ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1683: อัลเวอร์
เสียงนั้นทำให้จางหยูและจ้านเทียนเกอแปลกใจ
นี่อาจจะเป็นเขตหลักของสุสาน หากไม่ใช่เขตหลักงั้นมันก็ต้องเป็นสถานที่ที่สำคัญอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขามีวิธีการพิเศษในการกำจัดปราณสุสาน งั้นจางหยูและจ้านเทียนเกอก็อาจจะมาไม่ถึงที่นี่
แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่ามีคนที่สามอยู่ ยังมีคนที่มีสตินอกจากพวกเขา !
“ ใครกัน ?” จางหยูเงยหน้าขึ้นมองแต่การรับรู้ของเขาถูกจำกัดเอาไว้ เขาไม่อาจจะแผ่การรับรู้ออกไปได้
จ้านเทียนเกอมองไปรอบตัวด้วยความสับสนราวกับมองหาใคร
“ ไม่สำคัญว่าข้าจะเป็นใคร” เสียงนั้นยังดังต่อในหัวของทั้งสองคน เสียงนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกหนักใจราวกับขมขื่น “ รีบออกไปซะ อย่าหันกลับมามอง มันยังไม่สายเกินไปที่จะหนี!”
จางหยูและจ้านเทียนเกอมองหน้ากัน แต่ไม่ได้ฟังคำสั่งของเสียงนั้น การเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาจะยอมกลับไปได้ยังไง ?
ใครจะไปรู้ว่าเจ้าของเสียงนี้อยากจะช่วยพวกเขารึต้องการอะไรกันแน่ ?
จางหยูสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “ เจ้าควรปรากฏตัวขึ้นจะดีกว่า เราจะได้พูดคุยกันให้ชัดเจน”
เสียงของจางหยูราวกับน้ำที่หยดลงไปในกระทะ เสียงเขากระจายไปทั่วและทำให้ปราณสุสานปั่นป่วนขึ้นมา รูปปั้นหลายสิบร่างราวกับตื่นขึ้นแล้วค่อยๆหันกลับมามองที่จางหยูและจ้านเทียนเกอก่อนจะพูดขึ้นมา “ดูหมิ่น ตาย! ”
ตูม ตูม ตูม…
จางหยูและจ้านเทียนเกอยังไม่ทันได้ตั้งตัว รูปปั้นเหล่านั้นก็ระเบิดพลังอันน่ากลัวออกมา
คลื่นพลังของรูปปั้นแต่ละตัวใกล้เคียงกับจ้านเทียนเกอได้ ตัวที่แกร่งที่สุดนั้นทัดเทียมกับจ้านเทียนเกอด้วยซ้ำ !
“ หือ….” จ้านเทียนเกอสีหน้าเปลี่ยนไป เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วตะโกนออกมา “ ผู้นำขั้น 8 !”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของจางหยูก็เปลี่ยนไป ผู้นำขั้น 8 แต่ละคนคือจ้าวแห่งความโกลาหล ในหมู่คนที่ต่ำกว่าขั้นที่ 9 พวกเขาไร้เทียมทาน การเจอกับผู้นำสักคนก็ถือว่ายากแล้วแต่ตอนนี้กลับมาพบเป็นกลุ่ม !
มันมากกว่า 40 คน นี่คือผู้นำกว่า 40 คน !
จำนวนนี้เยอะจนน่าตกใจ !
“ แต่ละคนไม่ได้อ่อนแอกว่าข้าเลย !” จ้านเทียนเกอกวาดตามองไปยังผู้นำพวกนั้นด้วยสีหน้าหนักใจ แม้ว่าหากเทียบกับพวกนี้แล้วเขาจะแกร่งกว่าเล็กน้อยแต่หากสู้กันจริงๆอย่างมากก็ได้เปรียบแค่เล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่อาจจะเอาชนะพวกนี้ขาดลอยได้
แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้ นี่ไม่ต้องนับคนที่แข็งแกร่งที่สุดเลย
พวกนี้ไม่ใช่มีแค่ 2-3 คนแต่กลับมีถึง ….46 คน !
ผู้นำ 46 คน แม้แต่ผู้ควบคุมขั้น 9 ก็ไม่อาจจะมองข้ามได้ !
“ บัดซบ ! สุสานนี้มีผู้นำขั้น 8 เยอะแบบนี้ได้ยังไง !” จ้านเทียนเกอที่แต่เดิมใจกล้ามาตลอด แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับผู้ควบคุมขั้น 9 แต่เขาก็ไม่เกรงกลัว แต่ต่อหน้าผู้นำขั้น 8 กว่า 46 คนนี้ เขาก็ยังต้องขนลุก “ เราจะสู้ได้ยังไง ?”
ต่อให้เขามีความกล้ามากกว่านี้สักสิบเท่า แต่เขาก็ไม่อาจเป็นคู่มือของผู้นำทั้ง 46 คนนี้ได้ !
จางหยูเองก็แสดงสีหน้าหนักใจออกมา “เจ้าไปก่อน ข้าจะตามไปทีหลัง !”
ระหว่างที่พูดนั้นจางหยูก็ได้สร้างรูหนอนขึ้นมา เหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้บอกแบบนั้น ก็เพราะเขาอยากรู้ว่าจะดึงพวกนี้เข้าไปในโลกตันเถียนได้รึไม่ หากเอาพวกนี้เข้าไปในโลกตันเถียนได้ งั้นก็มองข้ามอันตรายนี้ได้
ผู้นำทั้ง 46 คนได้พุ่งเข้าหาจางหยูและจ้านเทียนเกอพร้อมกับปราณสุสานที่ราวกับพายุพัดกวาดเข้าใส่ทั้งสอง
ไม่ว่าจะเป็นผู้นำทั้ง 46 คนหรือพายุปราณสุสานก็เป็นภัยร้ายแรงต่อจางหยูและจ้านเทียนเกอ
เมื่อเห็นผู้นำทั้ง 46 คนพุ่งเข้ามา จางหยูก็ได้สร้างรูหนอนขึ้นมาสำเร็จและตะโกนขึ้น “ เจ้ารีบเข้าไป !”
จ้านเทียนเกอไม่ลังเลและเดินทางเข้าไปในรูหนอนทันที
การหายตัวไปของจ้านเทียนเกอนั้นทำให้ผู้นำทั้ง 46 คนชะงักแต่มันก็แค่ชั่วครู่ พวกมันเดินทางอ้อมรูหนอนเพื่อไปฆ่าจางหยู การกระทำนี้ทำให้จางหยูรู้ตัวว่าเขาคิดผิด
“ ดูเหมือนว่าการเดินทางมายังสุสานครั้งนี้จะจบเพียงเท่านี้” จางหยูรู้สึกเสียดายที่ยังไม่รู้ความลับของที่นี่ โชคร้ายด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้แล้ว มันไม่มีทางที่จะสำรวจหาความจริงได้เลย แม้ว่าจะไม่พอใจแต่ชีวิตของเขาสำคัญกว่า
จางหยูคิดจะกลับเข้าไปในโลกตันเถียน
ตูม !
ตอนนั้นเองรูปปั้นที่ใจกลางอารามก็หายไปพร้อมกับชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นมาแทน ชายวัยกลางคนได้พุ่งมาตรงหน้าจางหยู เขาได้ระเบิดพลังออกมา พลังนี้น่ากลัวอย่างมาก แม้แต่โลกรอบข้างก็สั่นไหวไปด้วย
นี่มันเหนือกว่าผู้นำขั้น 8 !
นี่คือ…ผู้ควบคุมขั้น 9 !
แม้ว่าจะไม่เคยเห็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 มาก่อนหรือรับรู้ถึงพลังของผู้ควบคุมขั้นที่ 9 แต่ตอนที่รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของชายวัยกลางคนคนนี้ จางหยูก็มั่นใจว่านี่ต้องเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 !
ตอนนั้นจางหยูใจสั่นอย่างมาก
มันมีผู้ควบคุมขั้น 9 ในสุสานแห่งนี้ด้วย !
นี่คือผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ยังมีชีวิตอยู่ !
ภายใต้คลื่นพลังอันน่ากลัวของชายคนนี้ ผู้นำทั้ง 46 คนก็พากันหยุดราวกับว่าเวลาหยุดเดิน
“ รีบไป….” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง มันราวกับเสียงหินเสียดสีกันแต่ตอนนั้นจางหยูกลับรู้สึกว่ามันช่างคุ้นหู เสียงนี้คือเสียงที่เตือนพวกเขาก่อนหน้านี้ไม่ใช่รึ ?
แม้ว่าเสียงนี้จะแหบกว่าเดิมและเต็มไปด้วยความหนักใจ แต่เสียงนี้ก็ฟังดูมีเสน่ห์
จางหยูก้าวเท้าผ่านรูหนอนได้ก้าวหนึ่งก่อนจะหันกลับมามองชายวัยกลางคนแล้วถามขึ้น “ เจ้าเป็นใครกันแน่ ?” “ อัลเวอร์ “ ชายวัยกลางคนเหมือนจะสับสน ตัวของเขาสั่นเทาราวกับกำลังต้านทานบางอย่าง หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจเขาก็พูดขึ้นต่อ “ ข้าคือ…อัลเวอร์ ”
ครั้งนี้เสียงไม่ได้มาจากปากเขาแต่มันดังขึ้นในหัวจางหยู นี่เหมือนกับเสียงแรกที่จางหยูได้ยิน
“ อัลเวอร์ !” จางหยูเบิกตากว้างด้วยความตะลึง
ชายตรงหน้าเขาคืออัลเวอร์ !
ไม่ใช่ว่าอัลเวอร์ตายไปแล้วรึ ?
นี่ไม่ใช่สุสานของอัลเวอร์รึไง ?
แล้วทำไมอัลเวอร์ถึงยังมีชีวิตอยู่ ทำไมอัลเวอร์ถึงโดนครอบงำโดยปราณสุสาน ?
ปราณสุสานนี้แม้แต่ผู้ควบคุมขั้น 9 ก็ยังโดนครอบงำไปด้วยรึ ?
ในพริบตาในหัวจางหยูก็มีคำถามขึ้นมามากมาย เขาสับสนนิดๆ ตัวตนของชายวัยกลางคนนี้น่าตกใจเกินไป “ นี่…มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ?” จางหยูมองไปที่อัลเวอร์ “ ไม่ใช่ว่าเจ้าตายไปแล้วรึ ? ทำไมเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ? เจ้าโดนครอบงำโดยปราณสุสานได้ยังไง ? ถ้าสุสานนี้ไม่ใช่ของเจ้า แล้วมันเป็นของใครกัน ?”
“ มันสายเกินไปแล้ว” เสียงของอัลเวอร์ร้อนลน “ รีบไปซะ !”
เมื่อพูดจบตัวของอัลเวอร์ก็สั่นไหวอีกครั้ง ไม่นานเขาก็กลับไปหลับใหลอีกรอบ
จางหยูสีหน้าเปลี่ยนไป เขาไม่สนใจจะหาความลับของที่นี่ เขารีบเดินทางผ่านรูหนอนนั้นทันที
ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงของอัลเวอร์ดังขึ้นมาอีกรอบ “ บอกหงอีแทนข้าด้วย ว่าอย่าเข้าไปในสุสานสวรรค์ !”
จางหยูอยากจะถามบางอย่างแต่ร่างของเขาก็ผ่านรูหนอนไปแล้ว
“ หงอี? สุสานสวรรค์?” จางหยูยืนนิ่งอยู่ในโลกตันเถียนด้วยสีหน้าสับสน คำพูดของอัลเวอร์ ทำให้เขาพลิกมุมมองการคาดเดาก่อนหน้นี้เกี่ยวกับสุสานแห่งนี้ ในเวลาเดียวกันนี่ก็เป็นข่าวที่น่าตกใจ แต่ก็ทำให้เขาตะลึงอย่างมาก เขาไม่อาจจะสงบจิตใจตัวเองไปได้สักพัก