ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1692 : เสมอ
ฉิงหยางหัวเราะออกมา “ ฮ่าฮ่า ! นี่เจ้าจะบอกว่ามีแค่ผู้นำที่เอาชนะเจ้าได้อย่างนั้นรึ ? งั้นข้าจะลองสู้กับเจ้าดู เพื่อดูว่าข้าจะเอาชนะได้เจ้าได้รึไม่”
หลินเป่ยชานผายมือออกมาและพูดขึ้น “ หลินเป่ยชานจากเขตตะวันออกตอนเหนือ ขอคำแนะนำด้วย”
“ ฉิงหยาง เขตใต้ตอนเหนือ ขอคำแนะนำด้วย” ฉิงหยางป้องมือและพูดขึ้นมา
ทั้งสองได้ระเบิดพลังของตัวเองออกมาทั้งหมด พลังนั้นถึงกับทำให้เกิดพายุกระจายออกไปโดยรอบ
พวกคนด้านล่างต่างก็พากันตะลึง “ พลังของชายคนนี้ไม่ด้อยกว่าท่านฉิงหยางเลย !”
ฉิงหยางมองไปที่หลินเป่ยชาน ก่อนจะระเบิดคลื่นพลังสร้างออกมาและรวมตัวกันเป็นสัตว์อสูรอันน่ากลัว สัตว์อสูรนั่นได้อ้าปากออกและพุ่งเข้าใส่หลินเป่ยชาน เพื่อกลืนกินหลินเป่ยชาน
“ พอมีทักษะอยู่บ้าง” สีหน้าของหลินเป่ยชานไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย เขาสะบัดดาบออกไปเบาๆก่อนจะกำจัดสัตว์อสูรนั่นในพริบตาพร้อมกับท้องฟ้าที่โดนตัดออกเป็นสองส่วน
ฉิงหยางไม่ได้แปลกใจ หากการโจมตีระดับนี้เอาชนะหลินเป่ยชานได้ งั้นเจิ้งหลิวคงไม่พ่ายแพ้แบบนี้แน่
ฉิงหยางฟาดไม้เท้าออกไป ในจุดที่ไม้เท้าฟาดออกไปนั้นทำให้มิติแตกออกราวกับกระจกพร้อมรอยร้าวนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวขึ้นมา
ต่อมาใจกลางกระจกที่แตกนั้นก็มีแสงระเบิดออกมา ก่อนจะขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
จิตผู้สร้างของเขาถูกเผาไหม้พร้อมพลังสร้างที่เพิ่มขึ้นมา สุดท้ายมันก็กลายเป็นลำแสงสีม่วงพุ่งเข้าใส่หลินเป่ยชาน
หลินเป่ยชานสะบัดดาบออกไปอีกครั้งมันยังเป็นดาบแสงดังเดิมแต่มีพลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าเก่า
ลำแสงและดาบได้ปะทะกัน พลังทำลายล้างระเบิดออกมากระจายไปทั่วทุกทิศทาง มิติรอบข้างแตกออกเป็นชิ้นๆ ทุกอย่างถูกทำลายจนราบราวกับนี่เป็นจุดจบของโลก คลื่นพลังอันน่ากลัวก่อตัวเป็นพายุครอบคลุมพื้นที่หลายล้านไมล์ แม้แต่ผู้คนที่พื้นดินก็ยังรู้สึกว่าพวกเขาอาจจะถูกกำจัดภายใต้จิตผู้สร้างนี้
ครั้งนี้ฉิงหยางและหลินเป่ยชานถอยกลับไป 2-3 ก้าว
“ เจ้าแข็งแกร่งดีนิ” ฉิงหยางรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินเป่ยชาน “ พวกที่ต่ำกว่าผู้นำนั้นมีไม่กี่คนที่ทัดเทียมกับข้าได้ แต่เจ้ากลับทำได้ ”
หลินเป่ยชานมองไปที่ฉิงหยาง “ เจ้าเองก็ไม่เลว ข้ากลัวว่าคงไม่มีใครในเขตตะวันออกตอนเหนือที่ทัดเทียมกับเจ้าได้ยกเว้นข้ากับเบเกิล “ “ ผิดแล้ว” ฉิงหยางส่ายหน้า “ ยอดฝีมือเขตตะวันออกตอนเหนือนั้นไม่ได้มีแค่เจ้ากับเบเกิล ในอดีตนั้นข้าได้เดินทางไปที่นั่นและได้ท้าทายกับยอดฝีมือ ข้าได้เจอกับสามคนที่มีความแข็งแกร่งไม่ด้อยกว่าข้าเลย แน่นอนว่าพวกนั้นเป็นคนยุคเก่า การที่เจ้าไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ”
หลินเป่ยชานแปลกใจนิดๆ ในฐานะยอดฝีมือของเขตตะวันออกตอนเหนือแล้ว เขาไม่รู้ว่ามียอดฝีมือหลบซ่อนตัวอยู่ในเขตตะวันออกตอนเหนือ พวกนั้นต้องเกือบทัดเทียมกับผู้นำได้แน่ คนแบบนั้นมีจำนวนน้อยนิด ในความโกลาหลอันกว้างใหญ่นี้มีแค่ 1-2 คนก็ถือว่าดีแล้ว ไม่คิดเลยว่าในเขตตะวันออกตอนเหนือนั้นกลับมีถึง 3 คน หากรวมเขากับเบเกิลไปแล้วก็มีถึง 5 คน !
“ เจ้ากับข้าน่ะมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกัน เจ้าทำให้ข้าชื่นชมจริงๆ หากเจ้าเป็นคนของเขตใต้ บางทีเราอาจจะได้นั่งดื่มกัน” ฉิงหยางไม่ได้ดูหมิ่นหลินเป่ยชาน ความแข็งแกร่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้นเพียงพอที่จะได้รับความเคารพจากเขา “ แต่โชคร้ายที่เจ้าเป็นคนของเขตตะวันออกตอนเหนือ ข้าในฐานะตัวแทนของโลกนภาใต้ ข้าต้องเหนือกว่าเจ้า !”
“เข้ามา ” หลินเป่ยชานยิ้มออกมา
ฉิงหยางกำไม้เท้าเอาไว้แน่นและแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “ ข้าจะใช้ท่าสุดท้าย หากเจ้ารับมือได้ ข้าจะยอมรับว่าข้าพ่ายแพ้ ”
เขาแก่กว่าหลินเป่ยชาน เขาคือคนรุ่นเก่ากว่า หากเสมอกัน มันก็ไม่ต่างจากความพ่ายแพ้ ยังไงซะอายุของเขาก็มากกว่า
หลินเป่ยชานยังไม่ทันได้พูดอะไร ฉิงหยางก็สูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับใช้ไม้เท้าวาดเป็นวงกลมก่อนที่จะมีลำแสงพุ่งออกมา มันราวกับพลังที่ทำลายล้างความโกลาหลได้ มันก่อตัวเป็นขอบเขตที่แผ่แสงสีม่วงออกมา
ขอบเขตนี้ราวกับโลกย่อย
และลำแสงสีม่วงคือพลังที่โลกนี้ได้โจมตีออกมา !
ลำแสงสีม่วงส่องประกายราวกับจะย้อมทั้งโลกให้กลายเป็นสีม่วง
หลินเป่ยชานเห็นแบบนั้นก็ยกดาบขึ้นก่อนจะแทงดาบออกไปเบาๆ จุดแสงหลายสิบจุดก่อตัวขึ้นก่อนจะรวมตัวเป็นคลื่นพุ่งออกไปเพื่อรับมือกับการโจมตีนี้เอาไว้
ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจและมองดูฉากนี้ด้วยความกังวล
ตอนที่จุดแสงและลำแสงกำลังจะปะทะกันนั้น ลำแสงก็หยุดลง จุดแสงเองก็หยุดไปด้วย มิติที่แข็งแกร่งเกิดรูขึ้น ราวกับกระดาษที่ถูกเจาะจนทะลุ พื้นที่มิติพังลงเผยให้เห็นความโกลาหลภายนอกราวกับว่าในโลกนี้เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นมา มันน่าตกใจอย่างมาก
“ ข้าแพ้แล้ว” ฉิงหยางเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ ต่ำกว่าผู้นำนั้นเกรงว่าคงไม่มีใครเอาชนะเจ้าได้ ”
ตอนที่หลินเป่ยชานพูดตอนแรกนั้นฉิงหยางไม่คิดจะเชื่อ แต่ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว
“ เจ้าไม่ได้แพ้ ข้าไม่ได้ชนะ” หลินเป่ยชานพูดขึ้น “ พูดให้แม่นยำแล้วข้ากับเจ้าน่ะเสมอกัน”
จากระดับของพวกเขา นอกจากการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตแล้ว มันยากที่จะตัดสินได้ว่าใครแพ้รึชนะ
“ ข้าแก่กว่าเจ้า การเสมอแบบนี้ไม่ต่างจากการที่ข้าแพ้” ฉิงหยางถอนหายใจออกมา “ ไม่คิดเลยว่านอกจากเบเกิลแล้ว ในเขตตะวันออกตอนเหนือนั้นกลับมีคนที่น่าตกใจแบบนี้อยู่…ในอดีตมีคนบอกข้าว่าเจ้าด้อยกว่าเบเกิลเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะมองผิดไป การที่เสมอกับข้าได้ งั้นก็หมายความว่าเจ้าไม่ได้ด้อยกว่าเบเกิลเลย”
หลินเป่ยชานไม่คิดจะอธิบายเรื่องนี้ให้กับคนอื่นฟัง เขามองไปรอบๆแล้วพูดขึ้นมา “ มีใครอยากจะประมือกับข้าอีกรึไม่?”
ฉิงหยางพูดขึ้นมา “ ไม่ต้องถามหรอก ในเขตนี้นอกจากผู้นำขั้น 8 แล้ว ความแข็งแกร่งของข้าถือว่าอยู่ 3 อันดับแรก เมื่อข้าไม่อาจจะเอาชนะเจ้าได้ คนที่เหลือก็ไม่อาจจะทำได้ ยินดีด้วย จากนี้ไปจะไม่มีใครมาหาเรื่องเจ้าอีก…”
นอกจากผู้นำคงไม่มีใครกล้าหาเรื่องหลินเป่ยชานอีก ยังไงซะพวกนั้นก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่ากับฉิงหยางด้วยซ้ำ การหาเรื่องหลินเป่ยชาน ไม่ต่างอะไรจากการหาเรื่องเข้าตัว
“ หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อน” แม้ว่าฉิงหยางไม่อาจจะเอาชนะหลินเป่ยชานได้ แต่เขาก็ยังมีเกียรติของตัวเอง
ตอนที่หลินเป่ยชานกำลังจะพูดบางอย่างก็มีเสียงของจางหยูดังขึ้นมา “ มานี่ก่อน จะรีบไปไหน ?”
ฉิงหยางแปลกใจ “ใครกัน ?”
เขาไม่อาจจะรับรู้ถึงพลังจากจางหยูได้ เขาตะลึงอย่างมาก
“ ข้าจางหยูจากเขตตะวันออกตอนเหนือ ข้าไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร” จางหยูยิ้มออกมา “หากเจ้าสนใจ เจ้ามาดื่มกับข้าก็ได้”
ฉิงหยางสงสัยขึ้นมา เขามองไปที่หลินเป่ยชาน
“ ไปกันเถอะ การที่น้องชายชวนเจ้าเช่นนี้ถือว่าเป็นเกียรติสำหรับเจ้า” หลินเป่ยชานพูดขึ้น “ นอกจากน้องจางแล้ว ก็ยังมีผู้นำขั้น 8 อยู่…” ระหว่างที่พูดนั้นหลินเป่ยชานก็ได้บอกถึงความแข็งแกร่งของจางหยู
“ ผู้นำ !” ฉิงหยางใจสั่น ผู้นำขั้น 8 ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ถือว่ายิ่งใหญ่ ฐานะของผู้นำขั้น 8 นั้นแม้แต่ฉิงหยางก็ไม่กล้าที่จะดูหมิ่น
ด้วยความสงสัยฉิงหยางจึงตามหลินเป่ยชานไปที่ร้านอาหาร เขามองไปที่จางหยูและคนอื่นๆก่อนที่สุดท้ายจะมองไปที่ จ้านเทียนเกอ
จ้านเทียนเกอมองไปที่ฉิงหยาง ก่อนจะก้มหน้ากินอาหารต่อไปเหมือนไม่ได้สนใจอะไร
จางหยูพูดขึ้นมา “ ที่ข้าเรียกเจ้ามา อันที่จริงนั้นมีอะไรอยากจะถาม ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา”
ฉิงหยางสงสัยในใจ “ ชายคนนี้เป็นผู้นำจริงๆรึ ?” แต่แทนที่จะถามเรื่องนี้เขากลับถามเรื่องอื่น “ เจ้าอยากจะถามอะไร ?”
“ เจ้ารู้รึไม่ว่าหงอีอยู่ที่ไหน ?” จางหยูถามขึ้น