ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1674 : ตักเตือก
“ ข้าไม่ได้บ้า คนที่บ้าคือเจ้าต่างหาก ! ” เกลดันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ หลินเป่ยชาน เจ้าควรรีบขอโทษออกมาซะและภาวนาให้เจ้าสำนักยกโทษให้เจ้า ไม่งั้นแล้วถึงแม้ว่าข้าจะต้องตายแต่เจ้าก็ต้องชดใช้อยู่ดี ! ”
หลินเป่ยชานเบิกตากว้าง “ เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆ !”
เขาตกใจกับพลังที่เกลดันระเบิดออกมาแต่เขาก็ไม่คิดว่าเกลดันจะเป็นคู่มือของเขาได้
เพียงแค่เขาไม่เข้าใจว่าทำไม เกลดันถึงได้เป็นแบบนี้
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ?
จางหยูโบกมือให้กับเกลดันและพูดขึ้น “ พอแล้ว เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก”
“ แต่…” เกลดันเหมือนจะไม่ยอม
“ ไม่เป็นอะไร ” จางหยูยิ้มออกมา “เจ้าคิดว่าข้าสนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้รึ ? หากข้าเป็นคนเช่นนั้น ทำไมข้าถึงต้องใช้ร่างนี้ด้วย ? ”
เกลดันเงียบไป เมื่อเจ้าสำนักไม่ใส่ใจ เขาที่เป็นทาสจะพูดอะไรได้ ?
“ ฮ่าฮ่า พี่หลิน อย่าคิดมากเลย ” จางหยูมองไปที่หลินเป่ยชานและหัวเราะออกมา “ เกลดันแค่หงุดหงิด ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา ”
เกลดันอยากจะปฏิเสธแต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้
หลินเป่ยชานยังสับสน เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง
เขามั่นใจว่าเกลดันไม่ได้ขู่ หากเขาไม่ขอโทษ เกลดันก็พร้อมจะลงมือ!
หากไม่ใช่เพราะจางหยูห้ามไว้ งั้นเกลดันก็คงไม่ยอม
หลินเป่ยชานขมวดคิ้วและบอกกับเกลดัน “ เกลดัน เจ้าน่ะเป็นผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูง แม้ว่าเจ้าจะกลายเป็นทาส แต่จำเป็นด้วยรึที่ต้องประจบเจ้านายเช่นนี้ ?” เขาสับสนกับการกระทำของเกลดัน เพราะว่ามันเกินกว่าที่ผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงจะทำกัน
“ เจ้าจะไปรู้อะไร ?” เกลดันฮึดฮัดออกมา “ ทำไมข้าต้องอธิบายให้เจ้าฟังด้วย ?”
“ เจ้า..” สีหน้าของหลินเป่ยชานหม่นลง “ ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!”
ท่าทีของเกลดันทำให้เขาโกรธและหงุดหงิด หากไม่ใช่เพราะจางหยูอยู่ที่นี่ด้วย งั้นเขาคงสั่งสอนเกลดันไปแล้ว
จางหยูรีบห้ามขึ้นมา “ ฮ่าฮ่า พี่หลิน เกลดันน่ะอารมณ์ร้อนไปหน่อย อย่าถือสาเลย” จากนั้นจางหยูก็เปลี่ยนเรื่อง “ ก่อนหน้านี้เราได้แลกเปลี่ยนหินแห่งการสร้างกัน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าก้าวหน้าขึ้นบ้างรึไม่ ? ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเป่ยชานก็หันมาสนใจเรื่องหินแห่งการสร้างทันที
เขามองไปที่จางหยูด้วยตาที่เป็นประกาย “ น้องชาย หินแห่งการสร้างเหล่านี้เจ้าได้มาจากที่ไหนกัน ? เอาจริงๆแล้วหินแห่งการสร้างเหล่านี้น่ะส่งผลได้ดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก ข้ารู้สึกว่ามันแข็งแกร่งกว่าหินขั้นเทพเสียอีก ! มันคือหินขั้นสวรรค์ที่พิเศษที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา !” เขาเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ “ ข้าไม่คิดปิดบัง ครั้งนี้ข้าได้ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนและทำให้ความแข็งแกร่งพัฒนาขึ้นมาได้มาก ทุกอย่างเป็นเพราะหินนี่ !”
“ งั้นรึ ?” จางหยูหัวเราะออกมาก่อนจะพึมพำ “ งั้นข้าก็ยินดีด้วย ! ”
เขารับรู้ได้ถึงความก้าวหน้าของหลินเป่ยชาน ดังนั้นจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแต่เขาก็ไม่คิดว่าหินที่เขาได้สร้างขึ้นมานี้จะส่งผลที่น่าทึ่งแบบนี้ได้ มันเหนือกว่าหินขั้นเทพอีกรึ ? แม้ว่าคำพูดของหลินเป่ยชานจะฟังดูเกินจริงแต่ก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล
ในเรื่องนี้เกลดันไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่ฟังอยู่เงียบๆ
“ มันถือว่าเป็นของที่ดีที่สุดสำหรับข้าในตอนนี้ เจ้าได้มันมาจากไหนกัน ?” หลินเป่ยชานถามขึ้นมา “ หากน้องชายสะดวกที่จะบอกก็คงจะดี ”
ผลของหินขั้นสวรรค์เหนือกว่าหินขั้นเทพ มันขัดกับกฎแห่งการสร้าง หลินเป่ยชานจะไม่สงสัยได้ยังไง ?
จางหยูหัวเราะออกมา “ ข้าไม่คิดปิดบัง พูดไปจะเสียหายตรงไหน ? เมื่อพี่หลินอยากรู้ งั้นข้าก็จะบอกความจริง หินพวกนี้ข้าได้สร้างขึ้นมาเอง ข้าใช้เวลาอยู่นานเพื่อจะสร้างมันขึ้นมา ” ไม่สิ เขาได้ใช้ร่างแยกสร้างมันขึ้นมาโดยใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าจะสร้างหิน 100 ล้านก้อนนี้ขึ้นมาได้
หลินเป่ยชานมุมปากกระตุก “ น้องชาย เจ้าอย่าพูดล้อเล่นเช่นนั้น หากเจ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก มันจำเป็นด้วยรึที่ต้องหลอกข้า ? ”
หินแห่งการสร้างแบบนั้น พวกที่ต่ำกว่าขั้น 9 มีใครบ้างจะสร้างขึ้นมาได้ ?
นี่จางหยูคิดว่าผู้ควบคุมขั้น 9 ไม่ได้มีค่ารึไง ? “ โง่เง่า !” เกลดันใช้โอกาสนั้นถากถางออกมา เขาไม่คิดจะปล่อยโอกาสในการเยาะเย้ยหลินเป่ยชาน “ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าสำนักแล้ว การสร้างหินพวกนี้น่ะทำไมจะทำไม่ได้ ? เจ้าที่มาจากยุคโบราณแต่ยังไม่รู้อะไรอีกรึ ? ”
หลินเป่ยชานอยากจะอัดเกลดัน ใครจะปล่อยให้อีกฝ่ายมาหยามเกียรติของเขาแบบนี้ ?
ยิ่งกว่านั้นเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นคนยุคกลางแต่เกลดันกลับบอกว่าเขาเป็นคนยุคโบราณ เขาจะรับได้ยังไง ?
“ เกลดัน หยุดได้แล้ว” จางหยูส่ายหน้าให้กับเกลดันก่อนจะมองไปที่หลินเป่ยชาน “ พี่หลิน ข้าอธิบายชัดเจนไม่ได้แต่เชื่อเถอะว่าหินพวกนี้ข้าสร้างขึ้นมาจริงๆ ” ถึงร่างแยกจะสร้างหินพวกนี้ขึ้นมาแต่มันก็เท่ากับเขาสร้างมันขึ้นมาเอง “ เพราะเหตุผลบางอย่างจึงทำให้หินพวกนี้พิเศษ บางทีคงอีกไม่นาน พี่หลินอาจจะเข้าใจ ” เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของจางหยู หลินเป่ยชานก็เริ่มหวั่นไหว
จางหยูไม่รอให้หลินเป่ยชานได้ถามอะไรต่อและเปลี่ยนเรื่องทันที “ พี่หลิน เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาแบบนี้ เจ้าไม่คิดเรียนรู้กับข้าหน่อยรึเพื่อยืนยันความก้าวหน้า ?”
จางหยูสาบานเลยว่าเขาน่ะหวังดีจริงๆ ความคิดของเขาเรียบง่ายไม่ได้มีความคิดอื่นแอบแฝง
หลินเป่ยชานได้ยินแบบนั้นก็นึกถึงความกลัวในใจ เขานึกถึงความเจ็บปวดในการประมือกันก่อนหน้านี้และอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เขาถึงกับผงะถอยหลังและรีบปฏิเสธ “ ไม่ ไม่จำเป็น ” สีหน้าของเขาราวกับคนเคยโดนทรมานมาก่อน สายตาเขาดูลนลาน
คำว่า’ เรียนรู้’ เหมือนจะกลายเป็นเงาในใจเขาไปแล้ว
แม้ในใจเขาจะบอกว่าแม้แต่เบเกิลเขาก็ยังสู้ได้ ถึงจะเทียบกับจางหยูไม่ได้แต่ก็ไม่น่าจะโดนรังแก แต่ร่างกายกับจิตวิญญาณของเขากลับร่ำร้องปฏิเสธ
ในหัวของเขาบอกว่าเขาทำได้ แต่ร่างกายกลับบอกอีกอย่าง !
หลินหลางที่อยู่ข้างๆได้ยินจางหยูพูดถึงการเรียนรู้ก็แสดงท่าทีเหมือนกับหลินเป่ยชาน เขาถึงกับพูดออกมาด้วย “ ไม่ ไม่ต้อง…”
พ่อกับลูกกลับทำเหมือนกัน
เมื่อเห็นท่าทีของทั้งสอง จางหยูก็รู้สึกอายขึ้นมา พวกนี้กลัวเขาจริงๆรึ ?
แต่เขาไม่ได้คิดจะรังแกหลินเป่ยชานเลย !
อีกอย่างหลินหลางไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้วปฏิเสธออกมาทำไม ?
จางหยูยักไหล่ ถึงจะเสียดายแต่ก็เคารพในการตัดสินใจของหลินเป่ยชาน เขาได้พูดขึ้น “ เมื่อพี่หลินไม่สนใจ งั้นก็ช่างมันเถอะแต่หากเจ้าสนใจก็บอกข้ามาได้เลย ข้ารับปากว่าเราจะเรียนรู้กันอย่างเต็มที่ “
“ เจ้าไม่ต้องรอก็ได้ ” หลินเป่ยชานพูดขึ้น
“ ทำไม ?”
“ นั่น…ข้าหมายความว่าข้าไม่คิดจะเรียนรู้จากใคร ” หลินเป่ยชานมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าหนักแน่น
หลังจากที่โดนจางหยูทรมานแล้วเขาก็เข็ด !
เขากลัวจางหยูจะพูดเรื่องการประมืออีก หลินเป่ยชานจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ เจ้าบอกว่าจะมาหาข้ากับจงหรานเพื่อดื่ม…อากาศที่นี่หนาวเย็นและสภาพแวดล้อมไม่สู้ดีนัก ทำไมเจ้าไม่ไปหาจงหรานกัน ? “
“ เรื่องดื่มค่อยว่ากันภายหลัง ” จางหยูมองไปที่หลินเป่ยชานด้วยสีหน้าจริงจัง “ ที่ข้ามาหาเจ้านั้นไม่ใช่ธุระอะไรอื่น ข้าอยากเชิญเจ้าร่วมทีมกับข้า ”
หลินเป่ยชานถามขึ้น “ เพื่ออะไรกัน ?”
“ ข้าอยากเชิญเจ้าร่วมทีมเพื่อสำรวจสุสานขั้น 9 ! ” จางหยูพูดขึ้น หลินเป่ยชานแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ น้องชายพูดถึงสสานขั้น 9 ที่อีกไม่นานจะมาถึงทางแยกเขตนะเหรอ ?” ข่าวนี้เผยแพร่ไปทั่วเขตตะวันออกตอนเหนือมาหลายหมื่นปีแล้ว ตอนนี้มีใครบ้างที่จะไม่รู้ข่าวนี้ ? แม้แต่ด้านนอกเขตตะวันออกตอนเหนือก็ยังมีหลายคนที่รู้เรื่องนี้และเดินทางมาที่นี่
จางหยูส่ายหน้า “ ข้าไม่ได้พูดถึงสุสานขั้น 9 นั้น”
“ ไม่ใช่อันนั้นรึ ?” หลินเป่ยชานแปลกใจ
“ สุสานที่ข้าพูดถึงนั้นคือสุสานของอัลเวอร์ อัลเวอร์คือผู้สร้างโลกสวรรค์ร้าง เขาเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 ” จางหยูพูดขึ้น
พูดไปแล้ว หลินเป่ยชานกับอัลเวอร์ก็คล้ายกัน อัลเวอร์เคยอยู่ที่สันเขาเทียนมาก่อน หลินเป่ยชานก็เหมือนเจ้าของคนที่สองของภูเขาแห่งนี้ มันจะไม่เหมือนกันได้ยังไง ?
“ ผู้สร้างโลกสวรรค์ร้าง…อัลเวอร์รึ ?” หลินเป่ยชานแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา “เจ้ารู้ข่าวนี้ได้ยังไง ?” จางหยูชี้ไปที่เกลดันและพูดขึ้น “ พี่หลินคงลืมไปแล้วว่าทำไมถึงมีปราณสุสานในตัวเกลดัน ?”
เกลดันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ เจ้าแค่บอกมาว่าไม่กล้าก็พอ !”
หลินเป่ยชานสูดหายใจเข้าลึกๆและตอบกลับ “ ทำไมข้าจะไม่กล้า ?”
สุสานขั้น 9 หมายถึงโอกาสครั้งใหญ่ไม่ว่าจะสำหรับใครก็ตาม มันจะทำให้คนมากมายสนใจ !
ไม่มีใครต้านทานความเย้ายวนของมันได้ !
ยิ่งกว่านั้นสุสานขั้น 9 ที่จางหยูพูดถึงก็ไม่ใช่สุสานเปิดขั้น 9 หากพวกเขาปล้นที่นั่นได้สำเร็จ สมบัติทั้งหมดก็จะเป็นของพวกเขา !
แค่ว่าหลินเป่ยชานไม่รู้ว่าสุสานของอัลเวอร์มีอันตรายแค่ไหน
เรื่องนี้จางหยูไม่คิดจะพูด เกลดันก็ไม่คิดจะพูดเช่นกัน