ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1678 : แข็งแกร่ง
ด้วยคลื่นพลังอันน่ากลัวที่กวาดเข้ามา ผ่านไปแค่ไม่กี่อึดใจก็มีร่างหนึ่งปรากฎขึ้นมาตรงหน้าพวกเขา
ชายหนุ่มคนนี้สวมผ้าคลุมที่มีเกล็ด เกราะเกล็ดสีเงินของเขามีหลายส่วนที่แตกหัก มันมีรอยขีดข่วนราวกับผ่านการต่อสู้มามากมาย บางจุดถึงกับมีรอยเลือด มันทำให้ชายหนุ่มคนนี้ดูมีสภาพน่าอนาถอย่างมาก
เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังอันน่ากลัวของชายหนุ่ม จิตผู้สร้างของเกลดันก็สั่นไหวพร้อมกับเขาที่หน้าซีดไป “แข็งแกร่งจริงๆ !”
หลินเป่ยชานแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ ข้าไม่ใช่คู่มือของเขา !”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้ตัวได้อย่างชัดเจนก่อนที่จะสู้ว่าเขาไม่อาจจะเป็นคู่มือของอีกฝ่ายได้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่าคลื่นพลังของชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวแค่ไหน “ เจ้ารู้จักเขารึไม่ ?” จางหยูมองไปที่ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาหาพวกเขาแล้วถามขึ้นมา
มันมีเหตุผลที่จะบอกว่ายอดฝีมือระดับนี้นั้นหากมองทั้งโกลาหลแล้วก็ต้องอยู่อันดับต้นๆ มันไม่อาจจะเป็นคนไร้ชื่อเสียงได้
หลินเป่ยชานและเกลดันพากันส่ายหน้า พวกเขาจำชายคนนี้ไม่ได้ บางทีชายหนุ่มคนนี้อาจจะเป็นพวกเก็บตัวและไม่ได้เป็นที่รู้จัก
“ เขามาแล้ว ! ระวังตัวด้วย !” ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนทำให้จางหยูแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา “ อย่าคิดสู้กับเขา…”
หลินเป่ยชานพูดขึ้น “ ไม่…จิตผู้สร้างของเขาน่ะปนเปื้อน ! “ สีหน้าเขาบิดเบี้ยวไป “ เขาคือหุ่นเชิดของสุสาน ! เมื่อจิตปนเปื้อนโดยสมบูรณ์แล้ว พวกเขาจะกลายเป็นหุ่นเชิดของสุสาน สัตว์ประหลาดที่รู้จักแต่การฆ่าฟัน !”
การจะตัดสินว่าจิตนั้นปนเปื้อนโดยสมบูรณ์แล้วรึไม่นั้นมันต้องตรวจสอบจากปราณสุสานภายในคลื่นพลังที่แผ่ออกมา
คลื่นพลังของชายหนุ่มคนนี้ปนเปื้อนปราณสุสานโดยสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าเขาจะหมดสติและไม่มีจิตผู้สร้างคอยเพิ่มพลังงานให้แต่ก็ยังมีปราณสุสานที่ยังคอยให้พลังอย่างต่อเนื่อง ปราณสุสานนี้น่ากลัวกว่าจิตผู้สร้างของชายคนนี้เสียอีก มันทำให้เขาอันตรายยิ่งกว่าเก่า !
ปัง !
ชายหนุ่มอยู่ห่างจากกลุ่มของจางหยูเพียงไม่กี่กิโลเมตร แค่ก้าวเดียวก็ทำให้พื้นดินยุบตัวลงพร้อมกับร่างที่พุ่งมาหาเกลดัน
เกลดันกลัวจนเหงื่อตก “ บัดซบ ทำไมต้องเล็งมาที่ข้าด้วย ?”
เขาไม่อาจจะรับมือกับอีกฝ่ายได้แน่ หากต้องรับการโจมตีจริงๆแล้ว โล่พลังของเขาคงต้องพังลง แม้จะไม่ตายเพราะชายหนุ่มคนนี้แต่ก็ต้องบาดเจ็บหนัก
“ ถอยไป !” หลินเป่ยชานลงมือทันทีและเข้าไปขวางทางชายหนุ่มเอาไว้เพื่อซื้อเวลาให้กับเกลดัน
ความเร็วของชายหนุ่มนี้รวดเร็วอย่างมาก แม้แต่หลินเป่ยชานก็ยังด้อยกว่ามากแต่เพราะหลินเป่ยชานยืนอยู่ข้างๆเกลดัน จึงสามารถเข้าไปขวางและรับมือได้ทัน หลินเป่ยชานไม่ได้ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย เขาได้ใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตัวเองออกมา ดาบน้ำแข็งของเขาได้พุ่งออกไปทันที
หากเทียบกับตอนที่สู้กับจางหยูแล้ว พลังของดาบนี้น่ะมากกว่าเดิมอย่างมาก !
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่ากลัวนี้ ชายหนุ่มราวกับไม่รับรู้ถึงอันตราย เขาทำราวกับเผชิญหน้ากับการโจมตีธรรมดา
ตูม !
ตอนที่ดาบและเงานั้นปะทะกัน พลังทำลายล้างก็ได้ระเบิดออกมา มิติรอบข้างสั่นไหวพร้อมพื้นดินที่ยุบลงไป กระดูกนับไม่ถ้วนได้กระจายไปโดยรอบ ร่างของชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร เขายังคงเดินหน้าเข้าหาเกลดันต่อ
สีหน้าของหลินเป่ยชานเปลี่ยนไป “ แข็งแกร่งจริงๆ !” ความมั่นใจที่เขามีนั้นเริ่มพังทลายลงไป เขาไม่อาจจะทำร้ายชายหนุ่มคนนี้ได้เลย ตัวเขาเองนั้นเพราะใช้จิตผู้สร้างออกมามากเกินไปจึงทำให้โล่พลังของเขาแทบจะพังลงเพราะปราณสุสาน
เขาร่วงลงไปที่พื้นราวกับดาวตกก่อนจะกระแทกกับพื้นอย่างแรงจนเกิดหลุมใหญ่ขึ้น
เกลดันเห็นแบบนั้นก็กลัวแทบตาย
แม้แต่หลินเป่ยชานก็ไม่อาจจะหยุดอีกฝ่ายได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องตายรึไง ?
โชคดีที่ตอนที่ชายหนุ่มกำลังจะโจมตีเกลดันต่อนั้น จางหยูก็ได้ลงมือ ร่างของเขาได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าชายหนุ่มพร้อมกับนิ้วที่ใช้แทนดาบสะบัดออกไป แม้ว่ามันจะดูต่างจากการโจมตีของหลินเป่ยชาน แต่ก็ดูคล้ายกัน ความต่างเพียงอย่างเดียวนี้คือเมื่อจางหยูใช้มันออกมานั้น พลังของมันต่างกันเป็นคนละเรื่อง
จางหยูสะบัดนิ้วออกไปพร้อมกับจุดแสงที่เหมือนกับดาวนับไม่ถ้วนได้พุ่งเข้าหาชายหนุ่ม
ชายหนุ่มไม่มีสติอยู่กับตัวแล้ว ในหัวเขามีแต่การทำลายล้าง สัญชาตญาณของเขารับรู้ได้ถึงอันตรายจากจุดแสงเหล่านี้ และต้องการจะอ้อมไปด้านหลังจางหยู เพื่อให้จุดแสงเหล่านี้โจมตีจางหยู ก่อนจะไล่ตามเกลดันต่อแต่ตอนที่คิดจะทำแบบนั้น จุดแสงนับไม่ถ้วนก็ยังไล่ตามเขาอยู่ราวกับว่ามันล็อคเป้าเอาไว้แล้ว
ระยะห่างระหว่างจุดแสงและชายหนุ่มสั้นลงเรื่อยๆ ราวกับว่าไม่อาจจะหนีไปได้และคงมีแต่ต้องรับการโจมตีนี้เอาไว้ !
ชายหนุ่มพลิกฝ่ามือพร้อมกับดาบที่ระเบิดลำแสงอันร้อนแรงออกมา พลังสร้างมหาศาลระเบิดออกมา ปลายดาบราวกับจะตัดโลกนี้ออกจากกันได้ ตอนที่จุดแสงหลายร้อยจุดมาถึงตัว ชายหนุ่มก็ได้ทำการฟันมันทิ้ง
ในพริบตาดาบแสงและปลายดาบก็ได้ปะทะกัน
ชายหนุ่มได้พุ่งทะลุจุดแสงเหล่านั้นผ่ามันออกเป็นชิ้นๆ การกระทำแบบนี้ต่างก็ทำให้ทุกคนต้องตะลึง
ตูม ตูม ตูม ตูม…
จุดแสงระเบิดออกอย่างต่อเนื่องพร้อมกับพื้นดินที่ถล่มลงไป มิติโดยรอบสั่นไหวรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ
“ แข็งแกร่งจริงๆ ” จางหยูหรี่ตาลง ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพ่ายแพ้ เขาแทบไม่ได้ยั้งมือกับการโจมตีนี้แต่กลับได้ผลตามที่หวังไม่ได้ แม้ว่าการโจมตีนี้จะสร้างปัญหาให้กับชายหนุ่มและยื้อเวลาให้กับเกลดันได้ แต่มันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับชายหนุ่มมากนัก
แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้เป็นอะไร จางหยูและชายหนุ่มถือว่าทัดเทียมกัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
“ น้องชายสามารถสู้ได้ถึงระดับนี้ !” หลินเป่ยชานตะลึงอย่างมาก การโจมตีของเขาทำได้แค่ทำให้ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ แต่ตัวเขาเองแทบจะโดนปราณสุสานเล่นงาน ส่วนจางหยูกลับทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดมือ มันทำให้เห็นช่องว่างระหว่างเขากับจางหยูได้
เกลดันหนีออกไปและหันกลับมามองดูฉากนั้น
ตอนที่อันตรายมาถึงตัว เขาเกือบลืมไปว่าเจ้าสำนักนั้นเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 !
แม้ว่าผู้ควบคุมขั้น 9 จะไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยแต่แม้ว่าจะเป็นแค่ร่างแยกแต่มันก็ไม่อาจจะประมาทได้ !
“ ขนาดร่างแยกก็ยังแกร่งขนาดนี้ !” เกลดันมองไปบนท้องฟ้าที่ชายหนุ่มและจางหยูปะทะกันอยู่ สายตาเขาเต็มไปด้วยความเคารพ “ สมกับเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 !” หลินเป่ยชานเห็นว่าเกลดันหยุดก็ต้องขมวดคิ้ว “ ยังไม่หนีอีกรึ ?”
“ หนีรึ ?” เกลดันที่มั่นใจในตัวจางหยูก็พูดขึ้นมาว่า “ ทำไมต้องหนีด้วย ? เจ้าไม่เห็นรึไงว่าเจ้าสำนักรับมือกับเขาได้ ?”
“ ความแข็งแกร่งของน้องชายนั้นน่ากลัวก็จริงแต่จิตผู้สร้างของเขามีจำกัด เมื่อเวลาผ่านไปมันคงน้อยลงไปเรื่อยๆ ในทางกลับกันแล้วชายหนุ่มคนนั้นมีปราณสุสานคอยสนับสนุนตลอด นอกซะจากว่าสุสานแห่งนี้จะพังลง ไม่งั้นพลังของเขาก็จะอยู่ในระดับสูงตลอด” หลินเป่ยชานพูดขึ้น “ หากเป็นแบบนี้อีกไม่ช้าน้องชายก็จะพ่ายแพ้”
“ เจ้าสำนักไม่แพ้หรอก” เกลดันเหมือนจะหงุดหงิด ตอนนี้ความเชื่อได้บดบังสายตาของเขาไปหมดแล้ว
“ เจ้า…” หลินเป่ยชานอดไม่ได้ที่จะด่าออกมา “ โง่เง่าจริงๆ ! หากเจ้าตายก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน !”
แม้ว่าจะตะลึงกับความแข็งแกร่งของจางหยู ในใจของเขาสงสัยว่าถึงจางหยูจะไม่ได้เป็นผู้นำแต่ก็คงไม่ต่างจากผู้นำมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว หากไม่มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าอีกฝ่ายอย่างขาดลอย งั้นอีกไม่นานจางหยูก็จะพ่ายแพ้