ร่างกายเขาจะยืดขยายขึ้นหลายเท่า รัศมีแสงบนร่างหลั่งไหลเข้าสู่ร่างเขาอย่างต่อเนื่อง รอบกายเริ่มมีอักขระแสงสีทองที่เก่าแก่และลึกลับผุดขึ้นมา คล้ายตัวอักษรแต่ก็คล้ายผังภาพ
เรือนผมยาวของเจียงเจวี๋ยซื่อชี้ชันล่องลอยขึ้นมา ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ฉาบย้อมจนสิ้นสีดำไป แก้วตาดำเลือนหายไปจากดวงตาของเขา หว่างคิ้วมีวงแหวนสีดำวงหนึ่งผุดขึ้นมา ไอสีดำนับไม่ถ้วนเอ่อล้นออกมา ขยายใหญ่ไม่หยุดหย่อน ราวกับเปลวเพลิงโชติช่วงลุกลาม
อาภรณ์ไหวสะบัด รัศมีพลังของเจียงเจวี๋ยซื่อพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง
“ศิษย์พี่เต้า ท่านร้ายกาจจริงๆ เดิมทีคิดจะเก็บกระบวนท่านี้ไว้ใช้กับศิษย์น้องฮวง ไม่คิดเลยว่าจะถูกท่านบีบให้นำออกมาใช้ แม่น้ำดวงชะตาของท่านแข็งแกร่งจริงๆ แต่กลับชาติกำเนิดมหาโชคของข้าก็หาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่ วันนี้ข้าจะใช้มหาโชคของข้าสร้างชื่อลื่อเลืองไปทั่วฟ้าบุพกาล!”
เสียงของเจียงเจวี๋ยซื่อแว่วดังขึ้น ดังก้องเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับความโอหังหยิ่งทะนงของเต้าจื้อจุนแล้ว ดูศักดิ์สิทธิ์งามสง่ากว่าอย่างเห็นได้ชัด
เขาเหยียดมือขวาไปด้านหน้า อักขระสีทองรอบกายซัดโจมตีออกไปปานมังกรถลาลม ไอดำที่เอ่อล้นออกมาจากวงแหวนตรงหว่างคิ้วกลายเป็นจุดศูนย์กลางของพายุโหมกระโชก ดูคล้ายปราณกระบี่สีดำสายหนึ่ง มุ่งหน้าไปอย่างไม่อาจหยุดยั้ง ทำให้แม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาลแตกพ่ายไปสายแล้วสายเล่า ไม่อาจขัดขวางไว้ได้
สีหน้าเต้าจื้อจุนแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขาขยับมือร่ายเวททันที ศาสตราเทพสองชิ้นลอยออกมาจากแม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาล ดูคล้ายทวนยาว หนึ่งขาวหนึ่งดำ ไขว้ขัดกันเป็นไม้กางเขนสกัดต้านรัศมีหมื่นจั้ง ขวางพลังวิเศษมหาโชคของเจียงเจวี๋ยซื่อไว้
ทวนขาวดำสั่นสะท้านรุนแรง เสียงปะทะกันดังสนั่นสะเทือนแก้วหู เสียดหูอย่างยิ่ง
สะเก็ดไฟแลบแปลบปลาบ ทวนยาวขาวดำพลันผสานรวมกันเป็นหนึ่ง พลังอันน่าหวาดหวั่นระเบิดออกมา ทำให้พลังมหาโชคของเจียงเจวี๋ยซื่อพ่ายสลายไป ห้วงอวกาศสั่นสะเทือนรุนแรง
“แย่แล้ว!”
เทพมหาทัณฑ์พลันเลือนหายไป ปรากฏตัวขึ้นภายในมิติต่อสู้ ใช้พลังเวทของตนค้ำยันมิติไว้
การปรากฏตัวของเขาทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในเมืองทศพิธ
การต่อสู้ของสองคนนี้ถึงขั้นที่สามารถทำลายพลังกฎเกณฑ์ที่เทพมหาทัณฑ์ติดตั้งไว้ได้เช่นนั้นหรือ
………………………………………………………………