ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1631 สงครามครั้งใหญ่
ตอนที่ 1631 สงครามครั้งใหญ่
เมื่อออกมาจากโลกนิรันดร์ จางหยูก็ตรงไปที่เขตจื๋ออวิ๋นทันที
หากมองจากแผนที่แล้วเขตจื๋ออวิ๋นอยู่ติดกับเขตหงหยวนแต่โลก
สวรรค์ร้างนั้นอยู่ที่ใจกลางของเขตจื๋ออวิ๋น ระยะห่างระหว่างโลก
สวรรค์ร้างและโลกนิรันดร์นั้นไม่ได้ใกล้กันนัก หากต้องเดินทางไป
ยังโลกสวรรค์ร้าง งั้นมันต้องผ่านทั้งเขตหงหยวนและเดินทางกว่า
ครึ่งเขตจื๋ออวิ๋นก่อนที่จะไปถึงหนึ่งในโลกขั้น 9 ชั้นนำของเขต
ตะวันออกตอนเหนือได้
เพราะเขาไม่มีวิธีการเดินทางอื่น จางหยูจึงได้แต่ต้องเดินทางเอง ส่วน
มากเขาเดินทางอยู่ในโกลาหล บางครั้งเขาจะแวะโลกขั้น 9 อื่น ๆ
และใช้รูหนอนเพื่อเดินทางไปยังโลกอื่นต่อ
โชคร้ายที่วิธีการขนส่งแบบนั้นมีจำกัด มันไม่ได้เชื่อมต่อกับความ
โกลาหลทั้งหมด แม้แต่เขตหงหยวนก็ยังไม่ครอบคลุม เพราะแบบ
นั้นจางหยูจึงเดินทางผ่านรูหนอนเพียงครั้งเดียวเท่านั้นกับการ
เดินทางไปยังโลกสวรรค์ร้าง
ในการเดินทางอันยาวไกลนี้ จางหยูก็ได้เห็นโลกขั้น 9 อื่น ๆ แต่
ส่วนมากแล้วเป็นโลกที่อ่อนแอ นี่ไม่ต้องเทียบกับโลกนิรันดร์เลย
แม้แต่เทียบกับโลกจิตวิญญาณก็ยังด้อยกว่า มีไม่มากที่จะมีโลกที่
เทียบกับโลกจิตวิญญาณได้ โลกที่คล้ายกับโลกนิรันดร์นั้นทั้งเขตหง
หยวนมีแค่โลกเดียว
ใช้เวลา 10 ปีกว่าที่จางหยูจะออกมาจากเขตหงหยวนได้และเข้าไป
ในเขตจื๋ออวิ๋น
ในเขตจื๋ออวิ๋นนั้นจางหยูรับรู้ได้ว่าตอนที่เขาเข้ามายังเขตจื๋ออวิ๋น
แม้ว่าโลกส่วนมากจะเทียบได้แค่โลกจิตวิญญาณแต่จำนวนของมันก็
ยังน่าทึ่งอยู่ ที่สำคัญกว่านั้นคือโลกขั้น 9 ฝั่งนี้เจริญกว่า จำนวน
ผู้สร้างและกุยหยวนนั้นมีมากกว่าหลายเท่า
จางหยูเห็นโลกที่คล้ายกับโลกนิรันดร์หลายใบ พวกนี้ล้วนแต่แข็งแกร่ง
อย่างมาก
เมื่อเข้ามาในเขตจื๋ออวิ๋น ตอนที่เขากำลังจะเดินทางไปยังโลกต่อไป
นั้น อยู่ ๆ เขาก็รับรู้ได้ถึงจิตผู้สร้างที่แข็งแกร่ง 2 อัน เขาลดความเร็ว
ลงและแผ่การรับรู้ออกไปก่อนจะพบว่าทั้งสองคนนั้นสู้กันอยู่
ความแข็งแกร่งของผู้สร้างทั้งสองนี้อาจจะอยู่ขั้น 4 คนหนึ่งเป็น
ผู้ชายและอีกคนเป็นผู้หญิง ทั้งสองมีตราขั้น 4 อยู่ที่อก
ความแข็งแกร่งแบบนี้ต่อหน้าจางหยูแล้วไม่เพียงพอให้สนใจเลย
แต่บทสนทนาของทั้งสองกลับทำให้จางหยูสนใจ
ทั้งสองต่อสู้กันและพูดคุยกันไปด้วย ผู้หญิงได้พูดขึ้นมา “จ้าวเต๋อ
พ่อข้าเพิ่งจะตาย เจ้าไม่ใช่แค่หักหลังสำนักต้าหยู่แต่ยังลอบทำร้ายข้า
อีก เจ้าไม่กลัวจะโดนสำนักต้าหยู่เอาคืนรึ ? อย่าลืมว่าแม้ว่าพ่อข้าจะ
ตายไป แต่สำนักต้าหยู่ก็ยังอยู่ !”
“ฮาฮา ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่รู้สถานการณ์ของสำนักต้าหยู่!” จ้าวเต๋อ
หัวเราะออกมาและยังคงโจมตีออกไป “ข้าเคยบอกเจ้าเฒ่ามานานแล้ว
ว่าสำนักต้าหยู่ไม่ควรใช้วิธีสืบทอดภายในตระกูลอีกต่อไป พวกเรา
ต่างก็เป็นคนของสำนักต้าหยู่ แล้วทำไม ถึงมีแต่คนตระกูลซางของ
พวกเจ้าที่มีอำนาจ เจ้าคิดว่าพวกเจ้ามีอำนาจสูงสุดรึไง ? หากเจ้าทำ
เช่นนั้นต่อไป ทุกคนก็จะไม่พอใจ! แต่ไอ้เฒ่านั่นก็ไม่ฟัง มันก็ดีแล้ว
ที่เขาตายไป ยุคของพวกเจ้าได้จบลงแล้ว ซางอี๋ว์ หากเจ้ารับปากว่า
จะเป็นภรรยาข้า ข้าจะขอความเมตตาให้กับเจ้า ข้าจะปกป้องเจ้า แต่
ถ้าเจ้ายังดื้อด้าน งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เมตตา”
“หน้าไม่อาย !” ซางอี๋ว์ตะโกนออกมาด้วยความโกรธและกังวล “สำนัก
ต้าหยู่ไม่ได้พ่อข้าช่วยไว้รึ ? หากไม่ใช่เพราะพ่อข้า พวกเขาจะมีวันนี้
ได้ยังไง ? พ่อข้าช่วยพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับมาแว้งกัดพวกเรา !”
จ้าวเต๋อเหยียดยิ้ม “อย่าพูดให้ดูดีไปหน่อยเลย แผนการของพ่อเจ้านั้น
ทุกคนต่างก็รู้ เขาแค่ให้ค่าพรสวรรค์ของเรา หากเขาเป็นคนดีจริง ๆ
งั้นทำไมไม่ให้ตำแหน่งกับข้า ?”
“แต่สำนักต้าหยู่คือของตระกูลเรา !”
“ถุย ! สำนักต้าหยู่คือของพวกเจ้า ?” จ้าวเต๋อฮึดฮัดออกมา “ตระกูลก็
คือตระกูล สำนักก็คือสำนัก ทั้งอยากได้ผลประโยชน์ของสำนักทั้ง
อยากรักษาอำนาจของตระกูล ในใต้หล้านี้จะมีเรื่องดี ๆ เช่นนั้นได้
อย่างไร? ซางอี๋ว์ เจ้าน่ะก็เหมือนกับพ่อเจ้า ใสซื่อเกินไป !”
ซางอี๋ว์เหมือนจะยังไม่หมดหวัง “ข้าไม่เชื่อ ! พวกเขาต้องมาช่วยข้า!”
จ้าวเต๋อหัวเราะออกมา “พวกเขาจะมาแน่แต่ไม่ได้มาเพื่อช่วยเจ้า
พวกเขามาเพื่อฆ่าเจ้าต่างหาก ! เมื่อเราจัดการกับพวกดื้อด้านได้แล้ว
พวกเขาจะมาที่นี่พร้อมกับพ่อของข้า แล้วเจ้าจะเห็นเอง !”
ตอนที่จ้าวเต๋อพูดจบก็มีพลังอันแข็งแกร่งแผ่ออกมา…นี่คือพลังของผู้
ควบคุมขั้นที่ 6 !
“1,2, 3…..ผู้ควบคุมขั้น 6 กว่า 5 คน !” จางหยูแปลกใจนิด ๆ การรับรู้
ของเขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของผู้มาเยือน ทั้งห้าคนนี้มีตราขั้น
6 ที่อกซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดไม่ผิด “มากกว่าคนที่วังนิรันดร์อีก!”
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจจ้าวเต๋อและซางอี๋ว์ก็รับรู้ถึงคลื่นพลังเหล่านี้
ได้
ทั้งสองหยุดสู้กันและถอยห่างกันออกไป
ไม่นานผู้ควบคุมขั้น 6 ทั้ง 5 คนก็ปรากฏตัว
“ท่านพ่อ !” จ้าวเต๋อมองไปที่ชายวัยกลางคนแล้วโล่งอกขึ้นมาทันที
เขาเผยรอยยิ้มออกมา “เจ้าแก่สองคนนั่นท่านจัดการแล้วรึ ?”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า เขามองไปที่ซางอี๋ว์ด้วยสายตาเย็นชาก่อน
จะถามขึ้น “จ้าวเต๋อ ทำไมเจ้ายังไม่จัดการนางอีก ?”
“นี่…” จ้าวเต๋อกระแอมออกมาและพูดขึ้น “ท่านพ่อ ข้าอยากแต่งงาน
กับนาง..”
“บัดซบ !” ชายวัยกลางคนสบถออกมา “ข้าไม่เคยสั่งสอนเจ้ารึไง?
ว่าต้องตัดรากถอนโคนศัตรู แม้ว่าซางเหอจะตายไปแล้ว แต่ถึงอย่าง
นั้นเราก็ต้องทำลายตระกูลซางให้สิ้นซาก” เขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียง
เย็นชา “เจ้ามองไปที่ตาของนางสิ เจ้าเห็นความเกลียดชังในตานางรึ
ไม่ หากเจ้าไม่ฆ่านางในวันนี้ เจ้ามั่นใจรึว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นใน
อนาคต ?”
“นี่…”
“ลงมือ” ชายวัยกลางคนพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “เรื่องใหญ่แบบนี้กลับ
เอาความรู้สึกเด็กน้อยมาเกี่ยวข้อง แม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะสูง แต่ก็
ไม่อาจจะทำให้เจ้าเป็นคนยิ่งใหญ่ได้ เจ้าคือลูกของข้า เจ้าจงจำให้ขึ้น
ใจ หากยังสนใจแต่เรื่องรักใคร่ เจ้าจะพิชิตใต้หล้าในอนาคตได้ยังไง
เจ้าจะสืบทอดตระกูลจ้าวต่อข้าได้ยังไง ?”
จ้าวเต๋อเงียบไปก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้น “ข้าจะจดจำคำ
สอนของท่านไว้”
จ้าวเต๋อหันกลับไปมองที่ซางอี๋ว์แล้วพูดขึ้น “ข้าขอโทษด้วย แต่เพื่อ
ตระกูลจ้าวและเพื่อสำนักต้าหยู่แล้วเจ้าต้องตาย !”
ซางอี๋ว์ไม่คิดใส่ใจมองไปที่อีกฝ่าย สายตาของนางจับจ้องไปที่จ้าว
สิงและอีก 4 คนที่เหลือด้วยสีหน้าตะลึงและปวดใจ
“ทำไมกัน ?” ซางอี๋ว์ถามออกมาด้วยความปวดใจ “พ่อข้าดีกับพวก
ท่านไม่พอรึ ? ทำไมถึงหักหลังพวกเรา !”
ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบราวกับไม่ได้ยินคำถามของนาง
จ้าวสิงขมวดคิ้ว “พูดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ลงมือซะ”
ระหว่างนั้นเขาก็ได้แผ่จิตผู้สร้างของตัวเองออกไปเพื่อลงมือ เขาทำ
เพื่อกำจัดความเสี่ยงทั้งหมดและลดการเสียเวลาด้วย
“ชายคนนี้แข็งแกร่ง !” จางหยูที่แอบมองอยู่นั้นต้องยอมเลยรับว่า
จ้าวสิงผู้นี้มีพรสวรรค์ หากไม่ได้มาเจอกับเขา เกรงว่าจ้าวสิงอาจจะ
ประสบความสำเร็จสูงกว่านี้ในอนาคต “แต่น่าเสียดายที่พวกเขามา
เจอกับข้า”
หากไม่รู้เรื่องนี้หรือหากเรื่องมันจบไปแล้ว งั้นจางหยูก็ไม่คิดจะเข้า
ไปยุ่งแต่เมื่อเขาได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว เขาก็ไม่คิดที่จะมองข้าม
แม้ว่ามีหลายเรื่องที่ดูไม่มีเหตุผลในโลกที่ผู้แข็งแกร่งเหนือกว่าผู้
อ่อนแอ แต่ตราบใดที่เขายังมีหลักการของตัวเองอยู่และมีความ
แข็งแกร่งเพียงพอที่จะปกป้องความถูกต้องเอาไว้ งั้นเขาก็เลือกที่จะ
เข้าข้างความถูกต้อง
ซางอี๋ว์ที่โดนขังไว้ในคุกพลังเริ่มร้องไห้ออกมา น้ำตาแต่ละหยดของ
นางแทนถึงความสิ้นหวัง !
เมื่อเห็นว่าจ้าวสิงจะฆ่าซางอี๋ว์ จางหยูก็พุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรง
หน้าซางอี๋ว์ ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ไว้หน้าข้าและปล่อยนาง
ไปได้รึไม่ ?”