ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1605
ตอนที่ 1605 โลกจิตวิญญาณ
ไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองจะเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ได้ในอนาคต แม้แต่
ผู้ควบคุมขั้นที่ 8 ระดับสูงก็ไม่กล้าบอกแบบนั้น นอกซะจากว่าเขา
จะขึ้นไปถึงจุดนั้นแล้ว แต่จางหยูเป็นข้อยกเว้น แม้ว่าเขาจะยังไม่ใช่
ผู้ควบคุมขั้นที่ 8 แต่เขามั่นใจว่าจะเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ได้แน่ใน
อนาคต อย่าว่าแต่ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 เลย แม้แต่เหนือกว่าระดับนี้ก็ใช่
ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หงรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเขาจึงคิดในใจว่าเจ้าสำนัก
น่าจะเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 เขาถึงกล้าพูดแบบนั้นออกมา!
เมื่อคิดแบบนั้นหงก็ตาเป็นประกายขึ้นมา ท่าทีที่มีต่อจางหยูก็ดูเคารพ
ขึ้นมากว่าเดิม
มีแค่คนที่ผ่านการเกิดใหม่ไปแล้วเท่านั้นที่จะเข้าใจว่าการเกิดใหม่นี้
น่ากลัวแค่ไหน หงเคยเป็นอัจฉริยะที่เย่อหยิ่ง เขามั่นใจในตัวเองมาก
เขาไม่ได้ยืมพลังภายนอก เขาพึ่งพาแต่ความแข็งแกร่งของตัวเองใน
การผ่านการเกิดใหม่ แต่เมื่อเจอกับความเป็นจริงอันโหดร้าย เขาจึงรู้
ว่าความคิดเดิมของเขานั้นตลกเพียงใด
เขาเคยคิดว่าเขาคงต้องตาย แต่ตอนนี้เขากลับได้เห็นความหวังแล้ว
เขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง?
“เจ้าสำนักสบายใจได้ ข้าจะดูแลอารยธรรมจีนอย่างดีไม่ให้เกิดอะไร
เสียหาย” หงตื่นเต้นจนตาแดงก่ำ “ข้าสาบานว่าตราบใดที่ข้ายังอยู่
อารยธรรมจีนจะไม่หายไปไหน !”
อารยธรรมจีนเกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา แล้วเขาจะไม่ตกลงได้
ยังไง ?
จางหยูไม่เข้าใจว่าทำไมหงถึงได้เคารพเขาเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ
อะไรมาก “ดี เมื่อเจ้ารับปากเช่นนี้ข้าก็โล่งอก” เขาตบไหล่หงและ
พูดต่อ “เจ้ายับยั้งจิตปฐมบทโกลาหลต่อเถอะ ข้ามีเรื่องอื่นต้องไป
จัดการ หลังจากเสร็จธุระแล้วข้าจะกลับมาพบเจ้า”
หงรีบโค้งให้ “ข้าจะรอการกลับมาของเจ้าสำนัก”
จางหยูไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาพยักหน้าให้หง ก่อนจะฝ่ากำแพง
โลกซวนหวงออกไปยังความโกลาหลภายนอก
ตอนนี้การพัฒนาสำนักคังเฉียงก็อยู่ในร่องในรอย ในสำนักนั้นมีจาง
เฮ่าหลันและเจ้าสำนักคอยดูแล เมื่อรวมกับการที่มีฝานกู่, หงจวิน
และคนอื่น ๆ อยู่ด้วย เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก ดังนั้นจางหยูจึงไม่
รีบร้อนกลับไปยังโลกป่ า เขาตั้งใจจะเดินทางอยู่ในความโกลาหล
ก่อน ประการแรกเพื่อค้นหาผลโกลาหล ประการที่สองเขาอยากจะ
เที่ยวชมโลกภายนอก
เข้ามาในความโกลาหลครั้งแรก จางหยูก็ได้พบผู้สร้างแค่สองคน นั่น
ก็คือเบเกิลและหง ฉะนั้นความเข้าใจที่มีต่อความโกลาหลนั้นยังต่ำ
เขาคิดจะใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจความโกลาหลเพิ่ม
จางหยูเดินทางอย่างไร้จุดหมาย
เป้าหมายของเขาในตอนนี้มีแค่อย่างเดียวนั่นก็คือหาผลโกลาหล
แต่ผลโกลาหลนั้นหายากมาก การจะหาผลโกลาหลให้พบนั้นไม่ใช่
เรื่องง่าย แม้ความโกลาหลจะใหญ่โตและกว้างขวาง แต่กลับมีผล
โกลาหลจำกัด มันจึงทำให้ผลโกลาหลนั้นมีค่าและหายาก
เป้าหมายของจางหยูชัดเจนอยู่แล้ว เขาต้องหาผลโกลาหล ยิ่งเยอะ
เท่าไหร่ก็ยิ่งดี หยวนฉิงไม่จำเป็นต้องใช้มันแต่คนอื่น ๆ ในสำนัก
ต้องใช้มัน !
อย่างหงจวินจำเป็นต้องใช้มัน แม้แต่คนอื่น ๆ ก็บ่มเพาะเกือบจะถึง
ระดับผู้สร้างแล้ว พวกเขาจะต้องใช้ผลพวกนี้ในไม่ช้า
จางหยูคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขาแล้ว หากใช้เวลาสักพักคงจะ
หาผลโกลาหลเจอ แต่เมื่อเดินทางในความโกลาหลกว่าสิบปี เขา
กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของผลโกลาหล
นี่ไม่ต้องพูดถึงผลโกลาหลเลย เขาไม่พบใครเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าทั้ง
ความโกลาหลนี้มีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น
เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย “เบเกิลโกหกข้ารึ ?” แต่เขาก็สลัดความคิดนี้
ทิ้งทันที “ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เขาไม่มีเหตุผลต้องโกหกข้า ….”
เบเกิลนั้นแกร่งกว่าเขา มันไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น
“ข้าตามหาไม่ถูกที่รึเปล่า?” จางหยูเริ่มคิด
เขาพยายามนึกถึงแผนที่สามมิติของเขตตะวันออกส่วนบนที่ได้มา
จากเบเกิล ในแผนที่นั้นมีเครื่องหมายบอกว่ามันอาจจะมีผลโกลาหล
อยู่ แต่การที่เขาไม่พบผลโกลาหลที่นั่นน่าจะมีเหตุผล
บางทีผลโกลาหลอาจจะหายากกว่าที่เขาคิดรึว่ามันโดนพบไปแล้ว
“ไปที่โลกขั้นที่ 9 ใบอื่น” จางหยูครุ่นคิดและเปลี่ยนแผนทันที
หากอยากได้ผลโกลาหลก็ต้องตามหาทั่วทุกที่ จางหยูมั่นใจว่าใน
โลกขั้นที่ 9 ที่แข็งแกร่งนั้นจะต้องมีผลโกลาหลไว้ซื้อขาย ตราบใดที่
มีเงินมากพอ แม้จะเป็นของมีค่าและหายากก็ยังซื้อขายได้
แม้ว่าเขาจะไม่มีเงินในตอนนี้แต่เขาก็ต้องรู้สถานการณ์โดยรวม
ทั้งหมดก่อน
“ไปยังโลกจิตวิญญาณก่อน ” จางหยูเปลี่ยนเป็นลำแสงแล้วพุ่ง
ออกไปทันที
โลกจิตวิญญาณคือหนึ่งในโลกขั้นที่ 9 ภายในเขตตะวันออกส่วนบน
มันไม่ใช่โลกขั้นที่ 9 ที่แกร่งที่สุดในเขตนี้แต่เป็นโลกขั้น 9 ที่เก่าแก่
ที่สุด
โลกขั้นที่ 9 ที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตนี้ก็คือโลกนิรันดร์ เจ้าของคือ
หนึ่งในผู้ควบคุมระดับสูงของเขตตะวันออกส่วนบน ความแข็งแกร่ง
ของเขาอยู่ในระดับผู้ควบคุมขั้นที่ 7 เขาได้สร้างโลกนิรันดร์ขึ้นมาและ
เติบโตในระดับที่น่าตกใจ มันทำให้ยอดฝีมือจากโลกขั้นที่ 9 อื่น ๆ
มารวมตัวกันที่นั่น
โลกจิตวิญญาณไม่อาจจะเทียบกับโลกนิรันดร์ได้แต่มันก็คงอยู่มา
นานและมีชื่อเสียงอย่างมาก
นอกจากยอดฝีมือที่นี่แล้วก็ยังมียอดฝีมือมากมายจากโลกขั้นที่ 9 อื่น ๆ
คนที่อ่อนแอที่สุดก็อยู่ระดับกุยหยวน ส่วนคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่
ในระดับผู้ควบคุม สรุปคือคนทั่วไปไม่กล้าจะมองข้ามที่นี่
ด้วยความเร็วของจางหยูแล้วแค่ไม่กี่วันเขาก็มาถึงโลกจิตวิญญาณ
หลังจากที่มาถึงโลกจิตวิญญาณ จางหยูก็ปกปิดคลื่นพลังของตน
เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่น ๆ ตกใจ
เขาแผ่การรับรู้ออกไปและพบว่าโลกขั้นที่ 9 นี้มียอดฝีมือมากมาย
ผู้สร้างที่แท้จริงนั้นมีไม่น้อยกว่า 10 คนรวมไปถึงมี 3 คนที่มีตราผู้
ควบคุมอยู่ หนึ่งในนั้นมีตราขั้น 2 และอีกสองคนมีตราขั้น 1 สำหรับ
ผู้สร้างและกุยหยวนแล้วมีจำนวนเยอะจนน่าตกใจ
“กระแสเวลา” จางหยูมองไปที่กระแสเวลา ด้วยความแข็งแกร่งของ
เขาแล้วอย่างมากเขาก็เดินทางเข้าไปในกระแสเวลาได้ แต่ไม่อาจจะ
ย้อนการไหลของมันได้ เขาไม่อาจจะเดินทางไปด้านหน้าต่อได้ นี่
เป็นครั้งแรกที่จางหยูได้เห็นกระแสเวลาที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ เขาอด
ไม่ได้ที่จะทึ่ง
ตอนนั้นเองร่างของเขาก็สั่นไหวก่อนที่จะไปปรากฏตัวขึ้นในเมือง
แห่งหนึ่ง
นี่คือเขตหลักของโลกจิตวิญญาณ พื้นที่ไม่ได้ใหญ่นัก บอกได้ว่ามัน
คือเมืองขนาดกลางก็ได้ จำนวนประชากรมีไม่มาก แต่ระดับการบ่ม
เพาะของพวกนี้ไม่ได้น้อยเลย พวกที่ระดับการบ่มเพาะต่ำที่สุดล้วน
แต่เป็นเซียน
ต้องบอกว่าแข็งแกร่งพอ ๆ กับเซียนก็ยังไม่มีที่ยืนที่นี่ แม้แต่กุยหยวน
ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาก
มีแค่ผู้สร้างเท่านั้นที่พอจะมีสิทธ์ิอะไรบ้าง
ส่วนคนที่มีอำนาจจริง ๆ คือพวกผู้สร้างที่แท้จริงและผู้ควบคุมที่อยู่
จุดสูงสุดของพีระมิด
“ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีผลโกลาหลรึไม่…” จางหยูพึมพำในใจ จากนั้นเขาก็
เดินเข้าไปยังตึกแห่งหนึ่งที่เขาเคยแผ่การรับรู้มาสำรวจก่อนหน้านี้
ตึกนี้น่าจะเป็นร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง มันมีสินค้ามากมาย ทุกคน
ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี มันไม่น่าจะเป็นร้านที่แย่
จางหยูเดินเข้าไปในร้าน เขามองไปยังสินค้ารอบ ๆ และพบว่าของ
ส่วนใหญ่เป็นของที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาไม่รู้คุณค่าของมัน
ตอนนั้นเขาได้ใช้ระบบตรวจสอบ ในโลกของเขาไม่ว่าจะใช้มอง
ทะลุตรวจสอบอะไรก็จะได้ข้อมูลกลับมา แต่โชคร้ายที่มองทะลุนั้น
จะส่งผลแค่ในโลกสวรรค์เท่านั้น สำหรับโลกภายนอกเช่นนี้การ
มองทะลุแทบใช้ไม่ได้ผล
เมื่อเป็นเช่นนั้นจางหยูก็กระแอมไอขึ้นมา ก่อนจะถามว่า “เจ้าของ
ร้านอยู่ไหน ? ข้าถามอะไรหน่อย ที่นี่มีผลโกลาหลขายรึไม่ ?”
ทันทีที่จางหยูพูดจบ ลูกค้ารอบ ๆ ต่างก็หันกลับมามองที่เขาด้วย
สายตาแปลก ๆ